สรุปตอน บทที่ 61 ข้าเกรงว่าจะทำให้เจ้าขุ่นเคือง – จากเรื่อง ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดย เย็นอวี่ฟังหัว
ตอน บทที่ 61 ข้าเกรงว่าจะทำให้เจ้าขุ่นเคือง ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดยนักเขียน เย็นอวี่ฟังหัว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ฉู่เชียนหลีเมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จก็พลันเดินออกจากตำหนัก เหล่าพวกของซูจิ่นจือและเซียวจวินยี่ที่รออยู่ด้านนอกต่างพากันสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่
ซือ...
เฟิ่งเสวียนตู้ส่ายหัวเล็กน้อย แล้วยกมุมริมฝีปากขึ้นเบา ๆ
เขารู้อยู่แล้ว ฉู่เชียนหลีเหมาะกับสีแดงสดเช่นนี้มากที่สุด
“ท่านชายเซียว ท่านผู้พี่ พวกท่านมารออะไรกันอยู่ที่นี่หรือ?”
เซียวจวินยี่แก้มพลันแดงขึ้นในทันที ไม่กล้าที่จะสบตากับฉู่เชียนหลี เพียงแค่รู้สึกว่าหัวใจมันเต้นโครมครามจนแทบจะกระเด็นออกมาอยู่รอมร่อ มือก็จับแขนเสื้อซูจิ่นจือไว้แน่น ดึงรั้งเสียจนแขนเสื้อของเขาแทบจะหลุดออกจากบ่า
ซูจิ่นจือรีบดันเขาออกไปอีกทางด้วยความรังเกียจ “วังหลวงก็ส่งหมายเชิญให้กับท่านพ่อและข้าด้วย ให้พวกเราไปที่งานเลี้ยงพร้อมกัน”
“เช่นนั้นก็พอดี ถือว่าเราไปกินเลี้ยงก็แล้วกัน”
ฉู่เชียนหลีเดินขึ้นไปด้านหน้าและอุ้มเซินเป่าขึ้น เดินออกมาเคียงข้างกันเฟิ่งเสวียนตู้
เซียวจวินยี่รู้สึกกังวลในใจ รีบร้อนดึงแขนเสื้อซูจิ่นจือเพื่อจะตามไป ผลคือ หลังจากที่เขาดึงคนข้างหน้าก็พลันหยุดเดินเสียอย่างนั้น
“รีบไปเถอะ น้องหญิงเชียนหลีก็... หืม?”
เซียวจวินยี่หันกลับมาในทันที เขาชะงักไปชั่วครู่ ยกมือขึ้นผลักซูจิ่นจือออกไปตามสัญชาตญาณ
ซูจิ่นจือยืนตรงอยู่ที่เดิม ร่างกายไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย
“จิ่นจือ เจ้า... เจ้า...”
ซูจิ่นจือยกริมฝีปากขึ้น พยักหน้าให้กับเซียวจวินยี่
“นี่... ฮ่า ๆ ๆ ดีจริง ๆ!” เซียวจวินยี่เปี่ยมด้วยความตื่นเต้น ทั้งยังเอื้อมมือออกไปลูบคลำซูจิ่นจืออีกด้วย
“ข้าก็ว่าอยู่ เมื่อครู่เห็นเจ้า ก็เห็นว่าสีหน้าของเจ้าดีขึ้นมากแล้ว คิดไม่ถึง... คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ! ดีมาก! ใช่แล้ว แล้วใต้เท้าซูล่ะ?”
ซูจิ่นจือเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “ความลับ”
เซียวจวินยี่คือเพื่อนร่วมสาบานของเขา หากปราศจากการสนับสนุนจากเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ก็เกรงว่าตนจะไม่สามารถอดทนได้จนถึงวันนี้ ดังนั้น สำหรับเขา ไม่จำเป็นต้องปิดบังข้อมูลนี้
“เจ้าวางใจเถอะ ความลับนี้ข้าจะกลืนมันลงท้องไปเอง”
รถม้าสองคันเรียงกันเข้าไปยังพระราชวัง
ฉู่เชียนหลีอาศัยจังหวะที่ยังอยู่บนรถม้างีบหลับ เมื่อตื่นขึ้นเพียงครู่เดียวรถม้าก็มาถึงที่หน้าประตูวังที่มีทหารรับใช้คอยอยู่แล้ว
“ข้าน้อยคารวะคุณหนูใหญ่...”
“ไม่ต้องมากพิธี”
“บ่าวได้รับคำสั่งจากเกากงกง ให้มารอรับคุณหนูใหญ่ที่นี่ เพื่อนำทางให้ท่าน ป้องกันไม่ให้มีใครมาชนเข้าท่าน”
ฉู่เชียนหลีกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน เสียงหวาน ๆ ก็ดังลอยมาทางด้านหลัง
“ท่านพี่?”
ฉู่หลิงเซวียนเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงรับใช้
บนใบหน้าของนางถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันอย่างงดงามไร้ที่ติ สวมชุดกระโปรงสีกลีบดอกบัวปักด้วยดิ้นทองเป็นลวดลายผีเสื้อนับร้อย ด้านนอกคลุมทับด้วยผ้าบางปักลายดอกกล้วยไม้
ในเวลานี้เป็นเวลาใกล้ค่ำ อาทิตย์อัสดงทอแสง บนผ้าคลุมบางปรากฏแสงสีทองส่องประกายมันทำให้นางทั้งดูนุ่มนวลและสดใส
“มองไกล ๆ เห็นรูปร่างคล้ายท่านพี่ คิดไม่ถึงว่าเป็นท่านพี่จริง ๆ เสียด้วย ว่าแต่เหตุใดวันนี้ท่านพี่ถึงได้ใส่ผ้าคลุมหน้าหรือ?”
ฉู่หลิงเซวียนมองฉู่เชียนหลี แววตาแฝงไปด้วยการหยั่งเชิง
หากนางมีโฉมหน้าเฉกเช่นฉู่เชียนหลี คงแทบจะรอไม่ไหวที่จะให้ทุกคนได้ยลโฉมได้ตามเกี้ยวทุกวันไป อย่างไรเสียก็จะไม่มีวันเอาผ้ามาปิดหน้าแน่นอน แต่ฉู่เชียนหลีกลับไม่เป็นเช่นนั้น หรือบนหน้านั้นมีสิ่งใดไม่หน้าดูหรือ?
คิดได้เช่นนั้น นางก็เดินตรงเข้าไปหาฉู่เชียนหลี
ตามระยะทางที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ของนาง ยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้พิเศษที่พัดผ่านมาด้วย
ฉู่เชียนหลีกวาดตามองฉู่หลิงเซวียนที่บนร่างเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท นัยน์ตาแฝงไปด้วยความตกใจเล็กน้อย
กลิ่นหอมนั้นลอยออกมาจากถุงหอมที่อยู่บนตัวของฉู่หลิงเซวียน รวมกันอยู่ไม่กระจายหายไป แทรกซึมลึกเข้าไปในร่างกาย ที่สำคัญที่สุดคือภายในนั้นมี พลังแห่งจิตวิญญาณ แฝงอยู่ด้วย
ถึงแม้พลังแห่งจิตวิญญาณ นั้นจะอ่อนแอมาก แต่สำหรับผีเสื้อที่บอบบางแล้วนั้นก็สามารถได้กลิ่นโดยง่าย
ฉู่หลิงเซวียนใช้ดอกไม้ที่ถูก พลังแห่งจิตวิญญาณ ของนางส่งผลให้บานสะพรั่งมาทำเป็นเครื่องหอมหรือ?
ปรารถนาจะทำสิ่งใดกันแน่?
ดึงดูดผีเสื้อหรือ?
ฉู่เชียนหลียิ้มบาง ๆ “หากถอดผ้าคลุมออก เกรงว่าจะทำให้เจ้าขุ่นเคือง”
พูดจบ ปลายนิ้วก็ขยับเล็กน้อยพลังแห่งจิตวิญญาณที่หลบซ่อนอยู่ภายในถุงหอมนั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นพลังธรรมชาติในทันที
“ไม่ใช่ว่าฝ่าบาททรงรับสั่งให้ตรวจสอบจวนแม่ทัพใหญ่หรอกหรือ เหตุใดวันนี้จึงได้เชิญเขามาที่นี่ด้วยล่ะ?”
“ไม่ใช่เพราะว่ามีหลานสาวที่แสนดีหรอกหรือ?”
สายตาของเหล่าผู้คนในงานต่างก็ถูกส่งมาเพื่อประเมินฉู่เชียนหลี ในใจแอบไว้อาลัยต่อสิ่งที่ซูยี่และซูจิ่นจือได้พบเจอมา
พวกเขาต่างแสดงถึงความเห็นอกเห็นใจบนใบหน้า แต่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหอง ราวกับว่าการเหยียบเทพเจ้าที่ไม่สามารถบรรลุได้ลงในโคลนตม จะสามารถทำให้พวกเขาเหนือกว่าและกลายเป็นเซียนได้
ไม่นาน ฉู่เยี่ยนชิงก็พาฉู่หลิงเซวียนเข้าประตูมา บรรดาผู้เข้าร่วมงานต่างก็พากันลุกขึ้นเป็นการต้อนรับด้วยท่าทางเคารพและรอยยิ้มจริงใจ
ผ่านไปราวสิบห้านาที เสียงประกาศก็ดังกึกก้อง
“ฝ่าบาทเสด็จ ฉีเฟยเสด็จ องค์ชายสาม...”
ฉู่เชียนหลีนัยน์ตาเป็นประกาย องค์ชายสามปรากฏกายพร้อมกับฝ่าบาท เรียกว่าเป็นเกียรติยศที่หาได้ยาก
ทุกคนต่างลุกขึ้นทำความเคารพ เฟิ่งเสวียนตู้สีหน้านิ่งเรียบ อุ้มเซินเป่าไว้ไม่เคลื่อนไหว
ฉู่เชียนหลีหันไปมอง พลางคิดในใจ หยิ่งผยองอะไรเช่นนี้?
“ลุกขึ้นได้”
สิ้นเสียงฮ่องเต้ ก็มีคนตะโกนมาทางเฟิ่งเสวียนตู้ในทันที “ช่างกล้านัก ต่อหน้าฝ่าบาท ยังไม่คุกเข่าอีก?”
เฟิ่งเสวียนตู้เหลือบตา หน้ากากสลักลายงดงามบนใบหน้าเปล่งประกายสีเงิน เขาเพียงแค่มองไปทางจักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ เขาพยักหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ย
“เคารพฝ่าบาท”
“ถอยไป! อย่าเสียมารยาทกับอาจารย์เทียนเสวียน”
ฮ่องเต้มองไปทางเฟิ่งเสวียนตู้ ความร้อนรนและความเกรงกลัวซ่อนอยู่ภายใต้สายตานั้น
เขาไม่เคยคาดคิดแม้แต่น้อย ในตอนที่พบว่าฉู่เชียนหลีอาจมีความเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกตน ก็ต้องต้อนรับอาจารย์สำนักเทียนเสวียนด้วย ดูแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เฟิ่งเสวียนตู้พยักหน้าให้กับฮ่องเต้ จากนั้นก็หยิบของว่างบนโต๊ะป้อนเซินเป่าต่อ
อาจารย์เทียนเสวียน?
ฉู่เชียนหลีคิดถึงข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับสำนักเทียนเสวียน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
จากมหาเศรษฐีแห่งตงเสวียน ก้าวกระโดดไปเป็นอาจารย์เทียนเสวียน ไม่รู้ว่าต่อไปจะกลายเป็นอะไรอีก?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
ไม่อัฟแล้วหรือคะ...
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...