ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 64

สรุปบท บทที่ 64 ข้าเดือดร้อน พวกเจ้าก็ไม่มีใครรอดไปได้: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี

ตอน บทที่ 64 ข้าเดือดร้อน พวกเจ้าก็ไม่มีใครรอดไปได้ จาก ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 64 ข้าเดือดร้อน พวกเจ้าก็ไม่มีใครรอดไปได้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี ที่เขียนโดย เย็นอวี่ฟังหัว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ฮ่องเต้เมื่อได้ยินว่าฉู่เชียนหลีมีหนทาง นัยน์ตาก็พลันเป็นประกายขึ้นทันที

“ยาถอนพิษเก็บไว้ที่ใด เจิ้นจะรีบให้คนไปเอามาทันที”

เซินเป่าคิดถึงเหล่าน้อง ๆ โสมปีศาจที่อยู่กันเต็มจวนซูขึ้นมา จึงอาสายกมือเล็ก ๆ ขึ้นมาทันที

“ฝ่าบาท เซินเป่าไปเอง!”

เหล่าน้อง ๆ นั้นไม่สามารถให้คนนอกพบได้ อีกทั้งนอกจากน้อง ๆ ยังมีเจ้าชมพูคอยปกป้องอยู่ข้าง ๆ อีก หากว่ามันคลั่งขึ้นมา เรื่องมันจะไปกันใหญ่อย่างแน่นอน

ฮ่องเต้เลิกคิ้วขึ้น “เจ้าเด็กน้อย...”

เซินเป่าเอานกหวีดหยกเล็ก ๆ ที่ห้อยคออยู่ออกมาทันที พร้อมกับออกแรงเป่าทันที

แค่อึดใจถัดมา เสียงร้องก้องกังวาลของวิหคหิมะก็ดังขึ้น

“ฝ่าบาท เซินเป่าขี่เจ้าขาวไป เร็วมากจริง ๆ นะ อีกอย่างข้ารู้ว่าท่านแม่เก็บขวดยาไว้ที่ใด”

วิหคหิมะตัวหนึ่งบินลงมาจากฝากฟ้า ปีกอันกว้างใหญ่สยายออก เกิดเป็นลมกรรโชกม้วนออกไป กรงเล็บที่แข็งแรงและแข็งแกร่งเปล่งประกายวาววับดุจแสงของโลหะ ราวกับจะฉีกท้องฟ้าเป็นชิ้น ๆ ได้ทุกเมื่อ

แม้ว่าจะเป็นยามราตรี ก็ไม่สามารถที่จะปกปิดพาหนะที่กล้าหาญและศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้

องครักษ์ที่คอยเฝ้ายามอยู่หน้าประตูวังก็ยกระดับการป้องกันขึ้นในทันที วิหคหิมะเช่นนี้หากจู่โจมขึ้นมา กรงเล็บสามารถทำให้บาดเจ็บหรือถึงตายได้

ในเวลานี้เอง เสียงเคร่งขรึมของจักรพรรดิก็ดังขึ้น “ได้ เช่นนั้นเจ้าก็รีบไปรีบมา”

“อื้ม ๆ!” เซินเป่าพยักหน้าอย่างหนักแน่น รีบสาวเท้าไปที่ประตูทางเข้า พร้อมกับกวักมือเรียกเจ้าขาว

“เจ้าขาว ทางนี้!”

วิหคหิมะหรือเจ้าขาววนลงมาทันที และหยุดลงตรงหน้าตำหนักอย่างว่าง่าย โน้มตัวลงและลู่ปีกข้างหนึ่ง เป็นสัญญาณในการเชิญเซินเป่า

เซินเป่าจับที่ขนของเจ้าขาว พยายามดันก้นปีนขึ้นไป เจ้าขาวยังใส่ใจด้วยการค่อย ๆ ยกเขาขึ้นด้วยปีกของมัน

ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืน ค่อย ๆ สาวเท้ามายังหน้าตำหนัก ลูบหัวเจ้าขาวที่ก้มลงมาด้วยความเคารพ

“ดูแลเซินเป่าให้ดี รีบไปรีบมา”

ในนาทีนี้เอง เฟิ่งเสวียนตู้ลุกขึ้นยืนข้างกายฉู่เชียนหลี หยิบไข่มุกขนาดเท่ากำมือเด็กทารกออกมาจากแขนเสื้อ ส่งให้กับเซินเป่ากำไว้ในมือ

“ฟ้ามืดแล้ว ใช้ไข่มุกนี้ส่องทางเสีย”

ไข่มุกส่องแสงสว่างทว่าสบายตา แต่ดูเหมือนว่าลำแสงนั้นจะไม่ได้จากไปตามความเร็วนั้น ทำให้ทั่วทั้งตำหนักและลานหน้าตำหนักสว่างไสวไปทั่ว

“อ๋า!” มีบางคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงด้วยความตกใจ “ไข่มุกนั่น... คงไม่ใช่ไข่มุกสมุทรแสงในตำนานใช่หรือไม่?”

มีข่าวลือว่า มีไข่มุกแห่งทะเลจีนตะวันออก เคยถูกเจียวหลงใส่ไว้บนหัว เมื่อลงไปในทะเล ท้องทะเลลึกพันชุ่นก็สดใสราวกับกลางวัน เมื่อขึ้นจากทะเล ดวงดาวและดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่ทอดยาวถูกบดบังไกลพันลี้

เซินเป่ากำไข่มุกไว้อย่างดี “ขอบคุณเจ้าอาขี้เหร่”

เมื่อพูดจน ก็ตบเจ้าขาวเบา ๆ ในมือถือไข่มุก มุ่งตรงสู่ท้องฟ้าทันที

เพราะความเร็วนั้นเร็วเกินไป ลำแสงของไข่มุกสมุทรแสงดูเหมือนว่าจะตามไม่ทัน ส่องเป็นทางยาวทอดผ่านท้องฟ้ายามราตรี

จวบจนแสงสลัวไป ทุกคนกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง มองไปทางเฟิ่งเสวียนตู้ ครั้งนี้เองถึงได้รู้สึกว่าสถานะอาจารย์เทียนเสวียนของเขานั้นสำคัญเพียงใด

ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อเห็นฝ่าบาทก็ไม่แม้แต่จะคุกเข่า สมบัติเช่นนั้นยังสามารถมอบให้เด็กใช้ส่องสว่างอย่างง่ายดาย นั่นก็ชัดเจนแล้วมิใช่หรือว่าภูมิหลังของเขานั้นลึกเสียจนไม่อาจคาดเดา?

อีกทั้ง อาจารย์ท่านนี้ดูจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับฉู่เชียนหลีอีกด้วย ในตอนนั้นก็ยังตามนางเข้าไปในเมืองอีกด้วย ว่ากันว่าอยู่กินกันที่จวนเฉิงเสี้ยงด้วย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าผู้คนต่างพากันหันไปมองฉู่หลิงเซวียนโดยไม่ได้ตั้งใจ

มองดูแล้ว แทบจะกลั้นความคลื่นไส้ไว้ในใจไม่ได้ เกือบจะคายสิ่งสิ่งที่เพิ่งกินออกมาให้หมดเสียตรงนั้น

รูปลักษณ์ของฉู่หลิงเซวียนในเวลานี้ น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งกว่าฉู่เชียนหลีเมื่อห้าปีก่อนหลายเท่า!

เมื่อมองเห็นภาพนั้น ต่างก็รู้สึกอยากให้มีคนมาควักลูกตาของตัวเองออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

ส่วนองค์ชายสามนั้น อืม สีหน้าเขาซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด แต่พอมองไปมองมาก็รู้สึกว่าจะเริ่มมืดหม่นลงเรื่อย ๆ

ภายในตำหนักบรรยากาศน่ากังวลอย่างมาก หยุนชิงกุยและฉู่เยี่ยนชิงต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้น ราวกับนักโทษที่กำลังรอการพิจารณาคดี ในใจพยายามคิดหาทางหลุดพ้นจากโทษนั้นให้เร็วที่สุด

แน่ใจว่านั่นคือรอยยิ้ม แต่มันกลับเยือกเย็นเหลือเกิน เฉกเช่นเกล็ดหิมะเล็ก ๆ ที่ร่วงหล่นลงมาบนทะเลสาบที่ใสสะอาดและเงียบสงบ

ถูกสายตาของนางกวาดมอง ทุกคนหลุบตาและก้มหน้าลงโดยไม่ตั้งใจ ไม่กล้าสบตากับนางโดยตรง เพราะกลัวจะเผยความน่าสะอิดสะเอียนในใจ ที่อาจทำให้นางหมดความอดทนและแสดงความรังเกียจออกมา

เฟิ่งเสวียนตู้อุ้มเซินเป่าลงมาจากหลังเจ้าขาว จากนั้นจึงส่งขวดยานั้นส่งต่อให้กับฉู่เชียนหลี

“ยาถอนพิษ”

ฉู่เชียนหลีรับมา “ฝ่าบาท ยาถอนพิษอยู่ที่นี่แล้ว แต่ว่า วัตถุดิบทำยาถอนพิษนั้นมีค่าและหายากมาก และหม่อมฉันมีเพียงแค่ห้าเม็ดเท่านั้น ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว”

เกาหลินรีบรับยาถอนพิษมาทันที เตรียมที่จะส่งต่อให้หมอหลวงข้าง ๆ ตรวจสอบ แต่กลับถูกฝ่าบาทโบกมือห้ามไว้เสียก่อน

“ไม่จำเป็น เจิ้นเชื่อใจเชียนหลี ว่าแต่ยานี้ใช้อย่างไร?”

“ก่อนนี้ฝ่าบาทเคยใช้โสมเสวียนม่วงแล้ว สภาพร่างกายนั้นดีมาก อีกทั้งยังได้รับพิษไม่มาก กินวันละหนึ่งเม็ด ทั้งหมดสามวันก็พอแล้วเพคะ ส่วนฉีเฟยและน้องหลิงเซวียนสภาพร่างกายของพวกเขาย่ำแย่ยิ่งนัก หากต้องการถอนพิษ อย่างน้อยต้องกินยาทั้งหมดเจ็ดวัน แต่ยาก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น...”

ฉู่เชียนหลีเพยสีหน้ากังวลใจ แต่ในใจกับเต็มไปด้วยความเย็นชา ‘เช่นนั้น พวกเจ้าก็ต้องร้องขอเอาเองล่ะนะ’

นางรับปากว่าจะช่วยเก็บกวาดให้ แต่ก็ไม่ได้พูดนี่ว่าจะเก็บกวาดจนสะอาดถึงเพียงใด

ก่อนหน้านี้ เจ้าของร่างเดิมนั้นถูกดูหมิ่นมากมายเพียงเพราะรูปโฉมอัปลักษณ์ นางก็จะทำให้ฉีเฟยและฉู่หลิงเซวียนได้ลิ้มลองรสชาติของการถูกเย้ยหยันจากทุกคนใต้หล้าเพียงเพราะรูปโฉมอัปลักษณ์

หัวใจของฉู่หลิงเซวียนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ใบหน้านั้นดูเหมือนกำลังจะบิดเบี้ยว

ฉู่เชียนหลีสามารถนำยาแก้พิษระดับสูงอย่างยาหนิงลู่ออกมาได้ แล้วเหตุใดครั้งนี้จึงไม่สามารถนำยาออกมารักษาจนหายได้?

เหตุใดต้องใช้เวลาถึงเจ็ดวัน แล้วยาก็มีแค่เพียงห้าเม็ด นางจะไปกล้าแย่งชิงกับฝ่าบาทหรือฉีเฟยได้อย่างไร?

นางต้องการทำให้ตนเองตายงั้นหรือ!

คนเลว!

คนเลวที่สมควรถูกประหารหั่นศพ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี