สรุปเนื้อหา บทที่ 65 ไปคุกเข่าเสีย! – ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดย เย็นอวี่ฟังหัว
บท บทที่ 65 ไปคุกเข่าเสีย! ของ ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เย็นอวี่ฟังหัว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ฮ่องเต้หยิบยาออกมาหนึ่งเม็ด จากนั้นก็กลืนลงคอไปทันที หลังจากนั้นความเจ็บแสบในลำคอกับผดผื่นแดงนั้นก็สลายไปบางส่วนทันที
“ดีมาก”
ฉีเฟยจ้องไปที่ขวดยาในมือฝ่าบาท แววตานั้นเต็มไปด้วยความปรารถนา
“ฝ่าบาท หม่อมฉัน...”
ฮ่องเต้ชะงักไปเล็กน้อย สุดท้ายก็หยิบยาเม็ดหนึ่งยื่นไปให้
“ฉีเฟย เจ้าควรขอบคุณเชียนหลีให้ดีถึงจะถูก”
“เพคะ... เชียนหลี ข้า... ข้าขอบใจเจ้ามาก”
ฉีเฟยฝืนฉีกยิ้มออกมา แต่ภาพลักษณ์เช่นนั้นกลับน่ากลัวจนขนลุก
ฉู่เชียนหลีเคยคุกเข่าอยู่ต่อหน้านาง เพียงแค่มองก็รู้สึกรังเกียจและคลื่นไส้ แต่ในวันนี้ สถานะทั้งสองกลับสลับสับเปลี่ยนกันอย่างสิ้นเชิง จนถึงขั้นจำเป็นต้องเอ่ยคำขอบคุณต่อฉู่เชียนหลี!
ความโกรธประทุขึ้น นางโกรธเสียจนเจ็บหัวใจ
รอให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปก่อน นางจะไม่ปล่อยฉู่เชียนหลีไปแน่!
“ฉีเฟยอย่าได้เกรงใจ กินยาแล้วรีบพักเสียหน่อย ถึงอย่างไรงานเลี้ยงยังต้องดำเนินต่อ”
ฉีเฟยรีบเงยหน้าขึ้นทันที ‘งานเลี้ยงอะไรต้องดำเนินต่อ นางเป็นถึงขนาดนี้แล้ว งานยังจะดำเดินต่ออีกหรือ?’
และในเวลานี้เอง องครักษ์ที่ออกไปสำรวจทางด้านนอกก็เข้ามากราบทูลรายงาน
“ฝ่าบาท ด้านนอกเมืองหลวงยังคงปกติดีทุกอย่าง ดอกไม้นานาพรรณบานสะพรั่ง งดงามเช่นเดิมพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เมื่อได้ฟังรายงานนนี้ ในใจที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดก็พลันผ่อนคลายลง
ความมงคลยังไม่หายไป เช่นนี้สิ่งที่ไม่เป็นมงคลในวันนี้ก็คือฉู่หลิงเซวียนกับฉีเฟยเท่านั้น!
คิดไปคิดมาก็ถูก มารดาแผ่นดิน ฉีเฟยเป็นแค่นางสนมคนหนึ่ง นางคู่ควรหรือ?
คงเป็นเพราะนางมีใจโลภตำแหน่งวังหลัง สวรรค์เห็นว่านางไม่มีคุณธรรมคู่ควรกับตำแหน่ง ดังนั้นจึงได้ส่งสัญญาณมาเตือน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นัยน์ตาของฮ่องเต้ก็ฉายแววรังเกียจขึ้นมา แต่ก็ถูกปิดบังเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“ดีมาก”
“ฝ่าบาท” องครักษ์ทูลต่อ “องค์ชายเล็กขี่วิหคหิมะไปเอายาที่จวนตระกูลซู ทุกที่ที่บินผ่านไปนั้นต่างสว่างไปทั่ว อีกทั้งยังมีเหล่านกนับร้อยบินตามหลัง ตลอดทางเข้าพระราชวัง สร้างความเข้าใจผิดให้กับราษฎรว่าเป็นปาฏิหาริย์ ต่างก็พากันคุกเข่ากราบไหว้...”
ฮ่องเต้สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ปาฏิหาริย์ กราบไหว้ หากว่าเกิดขึ้นกับเขาที่เป็นถึงองค์จรรกพรรดิ นั่นนับว่าเป็นเรื่องดี แต่นี่มันเกิดขึ้นกับเด็กน้อย?
ฉู่เชียนหลีอ่านใจของฮ่องเต้ออก ความเยือกเย็นแล่นผ่านหัวใจ
คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงศักดิ์ ย่อมไม่ยินยอมให้ใครก็ตามมาท้าทายอำนาจของตนแม้แต่วินาทีเดียว แต่ว่า นางก็ไม่ได้มีความคิดจะให้เซินเป่ามีชื่อเสียงเลื่องลือ อีกทั้งยังไม่สนใจในอำนาจฮ่องเต้อีกด้วย
เช่นนั้นแล้ว นางจึงเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว ยกเท้าขึ้นถีบกระถางดอกมารดาแผ่นดินที่ตายแล้วให้คว่ำไปกับพื้น มองฉู่หลิงเซวียนด้วยสายตาเย็นชา
“น้องข้า ได้รับบทเรียนจากวันนี้แล้ว ต่อไปก็จำไว้ให้ดีล่ะ ตนเองปลูกดอกไม้ไม่เป็นก็ไม่ต้องปลูก ดูสิว่าเจ้าปลูกอะไรออกมา ทำร้ายฉีเฟยยังไม่พอ เกือบทำให้โอรสสวรรค์ได้รับอันตรายไปด้วยอีก”
ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นกระถางดอกไม้ที่คว่ำอยู่ สีหน้าก็ผ่อนคลายลงทันใด
“เชียนหลีกล่าวถูกแล้ว ฉู่หลิงเซวียน ต่อไปก็ใช้วิธีที่ไม่เข้าท่าเช่นนี้ให้น้อยลงเสีย”
ดอกไม้นั้นเป็นดอกไม้ที่ฉู่หลิงเซวียนปลูกเอง ในเมื่อเกิดเรื่อง ก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวกับความมงคลท่ามกลางเมืองหลวงแม้สักนิด
ฉู่เชียนหลีพูดต่อ “ฝ่าบาท เมื่อครู่ร่างกายอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านได้รับความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เหล่านกนับร้อยต่างพอกันมาแสดงถึงความห่วงใย สมกับเป็นโอรสสวรรค์ได้รับการดูแลจากเบื้องบน”
ฮ่องเต้ชะงักไป ใบหน้าของเขาก็พลัยเผยรอยยิ้มขึ้น
“จากคำกล่างของเชียนหลี ความจริงแล้วเหล่านกพวกนั้นพากันมาเพื่อเจิ้นหรือ?”
“สุขพลามัยของฝ่าบาทเกี่ยวข้องกับความสงบสุขของตงเสวียน ใต้ฟ้าทั้งหมดเป็นแผ่นดินของกษัตริย์ และในทะเลทั้งสี่ทิศล้วนเป็นผู้รับใช้ของกษัตริย์ เหล่าฝูงนกพวกนี้อยู่ภายใต้อำนาจของฝ่าบาท พวกมันเป็นห่วงฝ่าบาทก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือเพคะ?”
ฉู่เชียนหลีพูดน้ำเสียงราบเรียบ แววตาใสซื่อจริงใจ ราวกับกำลังพูดเรื่องที่เดิมที่ก็ควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉีเฟยรู้สึกเสียใจเสียจนอยากจะกระอักเลือดออกมา
ส่วนฉู่หลิงเซวียนที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านนอกนั้น ในตอนนี้นางแทบอยากจะจับนังคนสารเลวนั่นตัดขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทางที่ดีให้นางเจ็บป่วยจนลุกไม่ได้ หรือจู่ ๆ ก็ตายไปเลยยิ่งดี นางจะได้ไม่ต้องเปลืองสมองคิดวิธีกำจัดนาง
ฮ่องเต้ไม่ได้สนใจฉีเฟยอีกต่อไป แต่กลับหันหน้าไปมององค์ชายสามและฉู่เยี่ยนชิงที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า
“ฉู่เยี่ยนชิง...”
ฉู่เยี่ยนชิงรีบคลานเข้าขึ้นมาสองก้าว มอบตัวลงหัวแตะพื้น
“ฝ่าบาท กระหม่อมสั่งสอนลูกไม่ดี ทำให้นางก่อเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ สมควรถูกโทษประหาร ขอฝ่าบาททรงโปรด!”
“สั่งสอนลูกไม่ดี นั่นย่อมเป็นความผิดของคนเป็นพ่อ เจ้าสมควรถูกลงโทษก็จริง แต่เจ้าก็ยังโชคดี ที่นอกจากลูกสาวที่ไม่ได้เรื่องอย่างฉู่หลิงเซวียนแล้ว เจ้ายังมีลูกที่ดีอย่างเชียนหลีอยู่ ดังนั้น วันนี้ข้าจะลงโทษสถานเบาเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดที่ใหญ่กว่านี้ในภายหลัง ยึดเบี้ยเลี้ยงสองปี โบยสิบครั้ง ให้เป็นเยี่ยงอย่าง”
ฉู่เยี่ยนชิงหน้าซีด “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมน้อมรับโทษ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตา”
โบยสิบครั้งนั้นไม่ได้หนักอะไร แต่ในฐานะข้าราชการชั้นหนึ่งอย่างเฉิงเสี้ยง กลับถูกโบย ใบหน้านี้เรียกได้ว่าถูกฉีกลงและเหยียบลงไปในโคลนโดยตรง
หยุนชิงกุยไม่รอให้ฝ่าบาทเอ่ยปาก ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าเพื่อรับโทษเอง
“เสด็จพ่อ ลูกผิดไปแล้ว ไม่ได้ปรึกษากับฉู่หลิงเซวียนให่ดีเสียก่อน ไม่ได้ตรวจดูดอกไม้ที่นางเลี้ยงอย่างละเอียดรอบครอบ...”
“เอาล่ะ” ฮ่องเต้เผยแววตาหมดความอดทน “ฉู่หลิงเซวียนเป็นคู่หมั่นของเจ้า ความผิดของนางก็เหมือนกับความผิดของเจ้า วันนี้ท่านแม่ของเจ้าได้รับบาดเจ็บ รอจนงานเลี้ยงจบลง เจ้าก็ไปที่ตำหนักกักตัวเป็นเวลาสามเดือน คัดลอกหนังสือสำนึกผิดร้อยครั้ง สวดมนต์ให้กับท่านแม่ของเจ้าด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายสามความเดือดร้อน เหล่าองค์ชายท่านอื่น ๆ กลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
โดยเฉพาะกับองค์ชายใหญ่หยุนชิงฝานที่ถูกกดมาตลอด เสด็จแม่ของเขา พระชายาเหลียงก็มักจะขัดแย้งกับฉีเฟยอยู่ตลอด เขาและองค์ชายสามจึงเป็นคู่แข่งกันมาเสมอ ในเวลานี้ เขาจะไม่พลาดโอกาสที่จะซ้ำเติมอย่างแน่นอน
“เสด็จพ่อ ลูกได้ยินมาว่า น้องสามกตัญญูต่อฉีเฟยยิ่งนัก ครั้งนี้นอกจากจะให้คู่หมั่นของตัวเองแสดงระบำแล้ว ยังให้คนไปเชิญคณะการแสดงม้าจากชาวบ้านมาอีกด้วย”
การแสดงระบำชุดหนึ่งยังทำให้หยุนชิงกุยลำบากจนถึงเพียงนี้ เช่นนั้นการแสดงจากคณะการแสดงม้าจะยังมีอะไรดี ๆ ให้ดูอีกหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
ไม่อัฟแล้วหรือคะ...
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...