นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิ่งเสวียนตู้รู้ ที่แท้ยังมีคนที่สามารถใช้คำพูดเพียงประโยคสองประโยค ก็สามารถทำให้หัวใจของเขากระโดดไปมาระหว่างเหวลึกกับก้อนเมฆ
เขาก้มหน้ามองฉู่เชียนหลีอย่างจริงจัง นึกถึงภาพที่นางถือกระบี่เล่มยาว เหยียบอยู่บนกลองสงครามของเผ่าหงส์ ร่างกายพริ้วไหวแลดูสง่างาม เสียงหัวใจที่เต้นอย่างหนักแน่นกลับมาปั่นป่วนเพราะนางอีกครั้ง
“เพราะอะไรเป็นข้าถึงไม่เป็นไร?”
ฤทธิ์ของเหล้าหนิงโป๋ยิ่งอยู่ก็ยิ่งแรงมากขึ้น สายตาของฉู่เชียนหลียิ่งอยู่ก็ยิ่งพร่ามัว
“เป็นเพราะ……เป็นเพราะเจ้าคือเจ้าขี้เหร่ไง……”
ฉู่เชียนหลีหัวเราะเสียงเบา หลังจากนั้นซบหน้าลงบนหน้าอกของเฟิ่งเสวียนตู้ ยื่นมือออกไปคล้องคอของเขา
“ข้ากำลังจะหลับแล้ว ห้ามเจ้าขยับตัว!”
“แล้ว…ของรางวัลที่เจ้าพูดล่ะ?”
ก็ไหนบอกว่าจะมอบรางวัลให้เขาดื่มมิลค์เชคหนึ่งคำไม่ใช่เหรอ?
ไม่ได้รับการตอบสนองพักใหญ่ เฟิ่งเสวียนตู้อุ้มฉู่เชียนหลีขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เพิ่งพบว่านางหลับไปแล้ว
“เจ้า……คำพูดไม่เป็นคำพูด ไม่ใช่มิลค์เชคที่ดี”
แม้ไม่รู้ว่ามิลค์เชคคืออะไร แต่คนที่ไม่รักษาคำพูดก็คือผิด!
ฉู่เชียนหลีนอนหลับฝันหวาน สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสรีระ นางออกแรงเบียดตนเองเข้าไปในอ้อมแขนของเฟิ่งเสวียนตู้เล็กน้อย
ผ่านไปสักพัก เฟิ่งเสวียนตู้ก้าวเท้าอุ้มนางกลับไปที่ห้องนอน หลังจากคลุมผ้าห่มให้นางอย่างนุ่มนวล นั่งลงที่ข้างเตียงด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ
“ข้าไม่ได้ต้องการจุมพิตเจ้า แค่ต้องการทำให้เจ้ากลายเป็นคนที่รักษาคำพูด……”
เฟิ่งเสวียนตู้พูดจบ ราวกับสามารถเอาชนะใจของตนเอง โน้มตัวเข้าใกล้ฉู่เชียนหลีอย่างเชื่องช้า สุดท้ายจูบลงบนกลางหว่างคิ้วของนางอย่างอ่อนโยน
ดวงตาสีดำเข้มค่อยๆถูกปกคลุมด้วยประกายสีแดงระยิบระยับ เขามองฉู่เชียนหลีอย่างตั้งใจ ในแววตามีอารมณ์ที่อ่อนโยนจนถึงขีดสุดแลบผ่าน
โชคดี หลังจากที่เข้าถึงทุกสรรพสิ่ง ได้ค้นพบหัวใจที่หวั่นไหวของตนเอง
“นอนหลับให้สบายเถอะ”
วันที่สอง ตอนที่ฉู่เชียนหลีตื่นก็ใกล้เวลาเกือบเที่ยงแล้ว
แสงตะวันสาดส่องผ่านหน้าต่าง ผ้าห่มครึ่งหนึ่งโดนแสงแดดจนอบอุ่น นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของแสงตะวันทั่วร่าง
นางยื่นมือออกไป ออกแรงบิดขี้เกียจอย่างแรง ในขณะที่กำลังจะนั่งตัวตรง คิ้วขมวดอย่างกะทันหัน
“หืม?”
เฟิ่งเสวียนตู้เดินเข้ามา สังเกตเห็นสีหน้าที่ดูอึ้งอึ้งของนาง ฝีเท้าหยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าเป็นอะไร?”
หรือนางจำเรื่องของเมื่อคืนได้แล้ว……
“เจ้าขี้เหร่ พอข้าตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองร้ายกาจขึ้นเยอะมาก!”
ตามหลักของการแบ่งพลังทิพย์ ผู้ฝึกทิพย์ถูกแบ่งออกเป็นเก้าขั้น ผู้ฝึกทิพย์ นักพรตทิพย์ อาจารย์ทิพย์ ปรมาจารย์ทิพย์ อาจารย์ทิพย์เสวียน เจ้าทิพย์ เจ้ามหาทิพย์ เจ้าศักดิ์สิทธิ์ทิพย์ มหาจักรพรรดิทิพย์ ทุกขั้นล้วนถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับอีกที
ก่อนหน้านี้สองวันนางพึ่งก้าวเข้าสู่เส้นทางของการฝึกพลังทิพย์อย่างเป็นทางการ และเมื่อวานเพื่อช่วยรักษาโม่เฟิงจึงเผาผลาญพลังทิพย์ คิดไม่ถึงพอรุ่งเช้าของวันนี้ นางกระโดดข้ามจากผู้ฝึกพลังทิพย์ระดับสองกลายเป็นระดับเจ็ดโดยตรง กระโดดข้ามไปถึงห้าระดับ
เฟิ่งเสวียนตู้มองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้ายังจำเรื่องของเมื่อคืนได้หรือเปล่า?”
“เมื่อคืน? พวกเราสองคนดื่มเหล้าด้วยกันไม่ใช่เหรอ?”
“หลังจากนั้นล่ะ?”
“หลังจากนั้นข้าดื่มมากเกินไป?”
ฉู่เชียนหลีเบิกตากว้าง นางเป็นถึงผู้ที่ได้รับฉายาว่าพันแก้วไม่ล้ม แต่กลับดื่มมากเกินไป?
“แล้วหลังจากนั้นอีกล่ะ?” เฟิ่งเสวียนตู้เริ่มเกิดความรู้สึกประหม่าในใจเล็กน้อย
ฉู่เชียนหลีลองครุ่นคิดอย่างละเอียดสักพัก ยิ้มแล้วพูด
“หลังจากนั้นข้าน่าจะเผลอหลับ ถึงข้าดื่มมากเกินไปก็ไม่สร้างปัญหาหรอก เป็นเหล้าที่ค่อนข้างดี”
เฟิ่งเสวียนตู้ “......”
งั้นมิลค์เชคสตอเบอรี่ของเมื่อคืนคงต้องขุ่นเคืองแย่
ฉู่เชียนหลีลูบของของตนเอง หิวแล้ว คิดถึงเซินเป่า
“เซินเป่าล่ะ? ยังนอนอยู่เหรอ?”
“กำลังดูโม่เฟิงที่หน้าลานเรือนกับใต้เท้าซู”
“พวกเราก็ไปดูกันหน่อยเถอะ จะได้แวะไปกินข้าวเที่ยงด้วย”
“......ได้”
ฉู่เชียนหลีเพิ่งเดินไปถึงลานหน้าบ้าน ได้ยินเสียงที่โมโหของเซินเป่าทันที
“เจ้ายกตัวอย่างหน่อยแล้วมันจะอย่างไร? เจ้าเป็นแค่แมลงขี้เกียจตัวหนึ่ง!”
“กากา!”
ภายในลานเรือน ปักษีขาวที่อวบอ้วนสองตัวกำลังเผชิญหน้ากับเซินเป่า กระพือปีกเหมือนอารมณ์กำลังพลุ่งพล่าน
ซูยี่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น ด้านหนึ่งก็คอยใช้แปรงหวีขนให้โม่เฟิง อีกด้านหนึ่งก็คอยดูละครด้วยท่าทางที่อมยิ้ม สังเกตเห็นฉู่เทียนหลี รอยยิ้มของเขายิ่งเบิกบานมากขึ้น
“เชียนหลีมาแล้ว”
“ท่านลุง ปักษีขาวมาจากไหน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
ไม่อัฟแล้วหรือคะ...
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...