ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 79

สีหน้าของฉู่เชียนหลีหวั่นไหว มีแผนปรากฏขึ้นขึ้นในใจทันที

ซุนยู่จือและนางอู๋สุมหัวอยู่ด้วยกัน ท้ายที่สุดไม่ใช่เรื่องดีอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ยาหมีหลี่เซียงเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่ามีผู้สูงส่งอยู่เบื้องหลังของซุนยู่จือ

ในเมื่อเป็นแบบนั้น ทำไมไม่ล่องูออกจากรูรวบพวกมันทั้งหมดในคราเดียว

ในขณะที่กำลังคิด ปลายนิ้วของนางขยับเล็กน้อย ใช้พลังทิพย์ควบคุมกลิ่นยาหมีหลี่เซียงที่ซ่อนอยู่ในตัวของซุนยู่จือไปที่จมูกของเกาหลิน

วินาทีต่อมา สีหน้าของเกาหลินเปลี่ยนไป หลังจากนั้นพลิกนิ้วดัชนีกล้วยไม้ขึ้น(ใช้ปลายนิ้วโป้งเเตะช่วงกลางของนิ้วกลาง) ก้าวถอยหลังสองก้าว มองไปทางนางซุนด้วยสายตาที่หวาดระแวง

“เจ้ามันหญิงหม้าย เข้าใกล้ข้ามากขนาดนี้ทำไม? ดูดัชนีกล้วยไม้ของเจ้า จะมีเสน่ห์กว่าของข้าเหรอ?”

ซุนยู่จือตกตะลึงอยู่ตรงที่เดิมสักพัก เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้นางใช้ยาหมีหลี่เซียงเหรอ?

เกาหลินหันหน้ามองไปทางนางซุน หลังจากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากปิดจมูกของตนเองด้วยความรังเกียจ

“มองอะไรของเจ้า ถึงมองยังไงข้าก็เป็นผู้ชายที่เจ้าไม่อาจเอื้อม! ฮึ่ม!”

นางอู๋เบิกตากว้าง เกือบจะหายใจไม่ออกเพราะคำพูดประโยคนี้

นางเป็นถึงฮูหยินเฉิงเสี้ยง จะสนใจขันทีคนหนึ่งได้อย่างไร?

ฉู่เชียนหลีกระพริบตา : ดูเหมือนธาตุแท้ของเกากงกงท่านนี้ไม่ปกติเท่าไหร่

ในตอนนั้นเอง ฉู่หลิงเซวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุดก็สะดุ้งตื่นจากการหมดสติ นางพยายามลุกขึ้นนั่ง หลังจากนั้นรู้สึกว่าศีรษะหนักกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า

“สวรรค์ของข้า! เป็นคนอยู่ดีๆทำไมถึงมีรูปลักษณ์เหมือนกับหมูไปได้? ไม่ถูก บอกว่าเจ้าเป็นหมู หมูยังต้องร้องไห้”

“เจ้าห้ามขยับเด็ดขาด ข้ากังวลว่าถ้าเจ้าขยับตัวมันจะทำให้มันหมูที่อยู่บนใบหน้าของเจ้าตก โอ๊ย ทนดูไม่ได้แล้ว……”

มุมปากของฉู่เชียนหลีขยับเล็กน้อย

คิดไม่ถึงเลยจริงๆ แก่นแท้ของเกากงกงท่านนี้จะเป็นคนปากปูปากหอย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแบบที่ไม่มีอะไรสามารถต้านทาน

นางซุนและฉู่หลิงเซวียนเกือบล้มหัวทิ่มลงกับพื้น

“เจ้า……เจ้า……”

เมื่อเห็นสายตาของเกากงกงกำลังจะมองไปทางเฟิ่งเสวียนตู้ ฉู่เชียนหลีรีบโคจรพลังทิพย์ สลายฤทธิ์ยาของยาหมีหลี่เซียง

นางแค่ต้องการให้ร่างกายของเกากงกงได้สัมผัสความรู้สึกผลกระทบจากยาหมีหลี่เซียง ไม่ต้องการให้เขามาทำปากปูปากหอยใส่คนของตนเอง

สีหน้าของเกาหลินสั่นไหว หลังจากนั้นยืนตกตะลึงอยู่ตรงที่เดิม เก็บนิ้วดัชนีกล้วยไม้ของตนเองกลับมาด้วยท่าทางที่แข็งทื่อ หันไปมองทางฉู่เชียนหลีด้วยสายตาที่ตกใจ

“เกากงกง เมื่อกี้ท่านดูไม่ปกติเท่าไหร่”

“บ่าวได้กลิ่นหอมสายหนึ่ง หลังจากนั้น……”

เกาหลินมองไปทางซุนยู่จืออย่างกะทันหัน มีความเยือกเย็นปรากฏขึ้นในแววตา

“ใครก็ได้ เชิญตัวฮูหยินไปอยู่ด้านข้าง ระวังด้วย อย่าถูกนางใช้กลอุบายใส่”

ในที่สุดทหารวังต้องห้ามก็มาถึงแล้ว ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เดินเข้าไปในจวนซูทันที

“รับทราบ”

เกาหลินรับประกันกับฉู่เชียนหลี

“คุณหนูใหญ่โปรดวางใจ หลังจากถึงวัง บ่าวจะกราบทูลฝ่าบาททุกอย่างตามความจริงแน่นอน การทำร้ายคนไม่ได้เป็นการสมัครใจของท่าน”

หลังจากประสบด้วยตนเอง เขาเชื่อคำพูดของฉู่เชียนหลีอย่างสมบูรณ์

“ขอบคุณเกากงกง”

ซุนยู่จื่อต้องการดิ้นรน แต่ทหารวังต้องห้ามลงมืออย่างไม่เกรงใจ ชักกระบี่ออกจากฝัก จิตสังหารปรากฏ นางทำได้แต่หุบปากของตนเอง

หลังจากนั้นเกาหลินหันไปมองทางนางอู๋และฉู่หลิงเซวียน

“ส่วนท่านทั้งสอง คิดว่าคราวนี้องค์ชายสามก็น่าจะใกล้ถึงแล้ว”

ทันทีที่สิ้นเสียง มีเสียงคำนับดังขึ้นจากด้านนอก

“คำนับองค์ชายสาม”

ฉู่หลิงเซวียนรู้สึกอึ้ง หลังจากนั้นพูดเสียงเบา

“ท่านแม่!”

ถ้าหากองค์ชายสามมาเห็นสภาพของนางในตอนนี้ ควรจะทำอย่างไรดี?

นางอู๋รีบหยิบหมวกไม้ไผ่ขึ้นมาคลุมตัวของฉู่หลิงเซวียนโดยตรง

เซินเป่าเห็นภาพนี้ รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที

นางมารคนนั้นยังรู้ตัวว่าตนเองน่าเกลียดมาก ฮึ่ม กล้ารังแกท่านแม่ของเขา เขาไม่มีทางปล่อยนางไปแน่

“เผิงเกิ๋น!”

เดิมทีเผิงเกิ๋นนอนหมอบอยู่บนพื้น ท่าทางเหมือนลมหายใจรวยริน

หลังจากได้ยินเสียงของเซินเป่า มันกระโดดลุกขึ้นเหมือนตกใจตื่นจากความตาย กระพือปีกไร้ขนของมันปัดหมวกไม้ไผ่ของฉู่หลิงเซวียนจนหลุด

องค์ชายสามหยุนชิงกุยเพิ่งเดินเข้าไปในลานเรือน ก่อนที่จะได้เอ่ยปากพูดอะไร ใบหน้าที่อนาถาของฉู่หลิงเซวียนปรากฏขึ้นในสายตาโดยตรง

“เจ้า……”

สีหน้าขององค์ชายสามเปลี่ยนไปทันที ตกตะลึงอยู่ตรงที่เดิมเพราะใบหน้าของฉู่หลิงเซวียน หลังจากนั้นมีความรู้สึกขยะแขยงปรากฏขึ้นในใจ

ในความทรงจำของเขา ฉู่หลิงเซวียนเป็นผู้หญิงที่น่ารักน่าชัง งดงามเย้ายวน ภาพตรงหน้า ทำลายภาพลักษณ์อันสวยงามในใจของเขาไปโดยตรง

ฉู่หลิงเซวียนกรีดร้อง ยกแขนเสื้อขึ้นมาบดบังใบหน้าของตนเอง

“องค์ชายสาม……ข้า……”

หยุนชิงกุยได้ยินเสียงที่มีกลิ่นอายของความอ้อนแอ้นแฝง มีภาพใบหน้าที่บวมแดงของฉู่หลิงเซวียนปรากฏขึ้น เกือบจะอาเจียนออกมาโดยตรง

นางอู๋รีบก้าวออกไปช่วยอธิบาย “องค์ชายสาม เรื่องในวันนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด……”

เกากงกงก้าวออกมาคำนับ “องค์ชาย ท่านคงได้รับคำสั่งของฝ่าบาทแล้วมั้ง?”

หยุนชิงกุยกัดฟันแน่น เงยหน้ามองไปทางฉู่เชียนหลี

ทันทีที่สบตาเข้ากับแววตาที่เย็นชาจนถึงขีดสุดคู่นั้น มีความหวาดกลัวที่ไม่สามารถควบคุมระเบิดออกมาจากใจเขาทันที

“ฉู่เชียนหลี……เรื่องในวันนี้ หลิงเซวียนเสียมารยาทไปบ้าง แต่ถึงยังไงก็ไม่ควรลงไม้ลงมือกับฮูหยินอู๋และน้องสาว”

ฉู่เชียนหลีหัวเราะอย่างกะทันหัน “องค์ชายสาม ข้าขอถามเจ้าหน่อย ฮูหยินอู๋และฉู่หลิงเซวียนมาบีบคั้นขอยาถึงบ้านก่อนใช่หรือเปล่า?”

“เรื่องนี้……”

“แค่ตอบมาว่าใช่หรือไม่ใช่?” ฉู่เชียนหลีพูดขัดจังหวะหยุนชิงกุย

หยุนชิงกุยขมวดคิ้วเล็กน้อย “......ใช่”

“ดี ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็สมเหตุสมผลกับคำพูดของเจ้าที่ว่าฉู่หลิงเซวียนเสียมารยาทก่อนหน้านี้ ดังนั้น นางควรขอโทษข้าหรือเปล่า?”

“แต่เจ้าลงมือทำร้ายคน หรือไม่มีส่วนผิดเหรอ?”

“ข้ามีส่วนผิด และสามารถขอโทษนาง แต่นางจำเป็นต้องขอขมาข้าก่อน ”

หยุนชิงกุยขมวดคิ้ว

รอยยิ้มบนมุมปากของฉู่เชียนหลียิ่งกว้างมากขึ้น

“หากองค์ชายสามไม่เห็นด้วยกับคำพูดของข้า งั้นพวกเราไปถกเรื่องนี้ต่อหน้าฝ่าบาท?”

ในแววตาของหยุนชิงกุยมีหมอกหนาเข้าปกคลุม

ในวันงานเลี้ยงพระราชสมภพของฉีเฟย เขาขายหน้ามามากพอแล้ว ปัจจุบันถูกสั่งกักบริเวณในจวนเพื่อทบทวนตนเอง เขาจะทำให้เสด็จพ่อโกรธอีกไม่ได้เด็ดขาด

เขาพูดกับฉู่หลิงเซวียนโดยไม่ได้ลังเลอะไรมาก

“หลิงเซวียน ขอโทษฉู่เชียนหลี”

ฉู่เชียนหลีที่ยกแขนเสื้อขึ้นสูงปิดบังใบหน้าของตนเองไม่กล้าขยับตัว ได้ยินคำพูดประโยคนี้ แทบกระอักเลือดออกมา

“ข้า……”

“ขอโทษ!”

“องค์ชาย……”

“หรือว่าเจ้าไม่เชื่อฟังแม้แต่คำพูดของข้า?”

ในหัวของฉู่หลิงเซวียนมีภาพของฉู่เชียนหลีบีบบังคับนางคุกเข่าในสวนฝูยู่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน

ในตอนนั้น คำพูดของฉู่เยี่ยนชิงเหมือนกับองค์ชายสามในตอนนี้เพียงใด?

เฟิ่งเสวียนตู้มองไปทางเทียนซู

เทียนซูรีบสั่งให้คนขนเก้าอี้มาวางลงที่ด้านหลังของฉู่เชียนหลี

ส่วนเทียนเสวียนเดินถือน้ำชาเข้ามาวางตรงที่ด้านข้างพร้อมกับอมยิ้ม

ฉู่เชียนหลียิ้มเล็กน้อย สะบัดกระโปรง นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังอย่างสง่างาม

“ดูข้าสิ เกือบลืมไปแล้ว ในประเทศตงเสวียนของเรา การขอโทษอย่างเคร่งครัดต้องคุกเข่าริมน้ำชา ในเมื่อเป็นแบบนั้น น้องหลิงเซวียน พวกเรามาทำให้เป็นพิธีเลย?”

ฉู่หลิงเซวียนรู้สึกเกลียดชังจนถึงขีดสุด ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโมโหมาก

“เจ้า……องค์ชาย……”

วินาทีนี้ นางทำได้แต่หวังว่าองค์ชายสามจะเปลี่ยนใจ

“หลิงเซวียน ขอโทษ!”

หยุนชิงกุยขมวดคิ้วหลบสายตาของฉู่หลิงเซวียน มีความขยะแขยงและต่อต้านถูกซ่อนไว้ในส่วนลึกของแววตา

ฉู่หลิงเซวียนรู้สึกเหมือนตนเองตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็งทันที เมื่อก่อน สิ่งที่นางภาคภูมิใจมากที่สุดก็คือหาข้ออ้างสารพัดให้หยุนชิงกุยลงโทษฉู่เชียนหลี

ในตอนนั้น ทั้งที่ฉู่เชียนหลีเป็นคู่หมั้นของหยุนชิงกุย แต่คนที่รักกับเป็นนางฉู่หลิงเซวียน

ห้าปีผ่านไป นางกลายเป็นคู่หมั้นขององค์ชายสาม แต่กลับเหมือนกำลังเดินอยู่บนเส้นทางฝันร้ายของฉู่เชียนหลีในตอนนั้น

“เพราะอะไร ตกลงมันเพราะอะไรกันแน่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี