ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 81

ในจวนเฉิงเสี้ยง ฉู่เยี่ยนชิงมองดูนางอู๋และฉู่หลิงเซวียนที่ถูกหามเข้ามาในจวน ก็รู้สึกสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ

“เกิดอะไรขึ้นกัน?”

มือเปื้อนเลือดของนางอู๋จับชายเสื้อของฉู่เยี่ยนชิงเอาไว้แน่น ร้องไห้น้ำตาอาบใบหน้า

“นายท่าน ฉู่เชียนหลี! นังสารเลวฉู่เชียนหลีนั่นตีข้าและหลิงเซวียน แถมยังได้แอบใช้วิชามาร หักขาทั้งสองข้างของข้าและหลิงเซวียน! ท่านต้องล้างแค้นให้พวกเราสองแม่ลูกนะ!”

เมื่อฉู่เยี่ยนชิงได้ยินเช่นนั้น และมองดูสภาพทุลักทุเลของนางอู๋และฉู่หลิงเซวียน เส้นเลือดที่ขมับเต้นอยู่ไม่หยุด ราวกับมีคนเอาสว่าน เจาะลงไปที่หัวของเขาอยู่ตลอดเวลา

“นางซุนล่ะ? เจ้าพานางไปเอายาด้วยไม่ใช่หรอกหรือ?”

“อย่ากล่าวถึงนางเลย!”

“นังสารเลวนั่นไร้ประโยชน์ยิ่งนัก ก่อนไปนางกล่าวเสียดิบดีว่า จะต้องทำให้ฉู่เชียนหลีมอบยาถอนพิษออกมาอย่างว่าง่าย แต่ในความเป็นจริง ภายใต้เงื้อมมือของฉู่เชียนหลีนางไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านใด ๆ เลยสักนิด วิธีไหนก็ไม่อาจใช้ได้”

“เช่นนั้นทางองค์ชายสามว่าอย่างไรบ้าง?”

“เขา......เขามาแล้ว ไม่เพียงไม่ช่วยข้าและหลิงเซวียน กลับบังคับให้หลิงเซวียนขอโทษฉู่เชียนหลี! นอกจากนี้แล้ว นายท่าน ข้าคิดว่าท่าทีขององค์ชายสาม......”

“เป็นเช่นไร?”

สีหน้าของนางอู๋ไม่ค่อยจะดีนัก ในแววตาแฝงไปด้วยความโกรธแค้น

“เหมือนว่าเขาจะรังเกียจหลิงจมปลักยนเอามาก สภาพของหลิงเซวียนในวันนี้ท่านเองก็เห็นแล้ว ท่านว่าเขาจะเปลี่ยนใจ และทำลายหมั้นหมายที่มีกับหลิงเซวียนหรือไม่?”

ฉู่เยี่ยนชิงสีหน้าเคร่งเครียด

“เขาจะไม่ทำแบบนั้น และตระกูลฉู่ของข้าจะไม่ยอมให้เขาทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน!”

“แต่จากที่ข้าได้มองดูท่าทางของเขาอย่างละเอียดแล้ว มักรู้สึกว่าสายตาที่เขามองหลิงเซวียน เหมือนกันสายตาที่มองฉู่เชียนหลีในตอนนั้นไม่ผิด......”

ฉู่เยี่ยนชิงเงียบไป

ที่เขาให้ความสำคัญกับองค์ชายสามนั้น เพราะองค์ชายสามมีนิสัยเหมือนกับฮ่องเต้ในตอนเป็นหนุ่ม ละเอียดรอบคอบ สุภาพอ่อนโยน

ทีละนิดละน้อย เขาได้จมปลักอยู่ในภาพลวงตาที่องค์ชายสามสร้างขึ้น ลืมไปว่า ภายในใจของเขานั้นเลือดเย็นถึงเพียงใด

“ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่จะเรียกหานปี้กลับมาแล้ว”

“หานปี้” นางอู๋ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “หานปี้ลูกชายของข้า ใช่แล้ว ขอแค่เขากลับมา จะต้องมีวิธีจัดการกับฉู่เชียนหลีแน่!”

ฉู่เยี่ยนชิงลุกขึ้น และสั่งให้คนเตรียมเสื้อยศ

“นายท่าน ท่านจะเข้าวังหรือ?”

“เจ้าและหลิงเซวียนได้ทำร้ายปักษีขาวที่ฝ่าบาททรงพระราชทาน ข้าจะไม่ไปขอรับโทษได้เช่นนั้นหรือ?” ฉู่เยี่ยนชิงขมวดคิ้วแน่น และหันหลังเดินออกไป

นางอู๋นอนคว่ำอยู่บนเตียง จ้องมองประตูที่ว่างเปล่าอย่างเลื่อนลอย จนกระทั่งฟื้นขึ้นมาและโอดครวญด้วยความเจ็บปวด นางถึงได้รู้สึกตัวกลับมา

“หลิงเซวียน ลูกอย่ากลัวไปเลย พี่ชายของเจ้าใกล้จะกลับมาแล้ว เพียงแค่เขากลับมา ฉู่เชียนหลีจะต้องตายอย่างแน่นอน!”

เมื่อฉู่หลิงเซวียนได้ยินดังนั้น ในที่สุดก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง

“ท่านแม่ ท่านต้องเร่งท่านพี่ ให้เขารีบกลับมานะ!”

“วางใจเถอะ”

ในพระราชวัง ทหารรับใช้รายงานอย่างเคารพนอบน้อม

“กราบทูลฝ่าบาท เกากงกงได้พาคนกลับมาแล้ว นอกจากนี้ องค์ชายสามและคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่รออยู่ที่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ”

“ให้พวกเขาเจ้ามา”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ทันทีที่ฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาในตำหนัก ก็สัมผัสได้ถึงสายตาพิจารณาของจักรพรรดิ นางทำจมูกฟุตฟิตขึ้นมาทนที ขยับดวงตาขึ้นลง หยดน้ำตาใส ๆ แวบผ่านไปในดวงตา

เมื่อตอนอยู่ที่องค์กรกาลเวลา นางเคยได้เจอกับแม่นางชาเขียว (แม่นางไร้เดียงสา) มาก่อน และวิธีนี้นางก็ได้เรียนมาจากสตรีนางนั้น

ในตอนที่แสดงถึงการได้รับความไม่เป็นธรรมออกมา จะต้องแอบซ่อนเอาไว้ และต้องรับประกันว่าคนอื่นมองเห็นมัน ถึงมีความเป็นได้สูงที่สุดที่จะทำให้ผู้อื่นเกิดความเห็นใจ

ว่าไปแล้ว ตอนที่นางได้ปลดเกษียณ แม่นางชาเขียวผู้นั้นยังหมกมุ่นอยู่ในทะเลที่นางได้เลี้ยงปลา (ผู้ชาย) เอาไว้ ไม่รู้ว่าเรือแม่ของนางได้ล่มแล้วหรือเปล่า (รถไฟได้ชนกัน)

“หม่อมฉันฉู่เชียนหลี น้อมพบฝ่าบาท ”

อย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อฮ่องเต้ได้เห็นลักษณะท่าทางของฉู่เชียนหลี สีหน้าท่าทางก็อ่อนโยนลงไม่น้อย

“ลุกขึ้นเถอะ”

ส่วนหยุนชิงกุยที่อยู่ด้านข้างนั้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ลูกน้อมพบเสด็จพ่อ ไม่อาจยับยั้งคู่หมั้นของลูกได้ทันเวลา ทำให้เสด็จพ่อต้องพลอยเหน็ดเหนื่อย เป็นกังวล ลูกมีความผิด ขอเสด็จพ่อโปรดลงโทษ”

“ลุกขึ้นเถอะ” สีหน้าท่าทางของฮ่องเต้ยากที่จะแยกออกว่าดีใจหรือโมโห “บอกมาสิว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

องค์ชายสามกังวลว่าฉู่เชียนหลีจะเพิ่มเสริมเติมแต่งกล่าวฟ้องเรื่องไม่ดีของเขา จึงได้เชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน

“กราบทูลเสด็จพ่อ หลังจากงานเลี้ยงพระราชวังในคืนวันนั้น ในใจของหลิงเซวียนรู้สึกผิดมาโดยตลอดที่ทำให้เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องพลอยได้รับบาดเจ็บไปด้วย รับรู้ว่าอาการป่วยของท่านแม่ยังไม่หายดี และหลังจากที่หมอหลวงหมดหนทาง จึงได้ไปแสวงยาที่ตระกูลซู แต่คิดไม่ถึงว่า ได้รับผลกระทบจากพิษผีเสื้อยักษ์ ทำให้วู่วามไปชั่วขณะ จนพูดอะไรล่วงเกินฉู่เชียนหลีไป......”

ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา แต่ได้มองไปที่ฉู่เชียนหลี

“เชียนหลี คำพูดขององค์ชายสาม เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?”

“ฝ่าบาท องค์ชาย......เขาเมื่อเขากล่าวเช่นนี้แล้ว กระหม่อมก็ไม่มีอะไรคัดค้าน”

ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้นมองหยุนชิงกุย วินาทีต่อมา ก็บังคับให้ตัวเองก้มหน้าและไม่พูดอะไรอีก

ทว่าการแสดงออกเช่นนี้ กลับมีพลังยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ เสียอีก ทำให้คนรู้สึกว่าองค์ชายสามทำเกินไปจริง ๆ

องค์ชายสามรู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที จากนั้นไฟโมโหก็ได้ลุกโชนขึ้นมาภายในใจ

ระหว่างทาง เขาได้คิดหาวิธีรับมือในทุกรูปแบบ รอเพียงที่จะโต้เถียงกับฉู่เชียนหลี ให้เสด็จพ่อได้เห็นความยโสโอหังของฉู่เชียนหลี

ทว่าเขาไม่คิดไม่ฝันว่า ฉู่เชียนหลีที่ดื้อรั้นหัวแข็งในเมื่อก่อนหน้านี้ เมื่อมาถึงต่อหน้าพระพักตร์ของเสด็จพ่อ กลับได้แสดงละครขึ้นมา?

ใบหน้าเย็นชาของฮ่องเต้มองไปยังเกาหลิน: “เกาหลิน เจ้าเองก็ได้ไปที่จวนตระกูลซูด้วย เจ้าเล่ามาว่าเห็นอะไรบ้าง”

“ฝ่าบาท เมื่อตอนที่องค์ชายเล็กเซินเป่าพา กระหม่อมไปถึง ก็ไม่ได้เห็นอะไรมาก แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นนั้น กระหม่อมไม่กล้าที่จะสรุปได้ เพียงแต่ว่า ปักษีขาวสองตัวที่ฝ่าบาททรงประทานให้นั้นได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย”

เปลือกตาขององค์ชายสามกระตุกขึ้นมา

“เสด็จพ่อ ผู้ที่ทำร้ายปักษีขาวสองตัวนั่น เป็นหลิงเซวียนไม่ผิด แต่นางไม่ได้เต็มใจทำเช่นนั้น แต่เป็นเพราะถูกคนให้ร้าย!”

“ให้ร้ายงั้นรึ?”

“ไม่ผิด” องค์ชายสามหันหน้ามองไปยังฉู่เชียนหลี และยกมือขึ้นชี้ไปที่นางอย่างโกรธเคือง “เป็นนาง!”

“เสด็จพ่อ ฉู่เชียนหลีมารยาร้อยเล่มเกวียน ร้อยเล่ห์เพทุบาย และยังชำนาญในการใช้ยา ต้องเป็นนางที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร ถึงทำให้หลิงเซวียนพลันโมโหขึ้นมา ไร้ซึ่งบันยะบันยัง”

ฉู่เชียนหลีมีท่าทางไม่ได้รับความเป็นทำและโมโหปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า: “องค์ชายสาม จะกล่าวหาคนอื่นต้องมีหลักฐานด้วย!”

“แต่ไหนแต่ไรมาหลิงเซวียนทำอะไรมีขอบเขต และยังประพฤติตัวเรียบร้อยรอบคอบ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าปักษีขาวสองตัวนั้นเป็นของพระราชทานจากเสด็จพ่อ นางจะกล้าลงมือกับพวกมันได้อย่างไรกัน?”

“ใครจะไม่รู้ล่ะว่านางมีอะไรไม่พอใจหรือเปล่า ดังนั้นจึงได้แกล้งทำเป็นบ้าคลั่งเพื่อระบายออกมา?”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ความไม่พอใจแวบผ่านไปบนใบหน้า

เขาได้รับยาถอนพิษผีเสื้อยักษ์มาห้าเม็ด แต่กลับไม่ได้มอบให้ฉู่หลิงเซวียนเลยแม้แต่เม็ดเดียว ทำให้นางต้องไปบีบบังคับเอายาถอนพิษจากฉู่หลิงเซวียน ความไม่พอใจที่อยู่ภายในใจมีอยู่มากเลยทีเดียว

ในตอนนี้เอง ทหารรับใช้พลันได้เข้ามารายงานอย่างร้อนรน: “ฝ่าบาท ปักษีขาวสองตัวได้บินมาที่ด้านนอกตำหนัก”

ฉู่เชียนหลีรีบมองไปที่ประตูตำหนัก

“ฝ่าบาท ปักษีขาวจะต้องตกใจเอามากเป็นแน่ ดังนั้นจึงได้มาร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ไมตรีจิตของฝ่าบาทยิ่งใหญ่เกรียงไกร ท่านพบพวกมันเถอะนะเพคะ!”

ฮ่องเต้ลังเลไปชั่วขณะ และหันไปสั่งการกับเกาหลิน: “เอาปักษีขาวสองตัวนั่นเข้ามา”

“พ่ะย่ะค่ะ”

โต้เกิ๋นและเผิงเกิ๋นถูกพวกทหารรับใช้หามเข้ามาอย่างระมัดระวัง

คอยาว ๆ ของพวกมันห้อยตกลง ขายาว ๆ ขนยุ่งเหยิงไปหมด บนร่างมีรอยเลือด ท่าทางหายใจรวยริน

ฉู่เชียนหลีเปลือกตากระตุก: แสดงเกินงามไปแล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี