อ่านสรุป บทที่ 82 ล็อกคอเขา บีบคอเขา! จาก ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดย เย็นอวี่ฟังหัว
บทที่ บทที่ 82 ล็อกคอเขา บีบคอเขา! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เย็นอวี่ฟังหัว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เมื่อฮ่องเต้ได้เห็นสภาพของปักษีขาวทั้งสอง ในใจก็อดที่จะตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้
เขารู้ว่าปักษีขาวถูกทำร้าย แต่ไม่รู้ว่าจะลงมือหนักถึงขนาดนี้!
“นี่......”
องค์ชายสามเห็นท่าไม่ดี: “เสด็จพ่อ ก่อนหน้าปักษีขาวทั้งสองไม่ได้บาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ จะต้องเป็นฉู่เชียนหลีที่จงใจทำร้ายปักษีขาว เพื่อให้ร้ายฉู่หลิงเซวียนเป็นแน่!”
“กา!”
ปักษีขาวลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นองค์ชายสาม ร่างอ้วน ๆ ของมันก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมา พยายามที่จะวิ่งไปที่ข้างกายของฉู่เชียนหลี เคล้าคลออยู่ที่ข้างกายของนาง
ฉู่เชียนหลีรีบคว้าเอาปักษีขาวเข้ามา ลูบหัวที่ไร้ผมของพวกมันเบา ๆ ท่าทางโมโหแต่ไม่กล้าพูด
“ฝ่าบาท คำพูดนี้ขององค์ชายสามช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก หากหม่อมฉันเป็นคนทำร้ายปักษีขาว หรือว่าไม่ดีกับพวกมัน พวกมันจะสนิทสนมกับหม่อมฉันเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“กา!”
โฉมงาม อย่าลูบหัวสิ ยิ่งไม่มีขนอยู่!
เสียงร้องที่อ่อนแอของปักษีขาวดังลอยมา ฟังอย่างไรก็ดูไม่ได้รับความเป็นธรรม
ฉู่เชียนหลีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ขอบตาแดงเล็กน้อย
“ฝ่าบาท เดิมทีปักษีขาวเล่นอยู่อย่างสนุกสนาน ไร้ซึ่งความกังวล คิดไม่ถึงว่าเกือบต้องประสบกับเคราะห์ร้าย พระองค์จักต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้พวกมันนะเพคะ!”
“เสด็จพ่อ......”
องค์ชายสามยังคิดที่จะอ้อนวอนขอความเห็นใจ กลับได้ยินฮ่องเต้เอ่ยสรุปขึ้นมา
“ปักษีขาวนั้นเป็นสัตว์สิริมงคลของตงเสวียน ผู้ที่ทำร้ายมันจักต้องถูกลงโทษ แต่ว่า ความสิริมงคลพึ่งเกิดขึ้นที่เมืองหลวงได้ไม่นาน ข้าไม่อยากจะเห็นเลือด เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายไมตรีจิตที่มีต่อกัน ฉู่หลิงเซวียนได้ทำร้ายปักษีขาว ให้นางคุกเข่าสวดมนต์วันละหนึ่งชั่วยามเป็นการลงโทษ จนกว่าปักษีทั้งสองจะหายดี”
องค์ชายสามมีสีหน้าลำบากใจ: “เสด็จพ่อ เรื่องนี้เกรงว่า......”
“ทำไมหรือ? เจ้าเห็นว่าข้าลงโทษไม่สมควรเช่นนั้นหรือ?” แววตาของฮ่องเต้ดูเย็นชา
“ลูกมิกล้า เพียงแต่ตอนที่ฉู่หลิงเซวียนกำลังจะไปจากหน้าจวนตระกูลซู เกิดขาหักเพราะไม่ระวัง ดังนั้นเกรงว่าการคุกเข่าสวดมนต์นี้คงอยากที่จะสำเร็จ”
“ขาหักรึ?”
ฉู่เชียนหลีเอ่ยขึ้นมา: “ฝ่าบาท ฉู่หลิงเซวียนทำร้ายปักษีเขียวก่อน ต่อมาก็ล้มจนขาหัก คงไม่ใช่เป็นเพราะสวรรค์ทนดูไม่ได้ที่เห็นนางไม่เคารพสิ่งของที่ฝ่าบาททรงประทาน จึงได้แอบลงโทษหรอกนะเพคะ? หรือว่านางไม่ถูกโฉลกกับสิ่งมงคล?”
องค์ชายสามพลันหันหน้ามา มองฉู่เชียนหลีด้วยความโมโห แทบอยากจะใช้แววตาสังหารนางเสีย กล่าวอย่างโกรธแค้น:
“หลิงเซวียนเป็นน้องสาวของเจ้า คำพูดเช่นนี้จะพูดออกมาได้อย่างไรกัน?”
“ข้าเกิดมาไม่มีแม่ ฮูหยินอู๋และน้องหลิงเซวียนบอกว่าข้าเป็นตัวกาลกิณีกินพ่อกินแม่ไม่ใช่หรือ? พวกเขากล่าวได้ ทำไมข้าถึงกล่าวไม่ได้ล่ะ? อีกอย่าง ข้าเองก็ไม่ได้กล่าวผิด ดอกโบตั๋นที่นางได้ปลูกในเมื่อก่อนกระถางนั้นจู่ ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้นเหมือนกัน......”
ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างมั่นใจ
“เจ้าหุบปากนะ!” องค์ชายสามตวาดขึ้นมา
เขาและฉู่หลิงเซวียนยังหมั้นหมายกันอยู่ ถ้าหากฉู่หลิงเซวียนเป็นกาลกิณี เช่นนั้นเขาก็จะพลอยเคราะห์ร้ายไปด้วย
ฉู่เชียนหลีตกใจตะลึงงัน และรีบหลบไปที่ด้านข้าง
โต้เกิ๋นปักษีขาวที่อยู่ข้างกระโปรงของนางพยายามลุกขึ้น ปากแหลม ๆ ของมันจิกลงไปที่เส้นผมขององค์ชายสามอย่างแรง
“กา!”
ชิชะ เจ้าเศษเดน ตวาดโฉมงามของข้า ข้าจะจิกเส้นผมของเจ้าให้หัวล้านไปเลย ให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรคือรกร้างว่างเปล่าตั้งแต่อายุยังน้อย!
องค์ชายสามไม่ทันหลบ ถูกปักษีขาวจิกเส้นผมเอาไว้แน่น
“ปล่อยนะ!”
เผิงเกิ๋นกระพือปีกเป็นการเอาน้ำมันไปราดกองไฟอยู่ด้านข้าง
“กากา!”
จักผมของเขา ล็อกคอเขา บีบคอเขา!
ฉู่เชียนหลีมองอย่างปากอ้าตาโต
วิธีชกต่อยของปักษีขาว ช่างโดดเด่นไม่เหมือนใครเสียจริง!
ฮ่องเต้เองก็มองอย่างตกตะลึง ผ่านไปสักพักถึงได้สติกลับคืนมา: “รีบแยกปักษีขาวและองค์ชายสามออกจากกันเร็วเข้า!”
จากนั้นไม่นาน ปักษีขาวสองตัวก็ได้ลงไปนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้นอีกครั้ง
องค์ชายสามหายใจฮึดฮัดเหมือนกับโคกระบือ มงกุฎผมหลุดออก ผมถูกจิกออกมาหลายเส้น ไม่เหลือท่าทางขององค์ชายผู้อบอุ่นอยู่อีกเลย
“ได้รับพระกรุณาจากฝ่าบาท ก็ต้องขอบพระทัยฝ่าบาทเป็นธรรมดา”
เมื่อฮ่องเต้ได้เห็นกล่องนั่น ดวงตาก็อดไม่ได้ที่จะเปล่งประกายขึ้นมา
กล่องนั่นแกะสลักจากหยก สลักด้วยลายเมฆมงคลอย่างวิจิตรบรรจง เมื่อนิ้วขยับเข้าใกล้ ยังมีอายเย็นยะเยือกกระจายออกมา
“นี่คือ......”
“กราบทูลฝ่าบาท ในนั้นใส่โสมหยกหิมะขาวเอาไว้เพคะ”
ไม่เข้าถ้ำเสือไม่ได้ลูกเสือ มีของดี ๆ อยู่ในมือไม่มีหมด ถึงจะโน้มน้าวฮ่องเต้เฒ่าให้เชื่อมั่นเธอ และทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังนางซุนผู้นั้นอิจฉา ริษยา
ฮ่องเต้รีบเปิดกล่องออกทันที ในนั้นมีโสมหิมะอวบขาววางอยู่ เนื้อสัมผัสทั้งตัวเป็นดั่งหยก ไม่มีจุดด่างดเลยสักนิด อายที่เย็นยะเยือกแพร่กระจายออกมาเป็นระยะ
เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยความตกตะลึง: “โสมหยกหิมะขาวนั้นเป็นสิ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เจ้าได้มันมาได้อย่างไร?”
“ฝ่าบาทเองก็ทรงทราบ หม่อมฉันและนายท่านของหอเทียนเสวียนมีมิตรภาพเป็นการส่วนตัว เดิมโสมหยกหิมะขาวนี่ หม่อมฉันได้ร้องขอให้คนออกไปตามหาก่อนที่จะกลับเมืองหลวง คิดจะมอบให้กับองค์ชายสามเพื่อบำรุงร่างกาย ทว่าเมื่อหม่อมฉันกลับมาถึงเมืองหลวง ก็ยังหาโสมหิมะไม่เจอ เดิมทีได้ตายใจไปแล้ว คิดในใจว่าหาไม่เจอก็ไม่เป็นไร กลับนึกไม่ถึงว่าเมื่อวานถึงได้ข่าวดีกลับมา”
ฮ่องเต้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฉู่เชียนหลีได้กลับมาเมืองหลวง ก็รู้สึกหดหู่ไปชั่วขณะ
“เจ้าและองค์ชายสาม......ช่างมันเถอะ ไม่พูดมันก็ไม่เป็นไร”
รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของฉู่เชียนหลีเล็กน้อย จากนั้นก็ตื่นตัวขึ้นมา ท่าทางที่แสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง ยิ่งทำให้ผู้คนอยากที่จะทนดูได้
“แม้ว่าโสมเสวียนม่วงจะเป็นของวิเศษที่ให้บำรุงร่างกายเช่นกัน แต่จะเน้นไปทางล้างพิษรักษาบาดแผลมากกว่า ส่วนโสมหยกหิมะขาวนั้น จะเน้นบำรุงพื้นฐานร่างกาย เหมาะสำหรับฝ่าบาทยิ่งกว่า เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงถวายมันให้กับฝ่าบาท ขอฝ่าบาทอย่าได้รังเกียจ”
“ของวิเศษเช่นนี้ ข้าจะรังเกียจได้อย่างไร?”
ฮ่องเต้ปิดฝากล่องแล้วเก็บลง ความเป็นมิตรและรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า
“ฝ่าบาท นี่คือครั้งที่สอง ที่หม่อมฉันจะขอประทานอภัย”
“ขอประทานอภัยเช่นนั้นหรือ? เจ้ามีความผิดอะไร?”
“เมื่อสักครู่องค์ชายสามได้กล่าว ฉู่หลิงเชวียนไม่ได้ตั้งใจทำร้ายปักษีขาวทั้งสอง นั่นเป็นความจริง”
ฮ่องเต้หรี่ตาลงเล็กน้อย: “เช่นนั้นก็หมายความว่า เจ้ายอมรับว่าเป็นฝีมือของเจ้า?”
“มิใช่หม่อมฉัน แต่เป็นยอดฝีมือท่านอื่น” แววความหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของฉู่เชียนหลี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
ไม่อัฟแล้วหรือคะ...
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...