“ยอดฝีมืองั้นรึ?” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่นอีกครั้ง
ฉู่เชียนหลีพยักหน้ากล่าว: “ฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันได้พบกับท่านป้าใหญ่ของหม่อมฉันนางซุน พบว่ามีธูปหอมหมีหลี่ที่ผ่านการกลั่นแปรมาแล้วอยู่บนตัวของนาง
สายตาของฮ่องเต้จ้องเขม็ง ร่างยืดตรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้: “เจ้าว่าธูปหอมอะไรนะ?”
“ธูปหอมหมีหลี่ สามารถควบคุมคิด และจิตใจของผู้คน......”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของฉู่เชียนหลี แววตาของฮ่องเต้ก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที
“เจ้าบอกว่าธูปหอม นั่นได้ผ่านการกลั่นแปรมาก่อน?”
“ถูกต้องเพคะ วิธีกลั่นแปรนั้นเหมือนกับวิธีกลั่นยาของอาจารย์ของหม่อมฉันเป็นอย่างมาก คิดว่าคงจะมาจากสายเดียวกัน”
ฮ่องเต้ค่อย ๆ ลุกขึ้น เดินลงมาจากบันได เดินไปมาในตำหนักอย่างช้า ๆ สีหน้าเคร่งเครียด อารมณ์ความรู้สึกในดวงตาเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
คิดไม่ถึงว่า จะมีเบาะแสของผู้ฝึกตนเร็วเพียงนี้......
“ความหมายของเจ้าคือ มีความเป็นไปได้ว่าที่เบื้องหลังของนางซุนมียอดฝีมือเหมือนดั่งอาจารย์ของเจ้าซ่อนอยู่?”
“ใช่เพคะ”
“เจ้ายืนยันความสามารถของคนผู้นั้นได้หรือไม่?”
“ไม่ได้เพคะ มั่นใจได้เพียงว่าคันผู้นั้นชำนาญการใช้ยา นอกจากนี้แล้ว มีความเป็นไปได้มากว่าเขาได้เล็งเป้าหมายมาที่หม่อมฉันแล้ว”
ฮ่องเต้พลันหยุดฝีเท้าลง: “เจ้าหมายถึงยาหนิงลู่และโสมเสวียนม่วงของวิเศษพวกนี้น่ะหรือ?”
“ใช่แล้วเพคะ ดังนั้นหม่อมฉันก็เลยกระสับกระส่ายเป็นกังวล จึงได้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาท”
ฉู่เชียนหลีมองไปที่จักรพรรดิอย่างจริงใจ ในแววตาเต็มไปด้วยความเชื่อใจ ไม่มีพิรุธใด ๆ เลยสักนิด
ฮ่องเต้หรี่ตาลงเล็กน้อย ในแววตาแฝงไปด้วยความตื่นเต้น ยังมีความเป็นกังวลและการป้องกัน สักพักถึงได้ค่อย ๆ เอ่ยขึ้น
“เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะต้องปกป้องประชาชนชาวตงเสวียนของข้าแน่”
ฉู่เชียนหลีแสร้งทำเป็นฟังไม่ออกถึงความคลุมเครือของจักรพรรดิ: ประชาชนชาวตงเสวียน? หึ ขอบเขตกว้างขวางมากเลยทีเดียวล่ะ
“ฝ่าบาท แล้วจะจัดการกับนางซุนเช่นไรดี?”
องค์จักรพรรดิกำลังจะเอ่ยปาก ที่ประตูก็ได้มีทหารรับใช้เข้ามารายงาน
“กราบทูลฝ่าบาท ฉู่เฉิงเสี้ยงขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พลันได้ยินข่าวใหญ่นี้ ไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจฉู่เยี่ยนชิงเลยสักนิด
“บอกเขาไปว่าไม่ต้องมาขอประทานโทษแล้ว กลับไปเถอะ......”
ความคิดของฉู่เชียนหลีพลันเปลี่ยนไป: “ฝ่าบาท พบหน่อยเถอะนะเพคะ”
นางสงสัยมากเลยจริง ๆ ซุนชื่อชอบมั่วสุมอยู่กับบุรุษ ชื่อเสียงเรื่องลือไปทั่วเมืองหลวง
คนที่รักในชื่อเสียงของตนอย่างฉู่เยี่ยนชิง กลับปล่อยให้นางอู๋และนางซุนไปมาหาสู่ ในนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับยอดฝีมือที่อยู่เบื้องหลังของนางซุนผู้นั้นหรือเปล่า?
นั่นต้องดูว่าหลังจากที่ฉู่เยี่ยนชิงเข้ามา จะพูดอะไรแล้ว
“ก็ดีเหมือนกัน ให้เขาเข้ามา”
“กระหม่อมน้อมพบฝ่าบาท”
เมื่อฉู่เยี่ยนชิงเห็นฉู่เชียนหลี ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
“ฝ่าบาท กระหม่อมมาน้อมขอรับโทษ”
“ขอประทานโทษงั้นหรือ?”
“พ่ะย่ะค่ะ เดิมกระหม่อมได้จัดการงานราชการอยู่ในจวน ได้ยินเรื่องที่ฮูหยินของกระหม่อมได้พาหลิงเซวียนบุตรสาวไปถามหายาถอนพิษกับฉู่เชียนหลี ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ต่อมาถึงได้ทราบว่าหลิงเซวียนได้ก่อเรื่องขึ้นที่ตระกูลซู ทำร้ายปักษีขาวที่ฝ่าบาททรงประทาน กระหม่อมได้รีบซักถามนาง พอถามได้ถึงพบเห็นความผิดปกติ”
“มีอะไรไม่ถูกหรือ?” ฮ่องเต้ถามอย่างเยือกเย็น
“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมพบว่าแม่นมที่ข้างกายของนางอู๋มีท่าทางกระวนกระวาย พอซักถามก็พูดวกไปวนมา ดูไม่ปกติ จึงได้ให้คนซักถามอย่างละเอียด ถึงพบว่า เนื่องด้วยนางไม่พอใจที่รับใช้มาเป็นเวลานานแต่กลับไม่ถูกให้ความสำคัญ คิดไม่ถึงว่าจะมีจิตใจอำมหิตคิดให้ร้ายผู้เป็นนาย”
“พูดมาให้ละเอียด"
นิ้วของฮ่องเต้ลูบไล้ไปบนกล่องที่ใส่โสมหยกหิมะขาวเบา ๆ ในแววตานั้นหม่นหมองยิ่งนัก
“แม่นมนางนั้นได้ไปที่ร้านยาเพื่อซื้อธูปหอมหมีหลี่ที่สามารถควบคุมจิตใจผู้คน ต้องการทำให้หลิงเซวียนสูญเสียสติสัมปชัญญะ ทำความผิดใหญ่หลวง กลับกลัวเรื่องราวจะถูกเปิดโปง ถูกคนตรวจพบความจริง ดังนั้นจึงได้แอบเอายาใส่ไว้บนร่างของฮูหยินซุนที่ไปพร้อมกับนางอู๋และบุตรสาวของกระหม่อม”
ฮ่องเต้กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “ดังนั้นหมายความว่านางซุนบริสุทธิ์งั้นหรือ?”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เมื่อกระหม่อมตรวจสอบพบความจริงนี้ จึงได้รีบเข้าวังมากราบทูลฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นเพราะกระหม่อมอบรมสั่งสอนบ่าวในจวนไม่ดี ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย กระหม่อมรู้สึกผิดจริง ๆ ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษ”
ฉู่เชียนหลีกะพริบตาปริบ ๆ แสดงความเห็นอกเห็นใจออกมาเงียบ ๆ
ไม่ผิดหวังที่นางแนะนำให้ปล่อยให้ฉู่เยี่ยนชิงเข้าจริง ๆ
ที่นางเข้าวังมาในครานี้ เดิมคิดจะปูทางให้กับฮ่องเต้ก่อน ให้ฮ่องเต้ได้ทราบว่าที่เบื้องหลังของนางซุนมีบุคคลเช่นนั้นอยู่ เมื่อคนผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นมา ฮ่องเต้จะได้ไม่ถูกคนผู้คนหลอกลวงเข้า แล้วสรรเสริญเยินยอ ขัดขวางการสั่งสอนผู้คนของนาง
ถ้าหากไม่มีคำพูดของนางเมื่อก่อนหน้านี้ปูทาง เมื่อฮ่องเต้ได้ฟังคำพูดนี้ของฉู่เยี่ยนชิงก็คงจะไม่คิดอะไรมาก เพียงแค่คิดว่าบ่าวรับใช้บังอาจเกินไป
ทว่าเมื่อสักครู่นางได้กล่าวถึงยอดฝีมือที่อยู่ด้านหลังนางซุนผู้นั้นขึ้นมาก่อนแล้ว เวลานี้ฉู่เยี่ยนชิงกลับได้ร้อนรนมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางซุน ช่างตรงกับคำที่ว่าที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึงยิ่งปิดยิ่งผุดขึ้นมาจริง ๆ
เนื่องด้วยธูปหอมหมีหลี่ที่เกากงกงได้มีสัมผัสมาด้วยตนเองนั้นผ่านการกลั่นแปรมา และได้วื่อมาจากร้านยา รอฮ่องเต้ไปตรวจสอบก็จะพบเอง
แต่การกระทำที่อุกอาจเช่นนี้ของฉู่เยี่ยนชิง ไม่เพียงไม่สามารถซักล้างความผิดให้นางซุนได้ แถมยังทำให้ฮ่องเต้สงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสอง
มันชั่ง เยี่ยมไปเลยจริง ๆ !
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นนางก็ช่วยผลักดันอีกหน่อย!
“ท่านพ่อ ตามที่ท่านพูดมา เป็นบ่าวรับใช้ตระกูลฉู่ของเราเอง ที่ทำร้ายน้องหลิงเซวียน ทำให้นางสูญเสียการควบคุมตัวเอง ถึงได้ทำร้ายของที่ฝ่าบาททรงประทาน?”
ฉู่เยี่ยนชิงหางตากระตุก: “เป็นเช่นนั้นจริง ๆ”
“ท่านพ่อช่างใจกว้างเสียจริง ทำให้คนนับถือยิ่งนัก ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แม้แต่น้องหลิงเซวียนยังทิ้งเอาไว้ที่ด้านข้างก่อนได้ เพียงเพราะเพื่อความยุติธรรม นี่คือการทิ้งครอบครัวเพื่อความยุติธรรมในตำนานหรือเปล่า?”
สีหน้าของฮ่องเต้เคร่งขรึมลง ดวงตาคู่นั้นเปรียบดั่งสายน้ำลึก เมื่อมองไปแล้ว เหมือนกับมีลูกคลื่น แต่กลับไม่มีผู้ใดรู้ว่าในส่วนลึกนั้นแฝงสายน้ำวน กระแสน้ำอันเกรี้ยวกราดเอาไว้มากมายเพียงใด
สีหน้าของฉู่เยี่ยนชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน: “เป็นขุนนางของราชสำนัก จักต้องยืนอยู่ในหลักความจริงเป็นธรรมดา”
“เช่นนี้นี่เอง งั้นท่านพ่อก็ควรที่จะตรวจสอบอย่างละเอียด ธูปหอมหมีหลี่ไม่ใช่เครื่องหอมธรรมดาทั่วไป ใช้วัตถุดิบราคาแพง มีมูลค่าสูง ท่าทางจะซื้อหาได้ไม่ใช่ง่าย ๆ บ่าวรับใช้ตระกูลฉู่ของพวกเราคงจะไม่ร่ำรวยและมีเส้นสายขนาดนั้นหรอกกระมัง หรือว่าจะมีคนคอยสั่งการให้ร้ายอยู่เบื้องหลัง?”
ฉู่เชียนหลีมีท่าทางข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อท่าน แต่กลับเปิดโปงข้อพิรุธที่อยู่ในคำพูดของฉู่เยี่ยนชิงออกมาอย่างชัดเจน
ดวงตาของฮ่องเต้ยิ่งหม่นหมองลงกว่าเดิม ยกถ้วยน้ำชาขึ้น แล้วจิบเบา ๆ
ฉู่เยี่ยนชิงสีหน้าซีดเซียวลง เหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหลังอย่างไม่รู้ตัว
“เวลากระชั้นชิด ยังไม่ทันได้ตรวจสอบอย่างชัดเจน แล้วข้าจะไปสืบให้ละเอียดอีกที”
“เช่นนั้นก็ดี ระยะนี้ น้องหลิงเซวียนได้ก่อเรื่องขึ้นมากมาย วันนี้ไม่เพียงหน้าตาอัปลักษณ์ แถมยังขาหัก แล้วยังสติฟั่นเฟือน หนำซ้ำยังทำร้ายฉีเฟย ไม่สิเป็นฉีผิน ชื่อเสียงที่ด้านนอกยิ่งไม่อาจทนดูได้”
ฉู่เชียนหลีหลุบตาลงเล็กน้อย ตอนนี้ไฟแรงได้สมควร ถึงเวลาที่จะราดน้ำมันแล้ว
“โชคดีที่องค์ชายสามและนางมีความสัมพันธ์ที่ล้ำลึกต่อกัน มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ยอมที่จะถอนหมั้น มิเช่นนั้น นางก็คงไม่การเป็นหญิงเฒ่าที่ไม่มีใครเอาหรอกหรือ?”
ฉู่เยี่ยนชิงถลึงตาใส่ฉู่เชียนหลีอย่างดุร้าย แทบอยากจะเย็บปากนางเอาไว้
“ถึงยังไงหลิงเซวียนก็เป็นน้องสาวของเจ้า ทำไมเจ้าต้องโหดร้ายถึงเพียงนี้ด้วย?”
“ข้าแค่พูดตามความจริงเท่านั้นเอง ทำไมถึงกลายเป็นดุร้ายไปเสียแล้วล่ะ?” บนใบหน้าของฉู่เชียนหลีเต็มไปด้วยความโมโห
แววตาของฮ่องเต้เยือกเย็นลงไปโดยสิ้นเชิง นิ้วมือเคาะลงไปบนกล่องหยกที่วางอยู่บนโต๊ะเบา ๆ และได้กล่าวขึ้นมา:
“เอาล่ะ สองพ่อลูก อย่าได้ทำร้ายมิตรภาพที่มีต่อกัน”
ฉู่เชียนหลียังคงมีท่าทางโมโหอยู่เหมือนเดิม
“ในเมื่อฉู่เฉิงเสี้ยงบอกว่าข้าโหดร้าย เช่นนั้นข้าก็จะโหดร้ายให้ดู ฝ่าบาทปักษีขาวทั้งสองบาดเจ็บหนัก เช่นนี้หากต้องการให้หายดีเหมือนเดิม จักต้องใช้ยาสมุนไพรล้ำค่าเพื่อบำรุงร่างกาย และยังต้องลบล้างบาดแผลที่อยู่ในใจของพวกมันออกไปถึงจะได้”
“บาดแผลที่อยู่ในใจเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่เพคะ ฝ่าบาท ปักษีขาวถูกทำร้ายอย่างไร้เหตุผล ในใจของพวกมันคงต้องแค้นเคืองเป็นแน่ และพวกมันเป็นนกที่แสดงถึงความเป็นสิริมงคล ถ้าหากอารมณ์ไม่ดี เช่นนั้นความเป็นสิริมงคลเช่นนี้คงจะไม่แฝงไปด้วยความเกลียดชังหรอกหรือ?”
ฮ่องเต้พยักหน้า: “มีเหตุผล”
“เพราะฉะนั้นแล้ว จะต้องทำให้ปักษีขาวมีความสุข! หม่อมฉันคิดว่า สร้างรังที่งดงามให้กับปักษีขาวที่จวนตระกูลซู สร้างสถานที่เล่นสนุกให้กับพวกมัน แล้วคัดเลือกคนมาปกป้องดูแล เช่นนี้ปักษีขาวก็คงจะดีใจขึ้นมาแล้วกระมัง”
“อืม ก็ดี”
ฉู่เซียนหลีน้อมคารวะต่อฮ่องเต้
“ขอบพระทัยฝ่าบาททรงพระกรุณา ฉู่เฉิงเสี้ยง ข้าได้ประเมินอย่างคร่าว ๆ แล้ว การก่อสร้างในระยะแรก อย่างน้อยก็ต้องใช้ประมาณห้าหมื่นตำลึงเงิน ท่านคงจะไม่เบี้ยวหรอกนะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...