ฉู่เยี่ยนชิงได้ยินเมื่อฉู่เชียนหลีเอ่ยปากก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงเงิน ก็เบิกตาโพลงทันที
“เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร”
ห้าหมื่นตำลึง แถมยังเป็นระยะแรก?
รังปักษีแบบไหนกัน ถึงต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าฉู่เชียนหลีคิดจะขูดเลือดขูดเนื้อเขา!
“ใต้เท้าฉู่ นั่นคือสิ่งมงคลที่ฝ่าบาททรงประทานเชียวนะ ล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มิอาจดูหมิ่น”
ความหมายแฝงก็คือ: ขูดเลือดขูดเนื้ออย่างแน่นอน แน่จริงก็เถียงข้าว่าปักษีสองตัวนี้ไร้ข้าต่อหน้าฮ่องเต้สิ
สีหน้าของฉู่เยี่ยนชิงพลันเปลี่ยนไป รีบคุกเข่าขอประทานโทษ: “ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย กระหม่อมมิได้มีความหมายเช่นนั้นอย่างแน่นอน”
ฉู่เชียนหลีเอ่ยขึ้นมา: “เช่นนั้นก็จ่ายเงินมา!”
ฮ่องเต้ยิ้มพลางทอดถอนใจ ท่าทางไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องภายในครอบครัวของขุนนาง
“เชียนหลียังคงมีนิสัยเหมือนเด็ก ใต้เท้าฉู่ เจ้าจัดการการเองก็แล้วกัน”
“ฝ่าบาท......กระหม่อม กระหม่อมยินดีที่จะชดใช้ปักษีขาวทั้งสองอย่างแน่นอน”
“อืม ในเมื่อเจ้าเป็นเฉิงเสี้ยง ยังจ่ายถึงห้าหมื่นตำลึงเงิน นางซุนได้ทำให้ปักษีขาวทั้งสองตกใจก็เป็นเรื่องจริง และต้องจ่ายเป็นเงินเช่นเดียวกัน เช่นนั้นก็จ่ายให้เชียนหลีสองหมื่นตำลึงเงิน เพื่อให้ในการรักษาบาดแผลภายในใจของปักษีขาว”
ฉู่เชียนหลีดวงตาเป็นประกายขึ้นมา สายตาที่มองฮ่องเต้เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ: “ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้พยักหน้าอย่างพอใจ ความคิดที่เคร่งเครียดพลันผ่อนคลายลง
ชื่นชอบในเงินทอง เป็นงานอดิเรกที่ไม่เลวเลยทีเดียว กลัวก็แต่ว่าคนผู้นี้จะไม่มีความต้องการใด ๆ เลย นั่นถึงยากต่อการควบคุมอย่างแท้จริง
“ใต้เท้าฉู่ บ่าวรับใช้ในจวนของเจ้าจักต้องตรวจสอบให้ดี อย่าได้ทำให้เกิดมหันตภัยครั้งใหญ่เพียงเพราะความใจอ่อน”
ฉู่เยี่ยนชิงรีบตอบรับในทันที: “พ่ะย่ะค่ะ หลังจากกลับไป กระหม่อมจะต้องทำการตรวจสอบบ่าวรับใช้ภายในจวนอย่างแน่นอน ใช้พวกเขาปฏิบัติตามกฎตลอดเวลา”
“เจ้าเป็นคนใจกว้าง เกรงว่าคงตัดใจลงมืออย่างเหี้ยมโหดไม่ได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะให้เกาหลินคัดเลือกบ่าวรับใช้ในวังให้เจ้าจำนวนหนึ่ง ให้เรียกใช้เป็นบ่าวก็แล้วกัน”
ฉู่เยี่ยนชิงมีสีหน้าตกตะลึงที่ได้รับพระกรุณา: “ฝ่าบาท กระหม่อมมิบังอาจ มิกล้าที่จะรบกวนฝ่าบาท......”
“เกาหลิน อีกเดี๋ยวเลือกบ่าวรับใช้มาสักสิบคน ให้ใต้เท้าฉู่พากลับไป”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ประกายความคิดผ่านไปในดวงตาของฉู่เชียนหลี
ประทานบ่าวรับใช้ของราชสำนัก?
เจ้าขี้เหร่บอกว่า เทียนเสวียนชำนาญด้านการบริหารค้าขาย มีหูตาอยู่มากมาย ในพระราชวังก็มีอยู่ไม่น้อย พอจะเลือกสักสองสามคน อาศัยโอกาสนี้ส่งเข้าไปในจวนตระกูลฉู่ได้หรือไม่?
เช่นนี้แล้ว ต่อไปหากมีแผนการอะไร ก็จะง่ายต่อการดำเนินการ
“เอาล่ะ ใต้เท้าฉู่ เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ายังมีสองสามประโยค ที่ต้องฝากฝังเชียนหลี”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ฉู่เชียนหลีมองดูแผ่นหลังที่จากไปของฉู่เยี่ยนชิง ร่องรอยความโศกเศร้าปรากฏขึ้นมาในดวงตา
เมื่อฮ่องเต้ได้เห็น ก็เอ่ยขึ้น: “เชียนหลี ถึงอย่างไรฉู่เยี่ยนชิงก็เป็นบิดาของเจ้า เจ้าทำเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันและใต้เท้าฉู่ เกรงว่าจะมีพรหมลิขิตของการเป็นพ่อลูกอยู่ไม่มากนัก”
ฮ่องเต้ดูเหมือนค่อนข้างจะจนใจ: “เฮ้อ เจ้าเนี่ยนะ เช่นนั้นต่อไปถ้ามีปัญหาอะไร ก็ให้มาหาข้า ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ความจริงแล้วสร้างรังให้กับปักษีขาว ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้น หม่อมฉันได้รับเงินมาจากตระกูลฉู่และตระกูลซุนทั้งหมดเจ็ดหมื่นตำลึงเงิน วันนี้ได้รบกวนฝ่าบาท หม่อมฉันยืมดอกไม้ถวายพระ ขอนำห้าหมื่นตำลึงในนั้นถวายต่อพระองค์เพื่อเป็นการขอประทานโทษ ขอฝ่าบาทโปรดรับเอาไว้”
แววตาของฮ่องเต้เคลื่อนไหวเล็กน้อย ยิ้มกล่าว: “ไม่ต้องหรอก เจ้าเก็บเอาไว้เถอะ ซื้อโสมหยกหิมะขาวเมื่อก่อนหน้านี้ คงใช้เงินไปไม่น้อยสินะ?”
“เพคะ ทองที่ได้รับมาจากองค์ชายสามไม่พอ ใช้ทรัพย์สินส่วนตัวของหม่อมฉันไปกว่าครึ่ง”
ฉู่เชียนหลีตอบอย่างเคอะเขิน
“ข้ามอบทองคำห้าร้อยตำลึง ผ้าต่วนสิบม้วน เครื่องประดับสองชุด ให้เจ้ารับเอาไว้ ดูและปักษีขาวที่ข้าประทานให้ให้ดี”
ฉู่เชียนหลีดีอกดีใจ แสงสว่างในดวงตาเปล่งประกายขึ้นมากว่าเดิม: “หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาท!”
“ลุกขึ้นเถอะ อีกสองวัน ก็จะถึงงานล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิที่จัดขึ้นปีละครั้ง ข้าจะพาเหล่าขุนนางไปล่าสัตว์ที่ตีนเขาไต้หยุนเจ้าเองก็ไปด้วยเถอะ พาเซินเป่าไปด้วย”
“เพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาททรงพระกรุณา”
ชั่วขณะต่อมา ฉู่เชียนหลีเอาทองคำห้าร้อยตำลึงที่ฮ่องเต้มอบให้ออกมาจากพระราชวัง
พึ่งจะมาถึงประตูวัง ก็ได้พบกับซุนยู่จือที่กำลังเตรียมจะขึ้นรถม้าเข้า
เมื่อซุนยู่จือมองเห็นฉู่เชียนหลี ก็ได้ยกมือขึ้นกุมแผลบนแก้มข้างหนึ่งที่เจ็บจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แววความแค้นเคืองที่เข้มข้นแวบผ่านไปในดวงตาของนาง
“ฉู่เชียนหลี!”
ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป ก็ต้องประหลาดใจขึ้นมาในทันที
ผ่านไปเป็นเวลานานถึงเพียงนี้แล้ว ตำแหน่งที่ซุนยู่จือถูกแส้ของนางฟาดเข้า ควรจะตกสะเก็ดขึ้นเป็นครั้งแรกแล้วถึงจะถูก
ทว่าบาดแผลบนใบหน้าของนางกลับมีสีเขียวคล้ำขึ้นมา มีบางจุดที่ถึงขนาดกลายเป็นสีขาว
ซุนยู่จือท่านอะไรลงไปกันแน่ นี่แทบจะทำให้ร่างกายของตนเองกลายเป็นซากศพไปแล้วกระมัง?
“ท่านป้าใหญ่ มีอะไรจะสั่งสอนรึ?”
สายตาอันมืดมนของซุนยู่จือมองมา ในตอนที่กวาดสายตามองผ่านใบหน้าไร้ตำหนิของฉู่เชียนหลี รอยยิ้มอันแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง
“ไม่มีอะไร เจ้าจักต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้ล้ม อย่าได้ชนเป็นอันขาด”
กล่าวจบ ก็ก้าวเท้าขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว แล้วจากไปในทันที
ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองตามทิศทางที่รถม้าจากไปด้วยความหมายลึกซึ้ง
“ท่านเองก็ต้องระวัง!”
“ท่านแม่!”
ห่างออกไป เซินเป่าวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของฉู่เชียนหลีทันที ก้มลงแล้วอุ้มเอาเซินเป่าขึ้นมา
“เป็นห่างแม่หรือ?”
“ขอรับ” เซินเป่าพยักหน้าหนัก ๆ ยกมือเล็ก ๆ ขึ้นมาแล้วลูบแก้มของฉู่เชียนหลีเบา ๆ “ท่านแม่ ท่านไม่ได้ถูกรังแกใช่ไหม?”
“วางใจเถอะ ไม่เป็นไร”
เฟิ่งเสวียนตู้เดินเข้ามา รับเซินเป่ามาสู่อ้อมกอดของตนเอง เมื่อเห็นร่องรอยของความเหนื่อยล้าแวบผ่านขึ้นมาบนใบหน้าของฉู่เชียนหลี ก็ได้เอียงไหล่มาเล็กน้อยเป็นเชิงบอกให้นางซบเข้ามา
“กลับไปทานโสมคนตุ๋นไก่ดีไหม?”
ฉู่เชียนหลีดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ซบอยู่ที่หัวไหล่ของเฟิ่งเสวียนตู้ ทิ้งการป้องกันออกไปจนหมด คร้านแม้แต่จะก้าวเท้าเดินขึ้นมาในทันที
“อืม ดีสิ ดื่มอีกสักแก้วจะดียิ่งกว่า”
ฉู่เชียนหลียังคงคิดถึงเหล้าหนิงโป๋ในคืนวันนั้นอยู่ แต่ไม่ว่านางจะอ้อนวอนอย่างไร เฟิ่งเสวียนตู้ก็ไม่ยอมมอบให้แถมบอกว่าดื่มไปหมดแล้ว
“บอกว่าหมดแล้ว ก็คือหมดแล้ว”
ทั้งเหนื่อยทั้งหิว แถมยังใช้สมองมาตลอดทั้งวัน ฉู่เชียนหลีรู้สึกหนักทุกก้าวที่เดิน เหนื่อยจนต้องกอดแขนของเฟิ่งเสวียนตู้เอาไว้แนบอก ให้เขาลากตนเองเพื่อเป็นการออมแรง
ฝีเท้าของเฟิ่งเสวียนตู้ชะงักลงในทันที จากนั้นจู่ ๆ กกหูก็แดงขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก
“เจ้า......”
ออดอ้อนออเซาะขึ้นมาได้อย่างไรกัน?
คิดว่าอ้อนแล้ว เขาก็จะให้นางดื่มเหล้าเช่นนั้นหรือ ให้นางกลายเป็นสตรอว์เบอร์รีสมูทตี้ ?
ฉู่เชียนหลีงงงัน เพียงแค่ขออาศัยแรงนิดหน่อยเท่านั้นเอง ทำไมจู่ ๆ เจ้าขี้เหร่ก็ดูแปลกไป?
ทันใดนั้นเอง เสียงทุ้มต่ำแฝงแห้งแหบก็ได้ดังลอยมา
“หนึ่งจอก!”
เฟิ่งเสวียนตู้แววตาหนักแน่น
เขาเป็นคนมีหลักการ!
ต่อให้นางออดอ้อนออเซาะ ก็ไม่ได้......
“เอ๊ะ?” ฉู่เชียนหลีมองไปอย่างงงัน ดวงตาใส ๆ งุนงงเล็กน้อย
เฟิ่งเสวียนตู้เอียงศีรษะเล็กน้อย ก็ได้สบตาเข้ากับดวงตาคู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนว่ามีน้ำผึ้งมากมายอยู่ในนั้น ทำให้เจ้ากวางตัวน้อยที่อยู่ในใจของเขาวิ่งชนไปมา
“สอง......เหล้าหนิงโป๋สองจอก มากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”
“ตกลง!”
ที่แท้หนึ่งจอกที่ว่าในเมื่อสักครู่นั้นหมายถึงเหล้านี่เอง โชคดีที่นางตอบสนองได้เร็ว ไม่อย่างนั้นเหล้าสองจอกที่ว่าคงบินหนีไปแล้ว
เมื่อเซินเป่าได้ยินว่าเหล้าหนิงโป๋ ในใจก็อยากรู้อยากเห็นไม่น้อย
เขารีบกอดคอของเฟิ่งเสวียนตู้เอาไว้: “อาขี้เหร่ เซินเป่าเอาด้วย!”
เฟิ่งเสวียนตู้ท่าทางเด็ดขาด
“ไม่ได้”
“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?” เซินเป่าน้อยใจขึ้นมาทันที
“เพราะว่า......”
ฉุ่เชียนหลีพึ่งจะได้รับสุรา เบิกบานใจไม่น้อย จึงช่วยแก้หน้าให้กับเฟิ่งเสวียนตู้
“เพราะเจ้าเป็นปีศาจโสมคน คิดดูสิว่าโสมคนอวบ ๆ เอาไปดองไว้ในเหล้า กรู ๆ ......”
“ไม่เอาเหล้าแล้ว ไม่เอาแล้ว”
เซินเป่าหวาดกลัวขึ้นมาในทันที ไม่ใช่เอาเหล้ามาให้เขาแช่ แต่เป็นเอาเขาไปแช่ในเหล้าชัด ๆ เขาไม่อยากจะถูกเหล้าลวนลามหรอกนะ!
“เด็กดี!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...