ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 85

ตระกูลซู เมื่อเห็นฉู่เชียนหลีกลับมาอย่างปลอดภัย ซูยี่และซูจิ่นจือก็ได้วางใจลง

“เชียนหลี กลับมาแล้วหรือ ในวังไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”

“ท่านลุงวางใจเถอะ ทุกอย่างราบรื่น ฝ่าบาท......”

ฉู่เชียนหลีเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในพระราชวัง

ซูจิ่นจือได้ยินว่านางซุนเพียงถูกลงโทษให้ชดใช้สองหมื่นตำลึงเงินเท่านั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่เป็นธรรมขึ้นมา

“สบายนางซุนแล้ว!”

ซู่ยี่กล่าวปลอบใจ: “จิ่นจือ อย่าได้ใจร้อน หากมีคนคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังนางซุนจริง เช่นนั้นคิดจะจัดการนางก็จะประมาทเลินเล่อไม่ได้ ตอนนี้ฝ่าบาทได้เริ่มสงสัยนางแล้ว สถานการณ์ก็ยิ่งมีผลดีกับพวกเรายิ่งขึ้น”

ซูจิ่นจือเม้มปากพยักหน้า: “ขอรับ”

“กา!”

โต้เกิ๋นและเผิงเกิ๋นเดินเข้ามาอย่างเชิดหน้าชูตา กระพือปีกเดินวนอยู่ที่ด้านหน้าทุกคนหนึ่งรอบ

ปักษีสำเร็จการใหญ่ ทำไมไม่มีใครมาชื่นชมปักษีเลย

ฉู่เชียนหลีอดที่จะขำไม่ได้ รอยยิ้มอันน่าตกตะลึงปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่ไร้ที่ติของนาง

โต้เกิ๋นทำปากขมุบขมิบแล้วนอนคว่ำลงไปบนแผ่นหินที่อยู่ข้างเท่าของฉู่เชียนหลี

“กากากา!”

งามจนปักษีจะตายอยู่แล้ว ต้องจูบสักครั้งถึงจะหายดี!

เฟิ่งเสวียนตู้สะบัดแขวนเสื้อ ใบไม้สีเขียมคมเหมือนดั่งใบพัด ลอยเฉียดผ่านไปบนหัวของเผิงเกิ๋น ทิ่มลงไปบนแผ่นหินอย่างจัง และได้ตัดเอาขนบนหัวที่เหลืออยู่เพียงสามเส้นของเผิงเกิ๋นไปด้วย

“กา......”

เจ้าท่าน ปากของปักษีมันมีความคิดของมันเอง ท่านเชื่อหรือเปล่า?

ฉู่เชียนหลีหันขวับ มองไปด้วยความตกตะลึง

เฟิ่งเสวียนตู้กระแอมไอเบา ๆ เบนสายตาไปเล็กน้อย: “มือลั่น!”

ซูยี่กลั้นหัวเราะ และหันไปมองซูจิ่นจือ: “จิ่นจือ เจ้าเข็นพ่อไปเดินเล่นที่ลานด้านหลังหน่อยสิ”

ซูจิ่นจืองุนงง: “ท่านพ่อ ท่านบอกไม่ใช่หรือว่า จะฝึกฝนร่างกาย เรียกร้องให้ตนเข็นล้อเก้าอี้เข็นเอง?”

“ข้า......มือชา ดังนั้น เจ้าเข็นข้า”

“งั้นก็ได้”

ฉู่เชียนหลีงงงัน: “ท่านลุงกับท่านผู้พี่เป็นอะไรไปหรือ?”

ดวงตาของเฟิ่งเสวียนตู้ขยับเล็กน้อย: “บางทีอาจคิดว่าทิวทัศน์ที่ลานด้านหลังงดงามยิ่งกว่า”

หา?

ลานด้านหลังที่ไม่มีอะไรเลยทิวทัศน์งดงามอย่างนั้นหรือ?

“ก็ได้ เอาที่สบายใจ”

ฉู่เชียนหลีพลันนึกถึงเรื่องบ่าวรับใช้ในวังขึ้นมา: “เจ้าขี้เหร่ เทียนเสวียนมีสายลับอยู่ในวังด้วยใช่หรือไม่?”

“อืม เจ้าต้องการสอดแนมฮ่องเต้หรือ?”

“ไม่ใช่หรอก ฮ่องเต้ได้ประทานบ่าวรับใช้ในวังให้กับตระกูลฉู่สิบคน ข้าอยากจะเอาคนของตัวเองแอบแฝงเข้าไปสักสองสามคน”

คนของตัวเอง? เขาชอบคำเรียกเช่นนี้

ดวงตาของเฟิ่งเสวียนตู้ขยับเล็กน้อย ความดีอกดีใจอ่อน ๆ ได้ลอยผ่านไป

“ได้”

“ขอบคุณ”

ฉู่เชียนหลีเหยียดคร้าน หันหลังไปหาอะไรอร่อย ๆ ที่เซินเป่า

เทียนเสวียนขยับเข้ามาด้านหน้า: “นายท่าน บ่าวรับใช้ในวังสิบคน จะเปลี่ยนเอาคนของตัวเองเข้าไปกี่คนขอรับ?”

เฟิ่งเสวียนตู้เงยหน้าขึ้น: “ทำไมต้องเลือกด้วยเล่า?”

เทียนเสวียนชะงัก จากนั้นก็เอ่ยขึ้น: “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว คนของตัวเอง เป็นธรรมดาว่ายิ่งเยอะยิ่งดี”

เขาไม่เสียบจวนตระกวนฉู่จนเป็นตะแกรง คงไม่คู่ควรกับสมญานามนายท่านแห่งหอเทียนเสวียนของเขา!

เมื่อทั้งครอบครัวทานอาหารเสร็จ ฉู่เชียนหลีก็นอนลงไปบนเตียงอย่างพออกพอใจไม่ขยับเขยื้อน

เซินเป่ารักษารูปร่างท่าทางเหมือนกับนางเอาไว้ ไม่นานนักก็หลับไป

เฟิ่งเสวียนตู้เดินเข้ามา อุ้มเซินเป่าขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เอาเขาวางลงไปบนเตียงเล็ก ๆ ในห้องที่กั้นขึ้นมา ในตอนที่กลับมาอีกครั้ง ในมือได้ถือเอาชาหมิงเซียงกั๋วเข้ามาด้วยจอกหนึ่ง

“ดื่มแล้วค่อยนอน มันช่วยให้นอนหลับสบาย ทำให้ผิวพรรณงดงาม”

ฉู่เชียนหลีลืมตาขึ้นมา นอนตะแคงพลางอมยิ้มมองเฟิ่งเสวียนตู้

“เจ้าขี้เหร่ ข้าพบว่าเจ้านับวันยิ่งมีคุณธรรมความสามารถมากขึ้นแล้ว”

เฟิ่งเสวียนตู้ชะงัก รู้สึกเพียงเหมือนว่ามีขนนักเลื่อนผ่านไปที่หัวใจ: “เหลวไหล”

“ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้เจ้าขี้เหร่ของเราไปครอบครอง?”

นางจะต้องจับตาดูให้ดี ผักกาดขาวไร้เดียงสาที่แสนดีอย่างเจ้าขี้เหร่คนนี้ จะให้ตกอยู่ในมือของคนอื่นง่าย ๆ ไม่ได้

เมื่อเฟิ่งเสวียนตู้เห็นว่าใบหน้าของนางเต็มไปด้วยการหยอกล้อ รู้สึกเพียงอึดอัดที่หัวใจ นี่เขายังแสดงออกไม่ชัดเจนพออีกหรือ?

“ดื่มเองนะ ข้าไปล่ะ”

“กลับมานะ!”

เฟิ่งเสวียนตู้หยุดฝีเท้าลง ให้เขากลับมาเขาก็กลับมา?

เขาตี้จวินหงส์ทั้งคนไม่ต้องรักษาหน้าเอาไว้หรืออย่างไร?

วินาทีต่อมา เฟิ่งเสวียนตู้ก็ได้รับเอาจอกชาที่ว่างเปล่ามา และวางลงไปบนโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง แล้วนั่งอยู่ที่ข้างเตียงอย่างเงียบ ๆ

“ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือ?”

ฉู่เชียนหลีลุกขึ้น แล้วนั่งพึงอยู่ที่หัวเตียง

“เจ้าขี้เหร่ พลังที่อยู่ในร่างของท่านลุงของข้ากลุ่มนั้น เจ้ารู้ใช่ไหม?”

เฟิ่งเสวียนตู้มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา จากนั้นก็พยักหน้า

“เจ้าเดาออกแล้วหรือ?”

“ไม่ใช่เดาออก วันนี้ตอนที่ฉู่หลิงเซวียนและพวกนางอู๋จากไป ข้าสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของพลังบนร่างกายของเจ้า เหมือนกับพลังที่อยู่ในร่างกายท่านลุงของข้ามาก”

“นั่นคือพลังเสวียน”

“พลังเสวียน?” ฉู่เชียนหลีขยับเข้าใกล้เฟิ่งเสวียนตู้เล็กน้อย “กล่าวให้ละเอียดที”

กลิ่นหอมสดชื่นของชาหมิงเซียงกั๋วลอยมา ในนั้นยังแฝงไปด้วยกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้ง ลูกกระเดือกของเฟิ่งเสวียนตู้ขยับเล็กน้อย นิ้วเกร็งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“แผ่นดินชิงหวู่ แบ่งออกเป็นสามโลก พื้นที่ด้านล่างคือโลกมนุษย์ ล้วนเป็นคนธรรมดา ความสามารถสูงที่สุดบรรลุถึงขั้นพรสวรรค์ พื้นที่ตรงกลางคือโลกของผู้ฝึกตน อายุขัยของผู้ฝึกตนแตกต่างกันไปตามความลึกล้ำของพลังเสวียน แต่เมื่อเข้าสู่วิถีของผู้ฝึกตน อายุขัยอย่างน้อยห้าสิบปี ยาวกว่านั้นมีอายุขัยหลายร้อยปีก็เพียงแค่ชั่วเวลาเพียงแวบเดียว”

ฉู่เชียนหลีเบิกตาโพลงขึ้นมาเล็กน้อย ทำแก้มป่อง และแอบทักทายเหล่าผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดขององค์กรกาลเวลาอย่างเงียบ ๆ

ได้ส่งนางมาในสถานที่แบบไหนกันแน่?

แค่ต้องการพักผ่อนหลังปลดเกษียณมันอย่าขนาดนี้เชียวหรือ?

“แล้วที่เหลืออีกโลกหนึ่งล่ะ?”

“สุดท้ายคือพื้นที่ด้านบน ถูกควบคุมโดยเก้าชนเผ่าใหญ่ หากไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่มีพรสวรรค์ระดับสุดยอดไม่อาจก้าวเท้าเข้าไปได้”

เฟิ่งเสวียนตู้กล่าวไป ก็ได้กล่าวขึ้นมาอย่างเข้าข้างตนเองหนึ่งประโยค

“ในนั้นเผ่าหงส์ไม่ได้รวมอยู่ในเก้าชนเผ่าใหญ่ด้วย แต่กลับเป็นใหญ่ในโลกด้านบน ชนเผ่าครอบครองหนึ่งในสามของพื้นที่ของโลกด้านบน”

“เอ๊ะ? เผ่าหงส์? หงส์รึ?”

ฉู่เชียนหลีเบิกตาโพลง มีแม้กระทั่งสัตว์ในตำนาน น่าตื่นเต้นขนาดนี้เชียว?

“อืม เผ่าหงส์รูปร่างหน้าตางดงาม มีอำนาจสูงสุด ในเผ่าหงส์มีตี้จวินหงส์ท่านหนึ่ง ที่......”

ฉู่เชียนหลีบีบคางเบา ๆ ในดวงตาเปล่งประกายวิบวับ

“เจ้าขี้เหร่ เจ้าว่าหงส์เข้ากับอะไรที่สุด?

กกหูของเฟิ่งเสวียนตู้แดงขึ้นมาในทันที คนผู้นี้ ทำไมถึงถามแบบตรงไปตรงมาได้ขนาดนี้?

“เรื่องนี้ไม่แน่ใจ บางทีอาจจะเป็นมนุษย์......”

“เอื๊อก เนื้อหงส์ อยากลองชิมรสชาติเสียจริง! หงส์ตัวใหญ่มาก หม้อเดียวตุ๋นไม่หมด แบ่งไปผัดซอสแดง และเอาไปทำหมาล่า......”

คำพูดของเฟิ่งเสวียนตู้พลันติดอยู่ที่คอหอย: “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

“เนื้อหงส์อย่างไรเล่า เจ้าเองก็อยากกินใช่ไหม? งั้นรอมีโอกาสข้าจะจับตี้จวินหงส์นั่นมา ตุ๋นแล้วแบ่งปีกข้างหนึ่งให้เจ้า”

เฟิ่งเสวียนตู้ดีดตัวลุกขึ้นมาในฉับพลัน: “เจ้า......”

“อย่าตื่นตระหนกไป พวกเรามีความสัมพันธ์แบบไหนกัน? ข้ามีของอร่อย จะต้องคิดถึงเจ้าอยู่แล้ว”

ฉู่เชียนหลีมีท่าทางเหมือนกำลังบอกว่าเจ้ารีบชื่นชมข้า

“เจ้า.......”

เขานึกว่าชื่นชมสักสองสามประโยค จะทำให้นางสนใจในตัวเขายิ่งขึ้น คิดไม่ถึงว่า สิ่งที่นางต้องการทราบคือเนื้อของเขาอร่อยหรือไม่?

“เจ้าขี้เหร่ ข้ารู้สึกคอแห้ง ยังอยากจะดื่มชาหมิงเซียงกั๋วอีก” ฉู่เชียนหลีไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติใด ๆ มองไปยังเฟิ่งเสวียนตู้ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง

“เช่นนั้นเจ้าก็ค่อย ๆ คิดไปเถอะ!”

เฟิ่งเสวียนตู้กล่าวจบ ก็ก้าวเท้าใหญ่ ๆ เดินจากไปทันที

ฉู่เชียนหลีจ้องมองดูแผ่นหลังที่เหมือนดั่งปกคลุมไปด้วยเมฆฝนของเขา ค่อนข้างที่จะงุนงงเล็กน้อย

“เป็นอะไรไป ระดูผู้ชายมาหรืออย่างไร?”

เมื่อสักครู่ยังคุยกันดี ๆ อยู่ไม่ใช่หรือ? จู่ ๆ ก็โกรธขึ้นมา หรือว่าในแต่ละเดือนบุรุษก็มีวันแบบนั้นเหมือนกัน?

เฮ้อ บัตรอาหารและพาหนะระยะยาว นางใจกว้างหน่อยจะเป็นไรไป

“เจ้าขี้เหร่ เจ้าหายโกรธแล้วยกน้ำชามาให้ข้าด้วยล่ะ?”

“ข้าไม่ยก!”

“เร็ว ๆ หน่อย ไม่เช่นนั้นข้าคงนอนไม่หลับ”

ห้องด้านนอก เฟิ่งเสวียนตู้ยืนอยู่สักพัก สุดท้ายแล้วก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ

ติดค้างนางเอาไว้จริง ๆ !

รอจนกระทั่งเขาต้มชาเสร็จและยกชากลับไปที่ห้อง ฉู่เชียนหลีก็ได้กอดผ้าห่ม และหลับฝันหวานไปเสียแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี