ตระกูลซู เมื่อเห็นฉู่เชียนหลีกลับมาอย่างปลอดภัย ซูยี่และซูจิ่นจือก็ได้วางใจลง
“เชียนหลี กลับมาแล้วหรือ ในวังไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”
“ท่านลุงวางใจเถอะ ทุกอย่างราบรื่น ฝ่าบาท......”
ฉู่เชียนหลีเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในพระราชวัง
ซูจิ่นจือได้ยินว่านางซุนเพียงถูกลงโทษให้ชดใช้สองหมื่นตำลึงเงินเท่านั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่เป็นธรรมขึ้นมา
“สบายนางซุนแล้ว!”
ซู่ยี่กล่าวปลอบใจ: “จิ่นจือ อย่าได้ใจร้อน หากมีคนคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังนางซุนจริง เช่นนั้นคิดจะจัดการนางก็จะประมาทเลินเล่อไม่ได้ ตอนนี้ฝ่าบาทได้เริ่มสงสัยนางแล้ว สถานการณ์ก็ยิ่งมีผลดีกับพวกเรายิ่งขึ้น”
ซูจิ่นจือเม้มปากพยักหน้า: “ขอรับ”
“กา!”
โต้เกิ๋นและเผิงเกิ๋นเดินเข้ามาอย่างเชิดหน้าชูตา กระพือปีกเดินวนอยู่ที่ด้านหน้าทุกคนหนึ่งรอบ
ปักษีสำเร็จการใหญ่ ทำไมไม่มีใครมาชื่นชมปักษีเลย
ฉู่เชียนหลีอดที่จะขำไม่ได้ รอยยิ้มอันน่าตกตะลึงปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่ไร้ที่ติของนาง
โต้เกิ๋นทำปากขมุบขมิบแล้วนอนคว่ำลงไปบนแผ่นหินที่อยู่ข้างเท่าของฉู่เชียนหลี
“กากากา!”
งามจนปักษีจะตายอยู่แล้ว ต้องจูบสักครั้งถึงจะหายดี!
เฟิ่งเสวียนตู้สะบัดแขวนเสื้อ ใบไม้สีเขียมคมเหมือนดั่งใบพัด ลอยเฉียดผ่านไปบนหัวของเผิงเกิ๋น ทิ่มลงไปบนแผ่นหินอย่างจัง และได้ตัดเอาขนบนหัวที่เหลืออยู่เพียงสามเส้นของเผิงเกิ๋นไปด้วย
“กา......”
เจ้าท่าน ปากของปักษีมันมีความคิดของมันเอง ท่านเชื่อหรือเปล่า?
ฉู่เชียนหลีหันขวับ มองไปด้วยความตกตะลึง
เฟิ่งเสวียนตู้กระแอมไอเบา ๆ เบนสายตาไปเล็กน้อย: “มือลั่น!”
ซูยี่กลั้นหัวเราะ และหันไปมองซูจิ่นจือ: “จิ่นจือ เจ้าเข็นพ่อไปเดินเล่นที่ลานด้านหลังหน่อยสิ”
ซูจิ่นจืองุนงง: “ท่านพ่อ ท่านบอกไม่ใช่หรือว่า จะฝึกฝนร่างกาย เรียกร้องให้ตนเข็นล้อเก้าอี้เข็นเอง?”
“ข้า......มือชา ดังนั้น เจ้าเข็นข้า”
“งั้นก็ได้”
ฉู่เชียนหลีงงงัน: “ท่านลุงกับท่านผู้พี่เป็นอะไรไปหรือ?”
ดวงตาของเฟิ่งเสวียนตู้ขยับเล็กน้อย: “บางทีอาจคิดว่าทิวทัศน์ที่ลานด้านหลังงดงามยิ่งกว่า”
หา?
ลานด้านหลังที่ไม่มีอะไรเลยทิวทัศน์งดงามอย่างนั้นหรือ?
“ก็ได้ เอาที่สบายใจ”
ฉู่เชียนหลีพลันนึกถึงเรื่องบ่าวรับใช้ในวังขึ้นมา: “เจ้าขี้เหร่ เทียนเสวียนมีสายลับอยู่ในวังด้วยใช่หรือไม่?”
“อืม เจ้าต้องการสอดแนมฮ่องเต้หรือ?”
“ไม่ใช่หรอก ฮ่องเต้ได้ประทานบ่าวรับใช้ในวังให้กับตระกูลฉู่สิบคน ข้าอยากจะเอาคนของตัวเองแอบแฝงเข้าไปสักสองสามคน”
คนของตัวเอง? เขาชอบคำเรียกเช่นนี้
ดวงตาของเฟิ่งเสวียนตู้ขยับเล็กน้อย ความดีอกดีใจอ่อน ๆ ได้ลอยผ่านไป
“ได้”
“ขอบคุณ”
ฉู่เชียนหลีเหยียดคร้าน หันหลังไปหาอะไรอร่อย ๆ ที่เซินเป่า
เทียนเสวียนขยับเข้ามาด้านหน้า: “นายท่าน บ่าวรับใช้ในวังสิบคน จะเปลี่ยนเอาคนของตัวเองเข้าไปกี่คนขอรับ?”
เฟิ่งเสวียนตู้เงยหน้าขึ้น: “ทำไมต้องเลือกด้วยเล่า?”
เทียนเสวียนชะงัก จากนั้นก็เอ่ยขึ้น: “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว คนของตัวเอง เป็นธรรมดาว่ายิ่งเยอะยิ่งดี”
เขาไม่เสียบจวนตระกวนฉู่จนเป็นตะแกรง คงไม่คู่ควรกับสมญานามนายท่านแห่งหอเทียนเสวียนของเขา!
เมื่อทั้งครอบครัวทานอาหารเสร็จ ฉู่เชียนหลีก็นอนลงไปบนเตียงอย่างพออกพอใจไม่ขยับเขยื้อน
เซินเป่ารักษารูปร่างท่าทางเหมือนกับนางเอาไว้ ไม่นานนักก็หลับไป
เฟิ่งเสวียนตู้เดินเข้ามา อุ้มเซินเป่าขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เอาเขาวางลงไปบนเตียงเล็ก ๆ ในห้องที่กั้นขึ้นมา ในตอนที่กลับมาอีกครั้ง ในมือได้ถือเอาชาหมิงเซียงกั๋วเข้ามาด้วยจอกหนึ่ง
“ดื่มแล้วค่อยนอน มันช่วยให้นอนหลับสบาย ทำให้ผิวพรรณงดงาม”
ฉู่เชียนหลีลืมตาขึ้นมา นอนตะแคงพลางอมยิ้มมองเฟิ่งเสวียนตู้
“เจ้าขี้เหร่ ข้าพบว่าเจ้านับวันยิ่งมีคุณธรรมความสามารถมากขึ้นแล้ว”
เฟิ่งเสวียนตู้ชะงัก รู้สึกเพียงเหมือนว่ามีขนนักเลื่อนผ่านไปที่หัวใจ: “เหลวไหล”
“ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้เจ้าขี้เหร่ของเราไปครอบครอง?”
นางจะต้องจับตาดูให้ดี ผักกาดขาวไร้เดียงสาที่แสนดีอย่างเจ้าขี้เหร่คนนี้ จะให้ตกอยู่ในมือของคนอื่นง่าย ๆ ไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
ไม่อัฟแล้วหรือคะ...
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...