ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 87

ฉู่เชียนหลีสัมผัสได้ถึงไอสังหารอันแรงกล้าบนตัวของฉู่หลิงเซวียนจากระยะไกล

ขาหักสองข้าง ใบหน้าเสียโฉม ไม่นึกเลยว่าจะยังฝืนทนมาร่วมงานล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิ หากไม่ใช่ไม่ห่วงชีวิต ก็เป็นมีแผนบางอย่าง

เกาหลินเดินขึ้นมาด้านหน้าด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม: “คุณหนูใหญ่ ห้องได้ถูกจัดเรียบร้อยแล้ว หากว่ายังขาดเหลืออะไร ให้สั่งการกับคนด้านล่างได้เลย รับรองได้ว่าจะจัดการให้ท่านอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง”

“ขอบคุณเกากงกงมาก และลำบากเหล่ากงกงที่คอยช่วยเหลือทุกท่านแล้ว น้ำใจเล็กน้อย เชิญทุกท่านดื่มชา”

ฉู่เชียนหลียื่นถุงเงินใบหนึ่งออกไป

เกากงกงรับถุงเงินเอาไว้ เพียงรู้สึกหนักที่ฝ่ามือ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งสดใสขึ้นกว่าเดิม

“ขอบคุณคุณหนูใหญ่”

ฉู้เชียนหลีหยิบเอาห่อผ้าเล็ก ๆ ออกมา แล้วยื่นให้เกากงกง

“นี่คือของตอบแทนที่เตรียมให้กงกงโดยเฉพาะ”

เกาหลินรีบรับเอามา เปิดออกเห็นรากสีสันดั่งหยกอยู่ด้านใน จึงรีบมัดห่อผ้าเอาไว้ในทันที

“นี่.....บ่าวไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตอบแทนอย่างไรดีแล้ว”

“อย่าได้เกรงใจไปเลย”

“คุณหนูใหญ่ ในครั้งนี้มีผู้คนมาที่ลานล่าสัตว์จำนวนมาก เหมือนว่าผู้ที่เคยมีความสัมพันธ์กับคุณหนูใหญ่ในเมื่อก่อนหน้านี้มากันแทบทุกคน ผู้คนมากหน้าหลายตา คุณหนูใหญ่ระวังตัวด้วย”

สีหน้าของฉู่เชียนหลีเคลื่อนไหวเล็กน้อย: “ได้ ขอบคุณกงกงที่กล่าวเตือน”

เฟิ่งเสวียนตู้เก็บสายตากลับมาจากเซินเป่าที่วิ่งเล่นอย่างบ้าคลั่ง

“นางอู๋ ฉู่หลิงเซวียนและนางซุนต่างก็มากันหมด”

ฉู่เชียนหลียิ้มพลางพยักหน้า ร่องรอยการเฝ้ารอแวบผ่านไปในดวงตาของนาง: “อืม ปลาใหญ่ตัวนั้นก็คงอยู่ไม่ไกลแล้ว”

ค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบสงบ

วันต่อมา ฉู่เชียนหลีตื่นขึ้นมาค่อนข้างจะเช้าไปหน่อย ทันทีที่ตื่นขึ้น ก็ได้กลิ่นหอมอันเย้ายวนลอยมา

“หอมจังเลย!”

เฟิ่งเสวียนตู้ยกหม้อดินเข้ามา ก็ได้เผชิญเข้ากับแววตาเป็นประกายของฉู่เชียนหลี

“เจ้าขี้เหร่ เจ้าทำอะไรหรือ?”

“ข้าวแปดสมบัติโสมชื่อหยุน ”

ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นอย่างตกตะลึง: “เจ้าหาโสมชื่อหยุนเจอแล้วหรือ?”

เซินเป่ายืดอกเล็ก ๆ เดินเข้ามา กะพริบตาปริบ ๆ ให้กับฉู่เชียนหลี

ฉู่เชียนหลีหัวเราออกมาเบา ๆ : “เซินเป่าเป็นคนหาเจอหรือ?”

“ขอรับ ขุดพบที่มุมกำแพงของค่ายล่าสัตว์ในตอนเช้า” เซินเป่าวิ่งเข้ามาที่บริเวณข้างเท้าของฉู่เชียนหลีอย่างรวดเร็ว กล่าวขึ้นมาพลางยิ้มแฉ่ง

“เซินเป่ายอดเยี่ยมจริง ๆ !”

ฉู่เชียนหลีไม่ตระหนี่คำชมของตนเองเลยสักนิด อุ้มเซินเป่าขึ้นมาแล้วหอมลงไปหนึ่งฟอด

เซินเป่าดีใจหน้าหน้าแดงขึ้นมาทันที

“ท่านแม่ พวกเรารีบทานอาหารกัน ทานเสร็จแล้ว เซินเป่าจะไปหาดูว่าที่นี่มีน้องชายโฉมคนอื่น ๆ อยู่อีกหรือไม่”

เฟิ่งเสวียนตู้ตักโจ๊กให้กับสองแม่ลูก เห็นพวกเขาทานอย่างเอร็ดอร่อย สีหน้าท่าทางค่อนข้างลึกล้ำเล็กน้อย

เผ่าหงส์เป็นนกมงคลของฟ้าดิน โดยเฉพาะสายเลือดหลัก ง่ายที่จะได้รับการดูแลจากสวรรค์ ทว่าเหมือนอย่างเซินเป่า ต้องการอะไรก็ได้ดั่งสมปรารถนา แต่กลับไม่เคยมีมาก่อน

ฉู่เชียนหลีทานโจ๊กหมดไปหนึ่งถ้วย รู้สึกเพียงเหมือนว่าทั่วทั้งร่างได้แช่อยู่ในน้ำพุร้อน สบายจนทำให้คนอยากกลับไปนอนฝันหวานต่อ เงยหน้าขึ้น ก็พบเข้ากับท่าทางครุ่นคิดของเฟิ่งเสวียนตู้

“เจ้าขี้เหร่ คิดอะไรอยู่หรือ?”

เฟิ่งเสวียนตู้มองดูแผ่นโสมชื่อหยุนที่อยู่ในหม้อดิน

“เพียงแค่สงสัยว่า เซินเป่าขุดเจอโสมชื่อหยุนได้อย่างไร?”

“เป็นเพราะอยากได้ไงเล่า ยังจะเป็นเพราะอะ......”

รอเดี๋ยวนะ อยากได้โสมชื่อหยุน และนั่นก็เป็นเพราะอยากจะทานปักสีขาวตุ๋นโสมชื่อหยุน?

แต่ว่าถ้าหากนำปักษีขาวตัวอวบอ้วนนั้นมาตุ๋น......

ฉู่เชียนหลีทานโจ๊กหนึ่งคำอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็กลืนน้ำลายดังเอื้อก

“เซินเป่า เรื่องที่พวกเราหาโสมชื่อหยุนเจอ อย่าบอกโต้เกิ๋นและเผิงเกิ๋นดีกว่าไหม?”

รับมือกับฉู่หลิงเซวียนและองค์ชายสามในเมื่อก่อนหน้านี้ พวกมันเองก็ออกแรงไม่น้อย มาวันนี้กลับคิดถึงเนื้อของผู้อื่นตลอดเวลา มันค่อนข้างจะทำร้ายจิตใจไปหน่อย

เซินเป่าเองก็แจะปาก แล้วยกมือขึ้นมาเช็ดปาก และพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ

“ขอรับ ท่านแม่”

ดวงตาของเฟิ่งเสวียนตู้เคลื่อนไหวเล็กน้อย ในใจแอบรู้สึกส่ายหัว

แม่ลูกสองคนนี้ อยากทานตุ๋นปักษีขาวมากขนาดนั้นเชียวหรือ?

ถ้าหากพวกเขาอยากทานมาก ให้เทียนเสวียนไปจับมาสักสองตัวก็ใช่ว่าจะไม่ได้

เมื่อฉู่เชียนหลีทานอิ่มแล้ว กำลังเตรียมจะกลับไปนอนต่อ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงอุทานลอยมาจากด้านนอก

“หือ? เกิดอะไรขึ้น?”

เซินเป่าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดึงฉู่เชียนหลีออกไปยังด้านนอก

“ท่านแม่ พวกเราไปดูกัน”

พึ่งจะมาถึงด้านนอก ก็เห็นพวกบ่าวรับใช้จากในวังและเหล่าองครักษ์ต่างเงยหน้าขึ้นมองไปบนฟ้า

ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็หรี่ตาลงทันที

บนท้องฟ้า วิหคสีม่วงขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังกางปีกทั้งสองข้าง บินผ่านไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

มันมีจะงอยปากสีทอง กรงเล็บสีทอง หงอนสีแดง ขนสีม่วง สองปีกมีพลัง ขนหางงดงาม บินไม่เร็วนัก แต่กลับแฝงไปด้วยความดูหมิ่น สะเทือนใจผู้คนเป็นพิเศษ

วินาทีต่อมา วิหคยักษ์สีม่วงก็เงยหน้าร้องร้องออกมาเสียงก้องกังวาน ทั่วทั่งผืนป่าเหมือนกับได้รับแรงสั่นสะเทือน แม้แต่หมู่เมฆที่ลอยอยู่บนยอดเขาก็กลิ้งไปมาไม่หยุด สุดท้ายก็ได้เกิดรอยแยกออกมาสายหนึ่ง

“นั่นอะไร?”

“วิ......วิหคเทพ?”

เสียงตกตะลึงดังลอยมาไม่ขาดสาย ผู้คนที่อยู่ด้านล่างอลหม่านขึ้นมาในทันที

ไม่นาน วิหคยักษ์สีม่วงก็ได้บินไปไกล และหายลับขอบฟ้า

เฟิ่งเสวียนตู้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ประกายในตาหงส์หม่นหมองลง

ฉู่เชียนหลีสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา จึงดึงแขนเสื้อของเขาเบา ๆ : “เจ้ารู้จักนกตัวนั้นหรือ?”

“อินทรีมู่หยู สายตาเฉียบแหลม ออกมาตอนพระอาทิตย์ขึ้นและกลับรังตอนพระอาทิตย์ตก สามารถฝึกพลังเสวียน เสียงร้องสามารถทำลายกำแพงเมฆ และยังสามารถหาทิศทางได้อย่างแม่นยำในที่ที่มีหมอกหนาได้อีกด้วย อยู่ที่โลกกลาง มีผู้ฝึกตนจำนวนมากใช้มันเป็นพาหนะ ตัวนั้นในเมื่อสักครู่ พลังทัดเทียมได้กับผู้ฝึกตนที่ระดับบำเพ็ญตนขั้นสูงผู้หนึ่ง”

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ฉู่เชียนหลีพอที่จะเข้าใจการแบ่งพลังของผู้ฝึกตนบ้างแล้ว เหมือนกับการฝึกทิพย์ มีทั้งหมดเก้าระดับ ในแต่ละระดับยังแบ่งเป็นขั้นต้น ขั้นกลางและขั้นสูง ระดับบำเพ็ญตนขั้นสูงเทียบได้กับนักพรตทิพย์ชั้นเก้า สูงกว่าระดับของนางในตอนนี้หนึ่งระดับเต็ม ๆ

“พาหนะตัวหนึ่ง?”

แววความคิดแวบขึ้นมาในดวงตาของฉู่เชียนหลี

มีพาหนะก็ต้องมีเจ้าของเป็นธรรมดา ดูเหมือนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนางซุนทนอยู่เฉยไม่ได้แล้ว เลยให้พาหนะมาสร้างอานุภาพขู่ขวัญไว้ก่อน จากนั้นค่อยปรากฏตัวอย่างน่าทึ่ง?

ยอดฝีมือผู้นั้นใส่ใจในรูปลักษณ์ไม่น้อยเลยนี่

กำลังคิดอยู่นั่นเอง พลันรู้สึกว่าแขนเสื้อถูกดึงเอาไว้แน่น ฉู่เชียนหลีก้มหน้า ก็ได้เห็นเซินเป่ากำลังเช็ดน้ำลายอยู่

“ท่านแม่ ไก่ขนม่วงนั่นอ้วนดีจริง ๆ !”

ไก่......ขนม่วง?

ฉู่เชียนหลีนั่งยอง ๆ ลง สบตากับเซินเป่าอยู่ชั่วขณะ แล้วยกมือประสานอย่างใจตรงกัน

“ท่าแม่เป็นคนจับ!”

“เซินเป่าเป็นคนตุ๋น!”

“ตกลง!”

“เย้ ๆ !”

เฟิ่งเสวียนตู้ชะงักเล็กน้อย: “พวกเจ้า ......”

ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืน และขยับมือเท้าเบา ๆ เพราะของอร่อยดวงตาคู่นั้นจึงดูมีชีวิตชีวาอย่างหาได้ยาก

“เจ้าขี่เหร่ ให้อะไรตุ๋นไก่ขนม่วงนั่นดีที่สุด?”

“......โสมชื่อหยุนก็ไม่เลวเลย”

ดวงตาของฉุ่เชียนหลีและเซินเป่ายิ่งเปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม

ไอ้หยา มันบังเอิญมากเลยไม่ใช่หรือ?

หลังจากที่เฟิ่งเสวียนตู้ได้ตอบไปแล้ว ก็พลันได้สติกลับคืนมา จึงรีบเอ่ยเตือน:

“ไก่ขนม่วง......ไม่สิ อินทรีมู่หยูนั่นจัดการได้ยากมาก โดยเฉพาะจะงอยปากและกรงเล็บที่แหลมคมนั่น จะต้องบาดเจ็บเมื่อสัมผัส”

ฉู่เชียนหลีพยักหน้า: “ไม่เอาปาก ตีนเอามาทำหมาล่าได้”

“มันยังได้ฝึกพลังเสวียน”

“เช่นนั้นเวลาทานจะทำให้เนื้อเปลี่ยนรสชาติไปหรือเปล่า?” ฉู่เชียนหลียิ่งสงสัยมากขึ้น “เซินเป่า มาเตรียมการกันก่อน!”

“ขอรับ ท่านแม่”

เซินเป่าเป่าลูกหวีด ทันใดนั้นนกกระจอกตัวเล็กก็ได้บินเข้ามา กระโดดไปมาฟังเซินเป่าสั่งการเสร็จ จากนั้นก็ร้องจิ๊บ ๆ บินจากไป ไม่นานนัก ทั่งทั้งผืนป่าก็คึกคักขึ้นมา บรรดานกพากันร้องอย่างสนุกสนาน

เฟิ่งเสวียนตู้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ : “ข้า......ข้าจะให้เทียนเสวียนเตรียมหม้อใบใหญ่หน่อยเอาไว้”

ช่างเถอะ อยากกินก็ไปจับ หากจัดการไม่ได้จริง ๆ ก็ให้เทียนเสวียนและเทียนชูลงมือช่วยเหลือ เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ยากที่จะพิสูจน์หาที่มาของผู้ฝึกตนพวกนั้นขึ้นไปอีก

“ได้ แบ่งตีนไก่ให้เจ้าข้างหนึ่ง”

“เช่นนั้นข้าก็ขอบคุณเจ้า”

“คนกันเอง อย่าได้เกรงใจไป”

เฟิ่งเสวียนตู้รู้สึกว่าต่อไปนี้เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นเขาจะต้องรีบฟื้นฟูพลังวบางส่วนถึงจะได้

เพราะอย่างไรเสีย ตี้จวินหงส์ทั้งคน แม้แต่ความสามารถในการช่วย “คนกันเอง” ได้กินดื่มอย่างอิสระยังไม่มี ต้องให้ลูกน้องลงมืออยู่ทุกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี