ฉู่เชียนหลีสัมผัสได้ถึงไอสังหารอันแรงกล้าบนตัวของฉู่หลิงเซวียนจากระยะไกล
ขาหักสองข้าง ใบหน้าเสียโฉม ไม่นึกเลยว่าจะยังฝืนทนมาร่วมงานล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิ หากไม่ใช่ไม่ห่วงชีวิต ก็เป็นมีแผนบางอย่าง
เกาหลินเดินขึ้นมาด้านหน้าด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม: “คุณหนูใหญ่ ห้องได้ถูกจัดเรียบร้อยแล้ว หากว่ายังขาดเหลืออะไร ให้สั่งการกับคนด้านล่างได้เลย รับรองได้ว่าจะจัดการให้ท่านอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง”
“ขอบคุณเกากงกงมาก และลำบากเหล่ากงกงที่คอยช่วยเหลือทุกท่านแล้ว น้ำใจเล็กน้อย เชิญทุกท่านดื่มชา”
ฉู่เชียนหลียื่นถุงเงินใบหนึ่งออกไป
เกากงกงรับถุงเงินเอาไว้ เพียงรู้สึกหนักที่ฝ่ามือ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งสดใสขึ้นกว่าเดิม
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่”
ฉู้เชียนหลีหยิบเอาห่อผ้าเล็ก ๆ ออกมา แล้วยื่นให้เกากงกง
“นี่คือของตอบแทนที่เตรียมให้กงกงโดยเฉพาะ”
เกาหลินรีบรับเอามา เปิดออกเห็นรากสีสันดั่งหยกอยู่ด้านใน จึงรีบมัดห่อผ้าเอาไว้ในทันที
“นี่.....บ่าวไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตอบแทนอย่างไรดีแล้ว”
“อย่าได้เกรงใจไปเลย”
“คุณหนูใหญ่ ในครั้งนี้มีผู้คนมาที่ลานล่าสัตว์จำนวนมาก เหมือนว่าผู้ที่เคยมีความสัมพันธ์กับคุณหนูใหญ่ในเมื่อก่อนหน้านี้มากันแทบทุกคน ผู้คนมากหน้าหลายตา คุณหนูใหญ่ระวังตัวด้วย”
สีหน้าของฉู่เชียนหลีเคลื่อนไหวเล็กน้อย: “ได้ ขอบคุณกงกงที่กล่าวเตือน”
เฟิ่งเสวียนตู้เก็บสายตากลับมาจากเซินเป่าที่วิ่งเล่นอย่างบ้าคลั่ง
“นางอู๋ ฉู่หลิงเซวียนและนางซุนต่างก็มากันหมด”
ฉู่เชียนหลียิ้มพลางพยักหน้า ร่องรอยการเฝ้ารอแวบผ่านไปในดวงตาของนาง: “อืม ปลาใหญ่ตัวนั้นก็คงอยู่ไม่ไกลแล้ว”
ค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบสงบ
วันต่อมา ฉู่เชียนหลีตื่นขึ้นมาค่อนข้างจะเช้าไปหน่อย ทันทีที่ตื่นขึ้น ก็ได้กลิ่นหอมอันเย้ายวนลอยมา
“หอมจังเลย!”
เฟิ่งเสวียนตู้ยกหม้อดินเข้ามา ก็ได้เผชิญเข้ากับแววตาเป็นประกายของฉู่เชียนหลี
“เจ้าขี้เหร่ เจ้าทำอะไรหรือ?”
“ข้าวแปดสมบัติโสมชื่อหยุน ”
ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นอย่างตกตะลึง: “เจ้าหาโสมชื่อหยุนเจอแล้วหรือ?”
เซินเป่ายืดอกเล็ก ๆ เดินเข้ามา กะพริบตาปริบ ๆ ให้กับฉู่เชียนหลี
ฉู่เชียนหลีหัวเราออกมาเบา ๆ : “เซินเป่าเป็นคนหาเจอหรือ?”
“ขอรับ ขุดพบที่มุมกำแพงของค่ายล่าสัตว์ในตอนเช้า” เซินเป่าวิ่งเข้ามาที่บริเวณข้างเท้าของฉู่เชียนหลีอย่างรวดเร็ว กล่าวขึ้นมาพลางยิ้มแฉ่ง
“เซินเป่ายอดเยี่ยมจริง ๆ !”
ฉู่เชียนหลีไม่ตระหนี่คำชมของตนเองเลยสักนิด อุ้มเซินเป่าขึ้นมาแล้วหอมลงไปหนึ่งฟอด
เซินเป่าดีใจหน้าหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ท่านแม่ พวกเรารีบทานอาหารกัน ทานเสร็จแล้ว เซินเป่าจะไปหาดูว่าที่นี่มีน้องชายโฉมคนอื่น ๆ อยู่อีกหรือไม่”
เฟิ่งเสวียนตู้ตักโจ๊กให้กับสองแม่ลูก เห็นพวกเขาทานอย่างเอร็ดอร่อย สีหน้าท่าทางค่อนข้างลึกล้ำเล็กน้อย
เผ่าหงส์เป็นนกมงคลของฟ้าดิน โดยเฉพาะสายเลือดหลัก ง่ายที่จะได้รับการดูแลจากสวรรค์ ทว่าเหมือนอย่างเซินเป่า ต้องการอะไรก็ได้ดั่งสมปรารถนา แต่กลับไม่เคยมีมาก่อน
ฉู่เชียนหลีทานโจ๊กหมดไปหนึ่งถ้วย รู้สึกเพียงเหมือนว่าทั่วทั้งร่างได้แช่อยู่ในน้ำพุร้อน สบายจนทำให้คนอยากกลับไปนอนฝันหวานต่อ เงยหน้าขึ้น ก็พบเข้ากับท่าทางครุ่นคิดของเฟิ่งเสวียนตู้
“เจ้าขี้เหร่ คิดอะไรอยู่หรือ?”
เฟิ่งเสวียนตู้มองดูแผ่นโสมชื่อหยุนที่อยู่ในหม้อดิน
“เพียงแค่สงสัยว่า เซินเป่าขุดเจอโสมชื่อหยุนได้อย่างไร?”
“เป็นเพราะอยากได้ไงเล่า ยังจะเป็นเพราะอะ......”
รอเดี๋ยวนะ อยากได้โสมชื่อหยุน และนั่นก็เป็นเพราะอยากจะทานปักสีขาวตุ๋นโสมชื่อหยุน?
แต่ว่าถ้าหากนำปักษีขาวตัวอวบอ้วนนั้นมาตุ๋น......
ฉู่เชียนหลีทานโจ๊กหนึ่งคำอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็กลืนน้ำลายดังเอื้อก
“เซินเป่า เรื่องที่พวกเราหาโสมชื่อหยุนเจอ อย่าบอกโต้เกิ๋นและเผิงเกิ๋นดีกว่าไหม?”
รับมือกับฉู่หลิงเซวียนและองค์ชายสามในเมื่อก่อนหน้านี้ พวกมันเองก็ออกแรงไม่น้อย มาวันนี้กลับคิดถึงเนื้อของผู้อื่นตลอดเวลา มันค่อนข้างจะทำร้ายจิตใจไปหน่อย
เซินเป่าเองก็แจะปาก แล้วยกมือขึ้นมาเช็ดปาก และพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
“ขอรับ ท่านแม่”
ดวงตาของเฟิ่งเสวียนตู้เคลื่อนไหวเล็กน้อย ในใจแอบรู้สึกส่ายหัว
แม่ลูกสองคนนี้ อยากทานตุ๋นปักษีขาวมากขนาดนั้นเชียวหรือ?
ถ้าหากพวกเขาอยากทานมาก ให้เทียนเสวียนไปจับมาสักสองตัวก็ใช่ว่าจะไม่ได้
เมื่อฉู่เชียนหลีทานอิ่มแล้ว กำลังเตรียมจะกลับไปนอนต่อ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงอุทานลอยมาจากด้านนอก
“หือ? เกิดอะไรขึ้น?”
เซินเป่าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดึงฉู่เชียนหลีออกไปยังด้านนอก
“ท่านแม่ พวกเราไปดูกัน”
พึ่งจะมาถึงด้านนอก ก็เห็นพวกบ่าวรับใช้จากในวังและเหล่าองครักษ์ต่างเงยหน้าขึ้นมองไปบนฟ้า
ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็หรี่ตาลงทันที
บนท้องฟ้า วิหคสีม่วงขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังกางปีกทั้งสองข้าง บินผ่านไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
มันมีจะงอยปากสีทอง กรงเล็บสีทอง หงอนสีแดง ขนสีม่วง สองปีกมีพลัง ขนหางงดงาม บินไม่เร็วนัก แต่กลับแฝงไปด้วยความดูหมิ่น สะเทือนใจผู้คนเป็นพิเศษ
วินาทีต่อมา วิหคยักษ์สีม่วงก็เงยหน้าร้องร้องออกมาเสียงก้องกังวาน ทั่วทั่งผืนป่าเหมือนกับได้รับแรงสั่นสะเทือน แม้แต่หมู่เมฆที่ลอยอยู่บนยอดเขาก็กลิ้งไปมาไม่หยุด สุดท้ายก็ได้เกิดรอยแยกออกมาสายหนึ่ง
“นั่นอะไร?”
“วิ......วิหคเทพ?”
เสียงตกตะลึงดังลอยมาไม่ขาดสาย ผู้คนที่อยู่ด้านล่างอลหม่านขึ้นมาในทันที
ไม่นาน วิหคยักษ์สีม่วงก็ได้บินไปไกล และหายลับขอบฟ้า
เฟิ่งเสวียนตู้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ประกายในตาหงส์หม่นหมองลง
ฉู่เชียนหลีสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา จึงดึงแขนเสื้อของเขาเบา ๆ : “เจ้ารู้จักนกตัวนั้นหรือ?”
“อินทรีมู่หยู สายตาเฉียบแหลม ออกมาตอนพระอาทิตย์ขึ้นและกลับรังตอนพระอาทิตย์ตก สามารถฝึกพลังเสวียน เสียงร้องสามารถทำลายกำแพงเมฆ และยังสามารถหาทิศทางได้อย่างแม่นยำในที่ที่มีหมอกหนาได้อีกด้วย อยู่ที่โลกกลาง มีผู้ฝึกตนจำนวนมากใช้มันเป็นพาหนะ ตัวนั้นในเมื่อสักครู่ พลังทัดเทียมได้กับผู้ฝึกตนที่ระดับบำเพ็ญตนขั้นสูงผู้หนึ่ง”
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ฉู่เชียนหลีพอที่จะเข้าใจการแบ่งพลังของผู้ฝึกตนบ้างแล้ว เหมือนกับการฝึกทิพย์ มีทั้งหมดเก้าระดับ ในแต่ละระดับยังแบ่งเป็นขั้นต้น ขั้นกลางและขั้นสูง ระดับบำเพ็ญตนขั้นสูงเทียบได้กับนักพรตทิพย์ชั้นเก้า สูงกว่าระดับของนางในตอนนี้หนึ่งระดับเต็ม ๆ
“พาหนะตัวหนึ่ง?”
แววความคิดแวบขึ้นมาในดวงตาของฉู่เชียนหลี
มีพาหนะก็ต้องมีเจ้าของเป็นธรรมดา ดูเหมือนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนางซุนทนอยู่เฉยไม่ได้แล้ว เลยให้พาหนะมาสร้างอานุภาพขู่ขวัญไว้ก่อน จากนั้นค่อยปรากฏตัวอย่างน่าทึ่ง?
ยอดฝีมือผู้นั้นใส่ใจในรูปลักษณ์ไม่น้อยเลยนี่
กำลังคิดอยู่นั่นเอง พลันรู้สึกว่าแขนเสื้อถูกดึงเอาไว้แน่น ฉู่เชียนหลีก้มหน้า ก็ได้เห็นเซินเป่ากำลังเช็ดน้ำลายอยู่
“ท่านแม่ ไก่ขนม่วงนั่นอ้วนดีจริง ๆ !”
ไก่......ขนม่วง?
ฉู่เชียนหลีนั่งยอง ๆ ลง สบตากับเซินเป่าอยู่ชั่วขณะ แล้วยกมือประสานอย่างใจตรงกัน
“ท่าแม่เป็นคนจับ!”
“เซินเป่าเป็นคนตุ๋น!”
“ตกลง!”
“เย้ ๆ !”
เฟิ่งเสวียนตู้ชะงักเล็กน้อย: “พวกเจ้า ......”
ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืน และขยับมือเท้าเบา ๆ เพราะของอร่อยดวงตาคู่นั้นจึงดูมีชีวิตชีวาอย่างหาได้ยาก
“เจ้าขี่เหร่ ให้อะไรตุ๋นไก่ขนม่วงนั่นดีที่สุด?”
“......โสมชื่อหยุนก็ไม่เลวเลย”
ดวงตาของฉุ่เชียนหลีและเซินเป่ายิ่งเปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม
ไอ้หยา มันบังเอิญมากเลยไม่ใช่หรือ?
หลังจากที่เฟิ่งเสวียนตู้ได้ตอบไปแล้ว ก็พลันได้สติกลับคืนมา จึงรีบเอ่ยเตือน:
“ไก่ขนม่วง......ไม่สิ อินทรีมู่หยูนั่นจัดการได้ยากมาก โดยเฉพาะจะงอยปากและกรงเล็บที่แหลมคมนั่น จะต้องบาดเจ็บเมื่อสัมผัส”
ฉู่เชียนหลีพยักหน้า: “ไม่เอาปาก ตีนเอามาทำหมาล่าได้”
“มันยังได้ฝึกพลังเสวียน”
“เช่นนั้นเวลาทานจะทำให้เนื้อเปลี่ยนรสชาติไปหรือเปล่า?” ฉู่เชียนหลียิ่งสงสัยมากขึ้น “เซินเป่า มาเตรียมการกันก่อน!”
“ขอรับ ท่านแม่”
เซินเป่าเป่าลูกหวีด ทันใดนั้นนกกระจอกตัวเล็กก็ได้บินเข้ามา กระโดดไปมาฟังเซินเป่าสั่งการเสร็จ จากนั้นก็ร้องจิ๊บ ๆ บินจากไป ไม่นานนัก ทั่งทั้งผืนป่าก็คึกคักขึ้นมา บรรดานกพากันร้องอย่างสนุกสนาน
เฟิ่งเสวียนตู้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ : “ข้า......ข้าจะให้เทียนเสวียนเตรียมหม้อใบใหญ่หน่อยเอาไว้”
ช่างเถอะ อยากกินก็ไปจับ หากจัดการไม่ได้จริง ๆ ก็ให้เทียนเสวียนและเทียนชูลงมือช่วยเหลือ เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ยากที่จะพิสูจน์หาที่มาของผู้ฝึกตนพวกนั้นขึ้นไปอีก
“ได้ แบ่งตีนไก่ให้เจ้าข้างหนึ่ง”
“เช่นนั้นข้าก็ขอบคุณเจ้า”
“คนกันเอง อย่าได้เกรงใจไป”
เฟิ่งเสวียนตู้รู้สึกว่าต่อไปนี้เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นเขาจะต้องรีบฟื้นฟูพลังวบางส่วนถึงจะได้
เพราะอย่างไรเสีย ตี้จวินหงส์ทั้งคน แม้แต่ความสามารถในการช่วย “คนกันเอง” ได้กินดื่มอย่างอิสระยังไม่มี ต้องให้ลูกน้องลงมืออยู่ทุกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...