ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 9

สรุปบท บทที่ 9 คิดจะหนี ? ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี

สรุปตอน บทที่ 9 คิดจะหนี ? ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ – จากเรื่อง ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดย เย็นอวี่ฟังหัว

ตอน บทที่ 9 คิดจะหนี ? ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดยนักเขียน เย็นอวี่ฟังหัว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ด้านนอกลานเรือน เมื่อฉู่หลิงเซวียนเห็นฉู่เชียนหลีพาเซินเป่าเดินออกมาจากในบ้าน ก็กัดฟันกรอดแล้วหันมององครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ ทันที

“พวกเจ้าพกยาถอนพิษเอาไว้ตลอดมิใช่หรือ ? หาทางกินให้ได้เร็วเข้าสิ พวกเราจะได้หนีไปเดี๋ยวนี้ !”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวลาผ่านไปนานหรือไม่ ฤทธิ์ยาจึงค่อย ๆ เสื่อมลง บรรดาองครักษ์ดิ้นรนอยู่สักครู่ก็สามารถขยับได้จริง ๆ จากนั้นจึงรีบกินยาถอนพิษ แล้วโยนสัมภาระที่แบกอยู่บนหลังลง และรีบเข้าไปประคองฉู่หลิงเซวียน

ฉู่หลิงเซวียนกัดฟันแน่น รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดบนแก้มและร่างกาย และจ้องตาเขม็งไปที่บ้าน

รอให้นางออกมาก่อน แล้วค่อยส่งองครักษ์จำนวนมากขึ้นเขาไปในเขา ถึงตอนนั้นก็ค่อยปรักปรำมารสาวว่าเป็นผู้แย่งชิงโสมเสวียนม่วงไปจากนาง จะต้องทำให้นางถูกสับออกเป็นชิ้น ๆ ให้ได้

“คุณหนู รีบไปเถอะขอรับ”

ฉู่หลิงเซวียนคิดถึงโสมเสวียนม่วงที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเหล่านั้น ก็รู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก ทันใดนั้นนางก็มองเห็นโสมเสวียนม่วงครึ่งต้นที่มีรอยฟันอยู่บนพื้น ก็กัดริมฝีปากอย่างรุนแรง

“ไปเร็วเข้า เก็บโสมเสวียนม่วงครึ่งต้นนั้นขึ้นมา แล้วพวกเรารีบไปกัน !”

“ขอรับ”

ถึงแม้จะเคยผ่านการปรุงอาหารและเคยถูกกัดมาก่อน แต่นั่นก็คือของล้ำค่าหายากอยู่ดี ไม่แน่ว่าอาจช่วยองค์ชายสามได้ ?

องครักษ์ค่อย ๆ หยิบโสมครึ่งต้นที่มีรอยฟันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วประคองฉู่หลิวเสวียนหนีออกจากลานเรือนอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าในขณะที่พวกเขาเพิ่งจะเข้าใกล้รั้ว ดอกกระดูกสีชมพูที่เดิมทีหุบอยู่ กลับเบ่งบานขึ้นมาในทันที และมีกลิ่นหอมเย้ายวนลอยมาเตะจมูก

ฝีเท้าของพวกฉู่หลิงเซวียนหยุดลงในทันที จากนั้นก็น้ำลายฟูมปากแล้วล้มลงกับพื้นดังตุ้บ

เถาวัลย์สีเขียวค่อย ๆ คลายตัวออกจากรั้ว แล้วเข้ามาพ้นรอบข้อมือของฉู่หลิงเซวียนเอาไว้ แล้วลากนางตรงไปยังราก เถาวัลย์ที่ดูมีสีเขียวสดใส แต่ทันทีที่สัมผัสถูกผิวหนังของมนุษย์ กลับสามารถกัดกร่อนชั้นผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว

เซินเป่าได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็วิ่งออกมา เมื่อเห็นภาพนี้จึงรีบตบไปที่เถาวัลย์ทันที

“เจ้าชมพู ทำอะไรของเจ้า คนพวกนี้จะต้องช่วยข้าแบกสัมภาระ ซ้ำจะต้องช่วยแบกท่านแม่อีก ไม่ได้เอาไว้ให้เจ้ากินเสียหน่อย”

ดูเหมือนเถาวัลย์จะรู้สึกผิด จึงรีบปล่อยฉู่หลิงเซวียนลง จากนั้นจึงลูบไล้นิ้วเท้าของเซิงเป่าอย่างออดอ้อน และยอมพันกลับไปบนรั้วอีกครั้ง

ฉู่เชียนหลีค่อย ๆ เดินออกมา เหลือบมองคนกลุ่มนั้น แล้วมองดูสีของท้องฟ้าอย่างเฉยเมย

“สายมากแล้ว”

หลังจากเห็นฉู่หลิงเซวียนแล้ว ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปนาน ความหงุดหงิดในใจของนางก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้รู้สึกกระสับกระส่ายและรำคาญใจเสียจริง ๆ

“ขอรับ ท่านแม่เชิญนั่งก่อน”

เซินเป่าหยิบขวดกระเบื้องใบหนึ่งออกมา ภายในขวดบรรจุน้ำผึ้งสีเหลืองทองเอาไว้ เขาทำสีหน้าบูดบึ้ง และหยดใส่ปากของทุกคนคนละหนึ่งหยด

ฉู่หลิงเซวียนกับองครักษ์ฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สบตากับแววตาเกียจคร้านของฉู่เชียนหลี ก็เริ่มตัวสั่นทันที

“เซินเป่า คิดเงิน”

“ขอรับ ท่านแม่ ! เถาวัลย์กระหายเลือด ทำให้คนถูกพิษอย่างไร้ร่องรอย หลังจากถูกพิษแล้วก็จะถูกพวกมันลากไปกิน ข้ากับท่านแม่เพิ่งช่วยชีวิตพวกเจ้าเอาไว้ รวมกับที่ก่อนหน้านี้พวกเจ้าเตะรั้วจนพัง ขุดน้องชายโสมคนของข้า เมื่อนำมาคิดรวมกันแล้วก็ห้าร้อยตำลึงพอดี......”

“อะแฮ่ม ๆ......” ฉู่เชียนหลีกระแอมเบา ๆ

ออกสู่โลกภายนอก หากไม่มีเงินจะใช้ชีวิตวัยเกษียณได้อย่างไรกัน ? ดังนั้นในเมื่อมีโอกาสรีดไถ ก็ควรรีดไถให้หนำใจเสียหน่อย

“พวกข้ารับใช้ที่ไร้ประโยชน์พวกนี้ หากเจ้าอยากฆ่าก็ฆ่าเถอะ” ฉู่หลิงเซวียนแอบกัดฟัน นางไม่มีทางออกเงินแทนพวกไร้ประโยชน์พวกนั้นเด็ดขาด

เหล่าองครักษ์ดวงตาเบิกโพลงในทันที และหันมองฉู่หลิงเซวียนอย่างไม่อยากเชื่อ แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

พวกเขาคอยปกป้องฉู่หลิงเซวียนด้วยความจงรักภักดีมาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงที่นี่ พี่น้องกว่าร้อยคนกลับเหลืออยู่เพียงแค่เจ็ดคน แต่สุดท้ายกลับถูกตอบแทนด้วยคำว่าข้ารับใช้ที่ไร้ประโยชน์ ?

“หึ !” ฉู่เชียนหลีหันมองฉู่หลิงเซวียน เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “สมแล้วที่เป็นว่าที่พระชายาองค์ชายสาม จิตใจที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ยากจะหาใครเปรียบจริง ๆ ช่างเถอะ เซินเป่า ให้องครักษ์พวกนั้นเขียนหนังสือสัญญาด้วย”

“ขอรับ”

เหล่าองครักษ์ต่างนิ่งเงียบ มีบางคนขณะที่เดินผ่านฉู่หลิงเซวียน ก็แสร้งเดินชนนางจนล้มลงกับพื้นโดยไม่เจตนา

“โอ๊ย !”

มือของฉู่หลิงเซวียนถลอก นางจ้องมองไปด้วยความโกรธทันที : “เจ้า......”

“คุณหนูใหญ่โปรดอภัยให้ด้วย พวกไร้ประโยชน์อย่างเรามีตาหามีแววไม่”

เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาของเหล่าองครักษ์ ฉู่หลิงเซวียนก็รู้สึกใจสั่น ความโกรธคุกรุ่นอยู่ภายใน แต่ไม่อาจแสดงออกมาได้

พวกสารเลว มีแต่พวกสารเลวทั้งนั้น !

รอให้นางออกไปได้ก่อน จะต้องตัดหัวคนพวกนี้ให้จงได้ !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี