เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงในเงามาร นิยาย บท 18

ยัยเด็กบ้าคนนี้ เสแสร้งเก่งจริง ๆ ด้วย!

ชีอวิ๋นถิงเหมือนกับวัวกระทิงที่ถูกกระตู้น เมื่อครู่ตอนที่ชีหยวนดึงแขนของเขาทีหนึ่งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจถึงขีดสุดแล้ว

เขาชี้ไปทางชีหยวนพร้อมเอ่ยกับชีเจิ้น “ท่านพ่อ! ท่านควรตรวจสอบนางให้ดี ๆ นะขอรับ นางอยู่ด้านนอกมาสิบกว่าปี ใครจะรู้ว่านิสัยของนางเป็นอย่างไร และเคยคลุกคลีกับผู้ใดอีกบ้าง?”

คำพูดนั้นฟังดูแย่มาก เหลือเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาว่าชีหยวนไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี และสงสัยในสถานะของนาง

ชีจิ่นสูดจมูกเบา ๆ อยู่ด้านข้าง และรับผิดชอบเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “พี่หญิง ท่าน ท่านคงไม่ได้ต่อสู้เป็นหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วว่าท่านดึงท่านพี่และผลักเขาล้มลงไป...”

นางหวังกวาดสายตาด้วยสีหน้าซับซ้อนและสงสัยไปทางชีหยวน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา

นี่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางปลอบใจตนเอง อาจิ่นเป็นแก้วตาดวงใจที่นางเลี้ยงด้วยมือตนเอง ส่วนอวิ๋นถิงก็เป็นบุตรชายคนโตของนาง และเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของนางด้วย

แม้ฝ่ามือและหลังมือจะเป็นเลือดเนื้อเหมือนกัน แต่เนื้อที่อยู่บนฝ่ามือและหลังมือก็ยังมีความหนาบางแตกต่างกัน

ชีหยวนมองดูพวกเขา และหันไปคุกเข่าลงตรงหน้าชีเจิ้น

หลังจากนั้นนางก็ยื่นแขนของตนเองให้ชีเจิ้นดู “ท่านพ่อ ข้าเติบโตที่บ้านนอกกับพ่อแม่บุญธรรมตั้งแต่เด็ก พวกผ่าฟืน ตวงน้ำ ดูแลพืชผลข้าล้วนต้องทำทุกอย่าง และช่วงวันส่งท้ายปียังต้องช่วยฆ่าหมูอีก ดังนั้นข้าจึงมีแรงมากกว่าคนปกติเสียเล็กน้อย มันก็สมเหตุสมผลแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

ฝ่ามือของนางล้วนเป็นรอยด้าน และสองมือคู่นี้ก็แตกต่างจากชีจิ่นโดยสิ้นเชิง ตรงที่ได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยความหรูหราและสะดวกสบาย จนมือไม่เคยสัมผัสกับงานหนักเลย

ชีเจิ้นเมื่อได้เห็นก็พูดอะไรไม่ออก

จริงด้วย นางทำงานหนักตั้งแต่เด็กจนโต ดังนั้นแรงย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับเด็กผู้หญิงทั่วไปอยู่แล้ว

แค่อาศัยแค่เรื่องนี้ กลับบอกว่านางต่อสู้เป็นและมีเจตนาแอบแฝงแล้ว มันก็ไม่ค่อยถูกเสียทีเดียว

ชีหยวนเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาก็แดงก่ำ “ท่านพ่อ ในเมื่อท่านพี่ใหญ่ดูถูกข้า แถมน้องรองยังรังเกียจที่ข้ากลับมาแบบนี้อีก เช่นนั้นก็หาที่สักแห่งหนึ่งแล้วส่งข้าไปเถิดเจ้าค่ะ”

นางหวังคัดค้านอย่างตกใจ “จะได้อย่างไรกัน?”

ในเมื่อพากลับมาแล้ว ทั้งยังเคยผ่านสายตาของจิ้นอ๋องกับเสนาบดีหลูอีก หากส่งคนกลับไปตอนนี้ มันจะดูเป็นอย่างไร?

ชีอวิ๋นถิงหน้าอกกระเพื่อมขึ้นอย่างรุนแรง “เจ้าเสแสร้งให้มันน้อย ๆ หน่อย! ชีหยวน อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนเช่นไร? ทางที่ดีเจ้าควรหยุดแสร้งทำตัวน่าสงสารอยู่ตรงนั้นจะดีกว่า เพราะไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าออกมาเอง!”

“ชีอวิ๋นถิง!” ชีเจิ้นผิดหวังกับบุตรชายคนนี้อย่างมาก “เจ้าโวยวายพอหรือยัง?! ไสหัวไป! และไปคุกเข่าที่ศาลบรรพบุรุษให้เสีย ถ้าไม่มีคำสั่งของข้า ก็ไม่อนุญาตให้เจ้าลุกขึ้นมา!”

อากาศหนาวแบบนี้ โดยเฉพาะในศาลบรรพบุรุษก็จะยิ่งหนาวเย็น

และช่วงเวลาที่ทั้งครอบครัวมารวมตัวกัน จะปล่อยให้อวิ๋นถิงคุกเข่าที่ศาลบรรพบุรุษอย่างโดดเดี่ยว นางหวังจะทนได้อย่างไร?

นางรีบดึงชีเจิ้นไว้ “แค่เด็กสองคนล้อเล่นกันเท่านั้นเอง แล้วอาหยวนก็เพิ่งกลับมา พวกเด็ก ๆ ยังไม่รู้จักนิสัยของกันและกันดี จะมีกระทบกระทั่งกันบ้างก็เป็นเรื่องปกตินะเจ้าคะ...”

นางหวังพยายามไกล่เกลี่ยโดยไม่แยกแยะถูกผิด และจ้องชีอวิ๋นถิงเล็กน้อย “เจ้ายังไม่รีบขอโทษท่านพ่อเจ้าอีก?”

ชีเจิ้นโมโหอย่างมาก “จะมาขอโทษอะไรข้า? ไปขอโทษน้องสาวเขาสิ!”

ชีหยวนกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าในครอบครัวนี้ ชีเจิ้นกลับดูเหมือนเป็นคนปกติ

พอชีอวิ๋นถิงได้ยินก็เหมือนกับกินรังแตน “ทำไมข้าต้องขอโทษนางด้วย? นางเป็นแค่ตัวซวย พอกลับมาก็ทำฉากกั้นกระจกของท่านแม่ล้มลงมาแตก แถมข้าเองยังถูกกระจกตำจนได้รับบาดเจ็บอีก...”

ยังต้องการให้เขาขอโทษชีหยวนอีก ฝันไปเสียเถิด!

ชีจิ่นใช้โอกาสนี้ ตามชีอวิ๋นถิงไปอย่างระมัดระวัง “ข้า ข้าจะไปกับท่านพี่ด้วยเจ้าค่ะ! บนร่างกายเขายังมีบาดแผล ข้าไม่ค่อยวางใจ รอให้ข้าพันแผลให้เขาเสร็จแล้ว ข้าค่อยไปกินข้าว”

สุดท้ายการเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโต ก็ยังใกล้ชิดมากกว่าคนที่กลับมากลางคันอยู่ดี

นางหวังถอนหายใจอย่างโล่งอก และพยักหน้าต่อบุตรสาวอย่างปลื้มใจ

เมื่อตอนที่หันหน้ากลับมาอีกครั้ง สีหน้าก็เย็นชาลงในทันที “ยังไม่รีบเก็บกวาดห้องนี้ให้สะอาดอีกหรือ?”

ชีเจิ้นกวักมือไปทางชีหยวน สำรวจนางอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้น “อีกประเดี๋ยวครอบครัวลุงรองและลุงสามของเจ้าจะมา เจ้าก็อย่าเอ่ยถึงเรื่องที่เจ้าอยู่บ้านนอกขึ้นมาอีกเล่า เข้าใจหรือไม่?”

ชีหยวนตอบรับด้วยการพยักหน้า

ช่วงที่ออกไป นางสังเกตเห็นแม่นมสวีที่อยู่ข้างกายนางหวังมีสีหน้าเย็นชา ยืนอยู่ด้านนอกผ้าม่านและจ้องมองตนเองด้วยใบหน้าที่เย็นยะเยือก

ราวกับตนเองทำเรื่องก่อกรรมทำชั่วจนแม้แต่สวรรค์และคนต่างก็พากันเคียดแค้นอย่างไรอย่างนั้น

แม่นมจางก็ก้มหน้าลงและแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเท่านั้น

ชีหยวนไม่ได้สนใจเช่นเดียวกัน นางตามหลังชีเจิ้นออกไปยังโถงดอกไม้ที่จัดงานเลี้ยงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ศาลบรรพบุรุษมืดมนและทั้งหนาวเย็น น้ำตาของชีจิ่นก็ราวกับไข่มุกที่สายขาด กระทบลงบนมือของชีอวิ๋นถิงไม่หยุด “ท่านพี่ เหตุใดท่านพี่โง่เขลาเช่นนี้เล่าเ? เพราะข้าแล้ว ถึงกับต้องไปทะเลาะกับนางให้จงได้ ข้าคู่ควรหรือเจ้าคะ?”

เมื่อสาวงามหลั่งน้ำตา ใครเห็นก็อดสงสารไม่ได้ ชีอวิ๋นถิงตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “อาจิ่น เจ้าพูดอะไรน่ะ? เจ้าเป็นน้องสาวของข้า หรือว่าข้าจะมองดูนางรังแกเจ้าโดยไม่สนใจได้อย่างนั้นหรือ?”

ชีจิ่นร้องไห้หนักขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ “ท่านพี่ ข้ากลัวว่าบ้านหลังนี้จะไม่มีที่สำหรับข้าอีกแล้วเจ้าค่ะ! นางน่ากลัวมากจริง ๆ ทุกคำพูดและทุกประโยคทิ่มแทงข้าจนไม่เหลือที่ยืน ท่านพ่อเองก็คงเกลียดข้าไปแล้วแน่ ๆ ...”

“เจ้าพูดจาเพ้อเจ้ออะไร?” สีหน้าของชีอวิ๋นถิงดำทะมึนลง “ตราบใดที่มีข้าอยู่ ก็จะคอยปกป้องเจ้าในบ้านหลังนี้ และใครก็อย่าคิดจะเปรียบเทียบ หรือคิดจะเบียดเจ้าออกไป! เจ้าคอยดูเอาเถิด ไม่ช้าก็เร็วข้าจะทำให้นางไสหัวออกไปด้วยความสิ้นหวังเอง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงในเงามาร