“เหตุใดล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองคนที่จ่ายเงินแล้วได้เข้าไปในค่ายกล
“พวกเขาขึ้นได้ แล้วเหตุใดข้าถึงขึ้นไม่ได้?”
นายทหารคนนั้นแค่นหัวเราะออกมา รอยยิ้มประชดประชัน
“เรื่องนี้ข้าต้องถามเจ้าแล้ว ว่าเจ้าได้ไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินมาหรือไม่? เจ้าจะมาถามข้าเหตุใด?”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น แล้วเข้าใจในทันที
ดูเหมือนว่าหลู่อี้จะเป็นคนก่อเรื่องสินะ…
ฉู่หลิวเยว่คาดเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องกัดไม่ปล่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีอำนาจถึงขนาดนี้ เพียงแค่ในเวลาสั้นๆ ก็สามารถห้ามพวกนางไม่ให้ขึ้นค่ายกลเคลื่อนย้ายไปได้!
ตามหลักแล้ว ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้น่าจะเป็นของตระกูลหลิน หลู่อี้คนนั้นเป็นใครกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะมีอำนาจขนาดนี้?
ฉู่หลิวเยว่ทำใจให้สงบ
“ข้าจะจ่ายให้เจ้าสองเท่า”
นายทหารคนนั้นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา
“เลิกคิดไปได้แล้ว ไม่ว่าอย่างใดพวกเราก็ไม่ให้เจ้าขึ้นไปในค่ายกล เจ้ายอมแพ้เสียเถอะ!”
“ข้า…”
“คนต่อไป!”
“ห้าเท่า!”
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าเดินไปด้านหน้า
“หากห้าเท่าไม่พอ ข้าจะเพิ่มให้สิบเท่า!”
คนที่อยู่รอบข้างเงียบเสียงลง แล้วหันมามองอย่างแปลกใจ
“หน้าใหญ่นักนะ! คาดไม่ถึงว่าจะจ่ายสิบเท่า!? นางรู้หรือไม่ว่าการขึ้นค่ายกลเคลื่อนย้ายหนึ่งครั้งจะต้องจ่ายเงินเท่าไร ถ้ารู้แล้วยังจะกล้าอวดดีขนาดนี้อยู่หรือไม่?”
“ข้ารู้สึกคุ้นหน้านางนะ…เอ๋ เหมือนว่าพวกนางเป็นคนภายนอกพรมแดนที่เพิ่งเดินทางเข้ามาในอาณาจักรเสิ่นซวี่วันนี้! เจ้าเด็กผมม่วงตาม่วงคนนั้นไม่ใช่หรือ?”
“ถูกต้อง! ข้าก็เคยได้ยินมาเช่นกัน เป็นพวกนางนั่นแหละ!”
“ดูเหมือนได้ล่วงเกินใครเข้าจริงๆ …พวกนางจะต้องอยู่ในหน้าผาแดนสวรรค์อย่างยากลำบากแล้ว”
ผู้คนที่อยู่รอบข้างซุบซิบกันขึ้นมา
หัวใจของฉู่หลิวเยว่ดำดิ่งเล็กน้อย
และยามฝ่ายตรงข้าม กลับยักไหล่ขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าบอกแล้วว่าต่อให้เจ้าจ่ายอีกกี่เท่า…ก็ไม่มีประโยชน์! เจ้าเอาเวลานี้ไปขอโทษคนผู้นั้นจะดีกว่า สุดท้ายเรื่องจะได้ไม่ย่ำแย่เกินไป!”
เมื่อพูดจบ เขาก็โบกเรียกคนข้างหลังขึ้นมา
“คนข้างหลังจะเหม่ออันใดอยู่? อยากจะขึ้นค่ายกลหรือไม่? เร็วหน่อย!”
คนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังของฉู่หลิวเยว่ ผลักนางออกไปอย่างแรง
“มาแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ถอยหลังลงไปสองก้าว แต่ยังคงดึงตัวตู๋กูโม่เป่ามาปกป้องไว้ที่ด้านหลัง
นางยืนอยู่ที่เดิมสักพักหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกมา
“พวกเราไปดูที่ค่ายกลอื่นกันเถอะ”
…
ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาด
ค่ายกลอีกค่ายกลหนึ่งก็ยืนยันที่จะปฏิเสธฉู่หลิวเยว่เช่นกัน
แม้แต่ค่ายกลระดับสาม ทั้งสามแห่งก็เหมือนกัน
นั่นก็หมายความว่า ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่กับตู๋กูโม่เป่า ไม่มีทางออกจากที่นี่ได้เลย ชั่วพริบตาเดี๋ยวก็ถึงเวลากลางคืนแล้ว ฉู่หลิวเยว่หาโรงเตี๊ยมพักผ่อน แต่ก็ไม่สามารถนอนหลับได้
“ดูเหมือนว่าหลู่อี้คนนี้จะไม่ธรรมดาเลย…”
เขามีกลวิธีในการกลั่นแกล้งมากกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก!
ถ้าเป็นระดับนี้ เกรงว่านางได้มาเจอกับเจ้าถิ่นแล้ว
“เขาจะต้องมีอันใดบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลินอย่างแน่นอน”
ตู๋กูโม่เป่านั่งอยู่บนเก้าอี้ แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ
“สำนักแต่ละสำนักมีหน้าที่ดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายของอาณาเขตตนเอง อีกด้านหนึ่ง การสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบนี้ จำเป็นจะต้องใช้ยอดฝีมือหลายคนร่วมมือกัน ส่วนอีกด้านหนึ่งค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาก็สูงมากเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาจะต้องส่งคนของสำนักเข้าไปดูแล และคุ้มกัน ส่วนเรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ก็สามารถรักษากำไรได้”
“ในสถานการณ์ปกติแล้ว พวกเขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน ดังนั้นคนที่สามารถระดมพลทหารเหล่านั้นได้ และทำให้พวกเขายืนหยัดที่จะปฏิเสธไม่ให้พวกเราขึ้นไปยังค่ายกลนั้น คนผู้นั้นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ตกอยู่ในความเงียบ
ก๊อกๆ
ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังมาจากด้านนอก
ฉู่หลิวเยว่เดินออกไปเปิดประตู เสี่ยวเอ้อยื่นจดหมายมาให้ฉบับหนึ่ง
“จดหมายของท่านขอรับ”
แต่หลู่อี้คนนี้เป็นคนที่ชอบก่อเรื่อง ในเมื่อมีคนสนับสนุนเขาเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
โดยปกติแล้ว เขาจะชอบปล้นสมบัติของคนอื่นอยู่เป็นนิจ
มีคนจำนวนไม่น้อยที่อาศัยอยู่ในในหน้าผาแดนสวรรค์ได้รับความเดือดร้อน แต่พวกเขาไม่กล้าหือไม่กล้าอื้อ
ท้ายที่สุดแล้ว หน้าผาแดนสวรรค์นี้ก็มีตระกูลหลินปกครอง ใครจะกล้าสู้กับพวกเขา?
สำหรับฉู่หลิวเยว่ที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรมาจากนอกพรมแดน เขาก็ยิ่งรังแกมากยิ่งขึ้น
ครั้งนี้เขาถูกฉู่หลิวเยว่ปั่นหัว เขาจะลงมือโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม เขาไปปิดกั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายทุกค่ายกล!
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ฉู่หลิวเยว่ก้มหัวยอมจำนน! และบีบบังคับให้นางไม่มีหนทางเดิน!
ก่อนที่เสี่ยวเอ้อจะออกไป เขายังไม่ลืมเกลี้ยกล่อมฉู่หลิวเยว่อีกหนึ่งประโยค ให้นางรีบไปขออ้อนวอนอีกฝ่าย
ไม่เช่นนั้นนางจะต้องอยู่ที่นี่อย่างยากลำบากแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่ไม่ตอบรับ รอจนกระทั่งในห้องไม่มีคนแล้ว นางก็หยิบจดหมายออกมาเผา
“อยากให้ข้าก้มหัวยอมรับผิด เจ้าก็ทำเองเลยสิ!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเย็น
ในตอนแรกที่นางอยู่ที่หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง ตอนที่นางได้เจอกับองค์รัชทายาทราชวงศ์เป่ยหมิง นางก็ยังไม่ยอมถอย
ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้ก็เป็นแค่ผู้ลากมากดีที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
ตู๋กูโม่เป่าชำเลืองสายตาขึ้นเล็กน้อย รูม่านตาสีม่วงส่องประกายแสงจางๆ
“หรือว่าจะให้ข้าลงมือ?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“ไม่ต้อง ข้ามีวิธีจัดการเขา”
ตู๋กูโม่เป่ารู้สึกกังวลเล็กน้อย เรื่องนี้นางรู้ดี
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเพราะอันใด แต่ถ้าไม่ถึงจุดอันตรายจริงๆ นางจะไม่มีทางรบกวนเขา
“วิธีอันใด?”
ตู๋กูโม่เป่าขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อาศัยเพียงแค่พลังของเจ้า เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
ฉู่หลิวเยว่ขยับริมฝีปากเล็กน้อย
“เขามีคนให้การสนับสนุน พวกเราก็หาคนสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่กว่าเขาสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...