ทันทีที่สิ้นเสียง ภายในห้องโถงก็เงียบกริบ
สีหน้าของหลินเทียนเฟิงเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง
“ระดับเจ็ด?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
ตอนนี้นางสามารถหลอมโอสถอายุวัฒนะได้ในระดับเจ็ดได้โดยไม่มีปัญหา
แต่ในระดับที่สูงกว่านี้…นางยังไม่เคยลองมาก่อน ดังนั้นถ้าให้พูดไปตอนนี้คงจะไม่ดีเท่าไร
“อยู่เพียงแค่ระดับเจ็ด แต่เจ้ากลับอวดดีมาพูดว่าสามารถรักษาอาการป่วยของลูกชายข้าได้เนี่ยนะ!?”
หลินเทียนเฟิงโกรธจนหัวเราะ
ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง เพราะคิดว่าจะได้เจอกับยอดฝีมือแล้ว ใครจะรู้เล่าว่า…คนผู้นั้นจะเป็นแค่หมอเทวดาระดับเจ็ดคนหนึ่งเท่านั้น!?
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เมื่ออยู่ในราชวงศ์เทียนลิ่ง หมอเทวดาระดับเจ็ดจะได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นอย่างมากแล้ว
แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย
“ใครก็ได้! รีบโยนนางออกไป!”
หลินเทียนเฟิงเต็มไปด้วยความโมโห เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วสั่งคนให้โยนนางออกไป
“ช้าก่อน”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นเสียงเรียบ
น้ำเสียงของนางเบามาก แต่แฝงไปด้วยแรงกดดันและพลังที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ทำให้นายทหารรอบข้างที่เตรียมตัวจะมาจับตัวนางต้องชะงักไป
“ประมุขหลิน เพียงเพราะแค่ข้าเป็นหมอเทวดาระดับเจ็ด แม้แต่โอกาสท่านยังไม่ให้ข้าเลยหรือ แล้วยังจะรีบไล่ข้าออกไปเช่นนี้”
“หมอเทวดาระดับเจ็ด! แม้กระทั่งคุณสมบัติของการเป็นหมอเทวดาประจำตระกูลหลินเจ้ายังไม่มีเลย! แล้วเจ้ายังจะลองอีกหรือ?”
ใบหน้าของหลินเทียนเฟิงเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างอดไม่ได้
“ฝันกลางวันไปเถอะ!”
ระดับต่ำที่สุดของหมอเทวดาประจำตระกูลหลินคือหมอเทวดาระดับแปดขั้นกลาง!
ระดับที่แข็งแกร่งที่สุด คือผู้ที่สามารถหลอมยาอายุวัฒนะระดับเก้าขั้นสูงสุดได้!
อีกทั้งโรคของจือเฟย พวกเขายังไม่มีหนทางรักษา
แค่หมอเทวดาระดับเจ็ดคนหนึ่ง จะมาอยู่ในสายตาของพวกเขาได้อย่างใด!
หลินเทียนเฟิงรู้สึกว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ต้องการจะมาหลอกลวงเขา
เขาชำเลืองสายตาไปมองตู๋กูโม่เป่าที่นั่งอยู่ด้านข้าง
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่านางพาเด็กมาด้วย เขาอาจจะลงมือไปนานแล้ว!
“เร็วเข้า! หากยังวุ่นวายอยู่ละก็ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
“ประมุขหลิน คุณชายสี่อ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิด เกิดมาก็มีโรคนี้แล้ว แต่ช่วงหลายปีมานี้ อาการ
ค่อยๆ รุนแรงขึ้นใช่หรือไม่?”
เดิมทีหลินเทียนเฟิงจะหมุนกายเดินกลับไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ชะงักฝีเท้า
เขาหันหน้ากลับมามองฉู่หลิวเยว่ด้วยความประหลาดใจ
ฉู่หลิวเยว่พูดต่อว่า
“หากข้าเดาไม่ผิด ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้คุณชายสี่เริ่มไอเป็นเลือด”
หลินเทียนเฟิงหน้าเปลี่ยนสีไปทันที
เขาจ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง และออกคำสั่งกับทหารโดยรอบ
“พวกเจ้าถอยลงไปก่อน หากข้าไม่อนุญาต ก็ห้ามใครเข้ามา!”
เหล่าทหารยามล้วนมองหน้ากัน แต่ก็รีบตอบสนองด้วยความรวดเร็ว
“ขอรับ!”
เมื่อพวกเขาพูดจบ ทุกคนก็ออกไปอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องโถง จึงเหลือเพียงฉู่หลิวเยว่ ตู๋กูโม่เป่า และหลินเทียนเฟิงสามคนเท่านั้น
“เจ้า…เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างใด?”
หลินเทียนเฟิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ก่อนหน้านี้หลินจือเฟยปิดบังเขาเรื่องกระอักเลือดมาโดยตลอด ทั้งคนในจวน และนอกจวนแทบจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย
แม้กระทั่งเขา เขาพบเรื่องนี้โดยบังเอิญเมื่อครึ่งปีที่แล้ว
เขาไม่คุ้นหน้าของตู๋กูเยว่มาก่อน อีกทั้งหน้าตายังดูธรรมดา พูดตามหลักแล้ว นางไม่น่าจะรู้เรื่องนี้
“แน่นอนว่าข้าฟังออก”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ
“มีเรื่องหนึ่ง ข้าลืมบอกประมุขหลินไป ตัวข้านั้นมาจากด้านนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ข้าได้บังเอิญพบกับคุณชายสี่ที่หน้าประตูเมือง และได้พูดคุยกับเขาสองสามประโยค ในตอนนั้นเขาไอไม่หยุด ข้าจึงสามารถฟังออก”
หลินเทียนเฟิงตกตะลึงไป หลังจากผ่านไปสักพักเขาถึงค่อยได้สติกลับมา
“เจ้าเป็นคนนอกอาณาจักร?”
“เจ้าค่ะ”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง
เป็นแม่นางคนหนึ่งแต่งเนื้อแต่งตัวหรูหรา สง่างาม
นางยังดูสาวมาก และก็งดงามมาก
“อวี้เออร์ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างใด?”
หลินเทียนเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่หลุบสายตาลงต่ำ
ที่แท้นางก็คือหลู่อวี้เออร์
นางน่าจะอายุสามสิบกว่าแล้ว แต่ว่าดูไม่ออกเลยสักนิด มิน่าล่ะด้วยฐานะธรรมดาแต่สามารถปีนขึ้นเตียงของหลินเทียนเฟิงได้
หลู่อวี้เออร์เดินมาหยุดอยู่ด้านข้างของหลินเทียนเฟิง คิ้วขมวดมุ่น จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงเบาบางว่า
“นายท่าน เมื่อครู่ข้าเห็นว่าเหล่าทหารยามต่างรีบออกมา จึงเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น ถึงได้บุกเข้ามาที่นี่…ท่านคงไม่โทษข้าหรอกใช่หรือไม่?”
หลินเทียนเฟิงลูบมือของนาง
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ข้าจะโทษเจ้าได้อย่างใด อย่าคิดมากไปเลย แต่เพียงเพราะข้ากับ…คุณหนูตู๋กูเยว่กำลังปรึกษากันอยู่เล็กน้อย”
หลู่อวี้เออร์กวาดสายตามามอง ราวกับว่าเพิ่งเห็นว่ามีตู๋กูเยว่นั่งอยู่
เมื่อเห็นใบหน้าธรรมดาของนาง และเด็กน้อยที่หน้าเหมือนตุ๊กตานั่งอยู่ด้านข้าง นางจึงลอบถอนหายใจออกมา
ในช่วงหลายปีมานี้ นางได้เจอกับคลื่นเล็ก คลื่นน้อย ที่ต้องการจะคว้าตำแหน่งเฉกเช่นนาง
หากไม่ใช่เพราะว่านางป้องกันอย่างเข้มงวด…ตำแหน่งนายหญิงนี้ จะมาตกอยู่ที่นางได้หรือ?!
“คนผู้นี้ก็คือคุณหนูตู๋กูเยว่สินะ”
นางค่อยๆ ยิ้มออกมา ความสงสัยปรากฏขึ้นในใจของนาง
เหมือนว่าแม่นางคนนี้จะเป็นคนที่มารักษาหลินจือเฟยสินะ?
เมื่อดูท่าทางเช่นนี้ ก็เหมือนว่าจะไม่ใช่คนเก่งกาจอันใด
“นายท่าน คุณหนูตู๋กูเยว่ยังสาวเช่นนี้ และยังพาเด็กมาด้วย ท่านก็อย่าทำให้นางตกใจล่ะ”
นางพูดหยอกล้อ
หลินเทียนเฟิงส่ายหน้า
“ไม่หรอก ข้ากำลังจะพานางไปลองจับชีพจรจือเฟยก่อน เพื่อดูสถานการณ์”
“อันใดนะ?”
หลู่อวี้เออร์ตกใจอย่างมาก แล้วพูดโพล่งออกมา
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างใด?!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...