“ลายสลัก?”
หลินจือเฟยเผยสีหน้าสงสัย
ฉู่หลิวเยว่ยื่นไข่มุกให้เขาดู
ทันทีที่ไข่มุกสีดำสนิทปรากฏในครรลองสายตา ลวดลายขนาดเล็กที่สลักอยู่บนไข่มุกก็สะท้อนแสงวับวาวเลือนราง
เพียงแต่ลวดลายนี้มีขนาดเล็กนัก หากมิตั้งใจดูอย่างละเอียดก็ยากที่จะสังเกตเห็น
“สิ่งนี้คือลายสลัก ถูกต้องหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถามลองเชิงออกไป
ก่อนนี้นางมิได้มีประสาทความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ทว่าหลังจากมาถึงพรมแดนเสิ่นซวี่ ตู๋กูโม่เป่าเคยเอ่ยกับนางไว้ว่าในบรรดาตระกูลทั้งหลายที่อยู่รวมกันมากมายดั่งต้นไม้ในป่าเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีลายสลักของตนด้วยกันทั้งสิ้น
อีกทั้งก่อนหน้านี้ นางยังเคยเห็นลายสลักของตระกูลหลินบนม่านแสงที่เส้นแบ่งเขตพรมแดนเสิ่นซวี่มาแล้ว
ดังนั้นชั่วพริบตาที่เห็นลวดลายนี้ นางก็เกิดข้อสันนิษฐานนี้ออกมา
มันเป็นสัญชาตญาณที่ไร้หนทางจะอธิบายออกมาได้
“มิผิด นี่เป็นลายสลักของสักตระกูลหนึ่งจริงๆ”
หลินจือเฟยผงกศีรษะยืนยัน
“เพียงแต่ว่า…จะให้ระบุว่าเป็นของตระกูลไหนแน่นั้น ข้าดูไปได้สักพักก็ยังดูไม่ออก”
อาณาเขตของเสิ่นซวี่นั้นกว้างใหญ่ มีทั้งตระกูลและสำนักวิชามากมายก่ายกอง การจะทราบถึงลายสลักของทุกตระกูลย่อมเป็นไปได้ยาก
แม้ตัวเขาจะเป็นคุณชายสี่แห่งตระกูลหลิน อยู่หน้าผาแดนสวรรค์มีฐานะสูงส่ง ทว่าขอบเขตก็จำกัดอยู่แค่หน้าผาแดนสวรรค์เช่นกัน
หลังจากที่จากมา ผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับหน้าผาแดนสวรรค์มีอยู่ถมเถทั่วไป กระทั่งผู้ฝึกตนที่ใจกล้าและทะเยอทะยานจนน่าสะพรึงกว่าพวกเขาก็มีเหลือให้ควั่ก!
การจะสืบเสาะหาเรื่องราวที่มาของลายสลักอันนี้ในระยะเวลาอันสั้น ย่อมลำบากอยู่ทีเดียว
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“มิรู้ว่าถ้าประมุขหลินดูแล้วจะจำได้หรือไม่…”
เขาเปี่ยมประสบการณ์และมากด้วยความรู้ บางทีอาจจะพอรู้อันใดบ้าง
หลินจือเฟยกลับเอ่ยตอบโดยพลัน
“เรื่องของไข่มุกเม็ดนี้ คงต้องขอให้คุณหนูตู๋กูเก็บเป็นความลับแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ปรายตามองเขาแวบหนึ่งอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง
ยามพินิจมองสีหน้าเว้าวอนอย่างบริสุทธิ์ใจของเขา ในใจนางพลันกระตุก ก่อนจะผงกศีรษะรับโดยมิตั้งคำถามใดอีก
“ดียิ่ง”
ดูเหมือนว่า…กระทั่งตัวหลินจือเฟยเองก็ไม่เชื่อใจหลินเทียนเฟิงเลยแม้แต่น้อย…
หรืออาจพูดได้ว่า เขาย่อมต้องมีปัญหากับคนข้างกายของหลินเทียนเฟิงเป็นแน่
อีกอย่าง ไข่มุกเม็ดนี้แม้จะเล็กนัก ทว่าเมื่อเริ่มการตรวจสอบแล้ว ก็มิรู้ว่าบัญชีหนี้เก่าที่ยังไม่ได้รับการสะสางนั้น มีคนของตระกูลหลินเข้าไปข้องเกี่ยวติดพันด้วยสักกี่คน
หลินจือเฟยจะระมัดระวังตัวเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติ
“เช่นนั้นของสิ่งนี้…จะให้ข้าเก็บไว้ที่นี่ก่อนหรือ?” ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถาม
หลินจือเฟยผงกศีรษะเป็นเชิงเห็นด้วย
“ลำบากคุณหนูตู๋กูแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะ
“เรื่องเล็กน้อย”
หลังจากประสบทุกความวุ่นวายที่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ก่อเอาไว้ จะรับมือกับของชิ้นจิ๋วพวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายโดยแท้
หลินจือเฟยทำฝีปากขมุบขมิบราวกับต้องการจะพูดอันใดบางอย่าง ทว่าก็มิพูดออกมา
ไข่มุกเม็ดนี้มีลายสลักอยู่ นั่นหมายถึงว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากว่ามันจะนำพาซึ่งปัญหาใหม่มาให้
ปกติแล้วคนทั่วไปย่อมพากันหลีกเลี่ยงที่จะข้องเกี่ยวเรื่องเหล่านี้ คิดมิถึงเลยว่านางจะยอมตกปากรับคำช่วยจริงๆ…
“เช่นนั้นวันนี้ก็พอเท่านี้ก่อน คุณชายสี่พักผ่อนเถิด ข้ากับพี่เป่าขอตัวลาไปก่อน”
พูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็คำนับเขารอบหนึ่ง แล้วพาพี่เป่าหมุนกายจากไป
“รอเดี๋ยว”
ทันทีที่เห็นพวกนางสองคนกำลังจะจากไป หลินจือเฟยพลันส่งเสียงเรียกคำรบหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่หันกลับมามองอย่างสงสัย
“คุณชายสี่ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือ?”
เด็กรับใช้เห็นเขาแม้จะอยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก ทว่าสภาพจิตใจกลับดูจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ไร้ซึ่งความหดหู่ดั่งเช่นก่อนหน้า ในใจบังเกิดความยินดีเช่นกัน จึงรีบตอบรับโดยพลัน
“ขอรับ!”
เด็กรับใช้เคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไว รอไม่นานทุกอย่างก็ถูกตระเตรียมไว้เรียบร้อย
“คุณชาย เชิญท่านขอรับ!”
หลินจือเฟยมุ่งหน้าเข้าไปข้างในห้อง
เด็กรับใช้นั้นยืนอยู่ข้างกายของเขา อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป
“คุณชาย ร่างกายของท่าน…ดีขึ้นมากแล้วหรือขอรับ?”
หลินจือเฟยชะงักไปครู่หนึ่ง
“ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้บ้างแล้ว”
เด็กรับใช้ร้องอุทานครั้งแล้วครั้งเล่า
“นั่นถือเป็นเรื่องดียิ่งขอรับ! คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูตู๋กูผู้นั้นจะเก่งกาจถึงเพียงนี้จริงๆ!”
ถึงแม้ว่าระดับชั้นของนางในตอนนี้จะยังไม่สามารถเทียบชั้นได้กับเซียนหมอระดับเก้าเหล่านั้นของตระกูลหลิน ทว่าสามารถรักษาอาการเจ็บของคุณชายจนหายดีได้ ย่อมเป็นผู้ที่มีความสามารถที่สุด!
“คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอกพรมแดนจะเยี่ยมยอดกันถึงเพียงนี้!”
หลินจือเฟยได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาแผ่วเบา
“จะในหรือนอกพรมแดน แท้จริงแล้วมิมีอันใดต่างกัน ท้ายที่สุดก็สุดแล้วแต่คน”
แม้ว่านางในตอนนี้จะไร้ชื่อเสียงเรียงนามใดๆ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป นางจะต้องมีชื่อเลื่องลือดังกระฉ่อนไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่เป็นแน่!
“คุณชายพูดได้ถูกต้องยิ่งนัก!”
เด็กรับใช้คอยปรนนิบัติไปพลาง ปากก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ความจริงแล้ว ข้าน้อยมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง คุณชายขอรับ ท่านบอกว่าคุณหนูตู๋กูผู้นี้ยอดเยี่ยมถึงปานนั้น แล้วยังจะไปหาบุรุษผู้ไร้ใจที่ซื่อสัตย์ผู้นั้นอีกเหตุใดกัน? มิใช่ว่าเป็นการทำให้ตัวเองเจ็บปวดใจเสียเปล่าๆ หรอกหรือ?”
หลินจือเฟยพลันหวนนึกถึงรอยยิ้มอันสว่างไสวของนางก่อนหน้านี้ ราวกับว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์
“เห็นที…คงจะเป็นดั่งร่วมหอกันหนึ่งราตรี รักสุขีร้อยทิวากระมัง”
—————————-
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...