เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1136

“ได้สิ”

ฉู่หลิวเยว่เอ่ยแกมหัวเราะ

เพิ่งเข้าสำนักมาหมาดๆ คนในสำนักที่นางพอจะคุ้นเคยก็มีไม่มาก

นั่นคงเป็นเพราะคนที่เข้าสำนักมาพร้อมกันเองก็ล้วนผ่านการทดสอบกราบอาจารย์เข้าสำนักช่วงต้นเดือน กลายเป็นศิษย์ของสำนักหลิงเซียวอย่างเป็นทางการไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการยากอยู่บ้างที่จะสร้างไมตรีสนิทสนมระหว่างแต่ละคน

แม้ว่าคราแรกสุดจัวเซิงจะทำกิริยาหยาบคายกับนางไปบ้าง ทว่าหลังจากที่เริ่มบังเกิดความคุ้นเคยต่อกัน ฉู่หลิวเยว่ก็ค้นพบว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใด เพียงแค่นิสัยใจร้อนชอบผลีผลาม แล้วก็ไม่ค่อยใส่ใจผู้อื่นไปบ้างก็เท่านั้น

ความจริงแล้ว นิสัยใจคอของคนเหล่านี้ล้วนไม่เลวเลยทีเดียว

อีกอย่าง ฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ก็ได้รู้จักคนจากตระกูลหลัวแห่งทะเลทรายพิลาปมาบ้างแล้ว…ช่างเป็นตระกูลชนชั้นสูงเก่าแก่โดยแท้

ต่อให้เอามาเทียบกับพระราชวังเมฆาสวรรค์ก็ไม่ได้ถือว่าอ่อนด้อยกว่ากันมาก

มีภูมิหลังมาจากตระกูลใหญ่เก่าแก่เช่นนี้ ทว่ากลับไม่มีบุคลิกเย่อหยิ่งจองหอง ก็ถือว่าค่อนข้างหายากใช้ได้

ฉู่หลิวเยว่ใคร่อยากจะสานสัมพันธ์ด้วย นางจึงตอบตกลงคำเชิญของหลัวซือซือไป

เมื่อได้ยินคำตอบรับหนักแน่นของฉู่หลิวเยว่ หลัวซือซือเองก็ดีใจมากเช่นเดียวกัน

“เช่นนั้นตอนเย็นพวกเราไปเจอกันที่ ‘เขาหมื่นเมรัย’ นะ!”

เขาหมื่นเมรัยเป็นยอดเขาลูกหนึ่งภายในสำนักหลิงเซียว ที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่บริเวณเส้นเขตแดนของเซียนหมอและช่างหลอมอาวุธอย่างพอดิบพอดี

เหตุผลที่ได้รับการเรียกขานเช่นนี้ เป็นเพราะว่าบนเขาเมรัยนั้น มีตาน้ำพุที่น่าอัศจรรย์ชวนพิศวงสายหนึ่งตั้งอยู่

ลำน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากภายในของตาน้ำพุนั้นพกพามาซึ่งกลิ่นหอมรัญจวนโดยธรรมชาติของสุรา อีกทั้งเมื่อดื่มมันลงไปก็มีรสชาติคล้ายคลึงกับสุรามากนัก ทว่ามันกลับไม่มีฤทธิ์มอมเมาผู้คน

ดังนั้นศิษย์ในสำนักจึงชื่นชอบไปเยือนที่แห่งนั้นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในสำนักที่ได้รับความนิยมจากบรรดาลูกศิษย์เลยก็ว่าได้

ฉู่หลิวเยว่จึงพยักหน้าตอบตกลงไปอย่างง่ายดาย

“เอาสิ”

เมื่อได้รับคำตอบยืนยันจากฉู่หลิวเยว่ ในใจของหลัวซือซือเองก็ลอบถอนใจออกมา ขณะเดียวกันก็บังเกิดความปิติขึ้นมาอยู่หลายส่วน

ไม่รู้ว่าเหตุใด ทั้งที่ฉู่เยว่อ่อนกว่านางสามปี ทว่าเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเขาทีไร นางก็มักจะรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างหาสาเหตุมิได้

บนร่างของเขาราวกับว่ามีรัศมีสูงส่งติดตัวมาแต่กำเนิด ซึ่งทำให้มิมีผู้ใดกล้าล่วงเกินหรือหยามเหยียด

เมื่อรับรู้ได้ถึงครรลองสายตาที่คล้ายว่าจะจับจ้องลงมาจากบนผืนฟ้า ฉู่หลิวเยว่ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วเหลือบตาขึ้นมอง

ด้วยรู้สึกได้ถึงครรลองสายตาของนาง หลัวซือซือเองก็มองตามไปเช่นกัน

“ศิษย์พี่หรงซิวช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”

นางเอ่ยชื่นชมออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ

“ถ้าหากว่ามีโอกาสได้ประมือกับเขาสักครั้งก็คงดี”

ฉู่หลิวเยว่เบนสายตากลับมามองนางแวบหนึ่ง หัวคิ้วแฝงด้วยแววอมยิ้มอยู่หลายส่วน

“เหตุใดล่ะ เจ้าก็ชอบหรงซิวหรือ?”

คำว่า ‘ก็’ ย่อมนำมาเทียบกับบรรดาแม่นางผู้มีแววคลั่งไคล้ เปี่ยมนัยน์ตาเหล่านั้นที่ยืนอยู่โดยรอบ

หลัวซือซือรีบส่ายศีรษะปฏิเสธ

“จะเป็นไปได้อย่างใด?! ข้าแค่รู้สึกว่าเขาเก่งกาจยิ่งนัก แล้วก็ยังสามารถคงอยู่บนรายชื่อของพวกระดับต้นๆ มาได้หลายปีอย่างต่อเนื่อง ศิษย์ทุกคนในสำนักย่อมคิดอยากพิชิตระดับที่สูงเช่นเดียวกับเขาบ้างใช่หรือไม่ล่ะ?”

ด้วยมีสภาพที่น่าอนาถของยินชูหลี่เป็นตัวอย่างมาก่อนแล้ว หลัวซือซือจึงมิกล้าเอ่ยกระทั่งคำว่า ‘ก้าวข้ามผ่าน’ หรงซิวอีก

ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าต่อให้พวกเขาในตอนนี้รีบเร่งไล่ตามเขาไปก็ยากที่จะทำได้สำเร็จ

“แล้วก็ แล้วก็…ศิษย์พี่หรงซิวมีชายาแล้วด้วย!”

บางทีอาจเป็นเพราะในใจบังเกิดความประหม่าที่ไร้สาเหตุ หลัวซือซือจึงมิได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยว่ายามเด็กหนุ่มตรงหน้าพูดถึงหรงซิวขึ้นมา กลับไม่ได้เอ่ยคำว่า ‘ศิษย์พี่’ สองคำนี้ขึ้นมาด้วย ทั้งน้ำเสียงและท่าทีต่างก็อ่อนโยนและสบายอารมณ์มากเป็นพิเศษ

ซึ่งแตกต่างกับท่าทีของศิษย์คนอื่นในสำนักที่ปฏิบัติต่อหรงซิวอย่างไม่ว่าจะเคารพนับถือ ชื่นชมยกยอ หรือแม้กระทั่งอิจฉาริษยาก็ตามทีโดยสิ้นเชิง

“ที่พูดมาก็จริง”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าหงึกหงักพลางรำพึง

อย่างน้อยตอนนี้ นางเองก็อยากจะต่อสู้กับเขาสักครั้งมากทีเดียว

ฉู่หลิวเยว่กับหลัวซือซือที่ยืนพูดคุยกันอยู่ตรงนั้น มองจากด้านบนแล้ว เหมือนกับว่าคนทั้งสองได้ใกล้ชิดกัน พูดคุยด้วยกันอย่างออกรสออกชาติยิ่ง

“หรงซิว หรงซิว?”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนตะโกนเรียกอยู่สองครั้ง หรงซิวจึงได้สติกลับคืนมา

“เจ้ามองดูอันใดอยู่หรือ?”

หรงซิวเลื่อนสายตากลับมาอย่างราบเรียบ พลางคลี่ยิ้มบางเบา

“ไม่มีอันใดขอรับ”

เอ่ยจบ เงาร่างของเขาก็วาบหายไป และทะยานกลับไปสู่หอระฆังบูรพกษัตริย์

ยินชูหลี่ทิ้งท้ายประโยค ‘คราหน้ามาสู้ใหม่’ เอาไว้ประโยคหนึ่ง ก่อนจะหมุนกายจากไปอย่างรวดเร็ว

ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้

ภาพฉากเหล่านั้นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วคราหนึ่ง ย่อมไม่มีโอกาสวาสนาใดได้มองดูอีก

“เป็นอย่างใด มีศิษย์น้องชายศิษย์น้องหญิงที่เข้าตาบ้างหรือไม่?”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเอ่ยถามเป็นเชิงหยอกล้อ

หรงซิวครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะรับอย่างจริงจัง

“มีอยู่คนหนึ่งขอรับ ท่าทีไม่เลวเลยจริงๆ”

“โอ้?”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเดิมทีเพียงแค่เอ่ยเย้าแหย่เท่านั้น เมื่อได้ยินหรงซิวพูดเช่นนี้จึงอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

เขามองลงไปยังด้านล่าง

“คนไหนกันละ?”

หรงซิวพลันหัวเราะออกมา

“ท่านเองก็รู้อยู่แก่ใจ เหตุใดจึงต้องถามด้วยเล่า”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย

“…หมายถึงฉู่เยว่…จริงๆ หรือ?”

หางคิ้วของหรงซิวเลิกขึ้นเล็กน้อย เขาผงกศีรษะรับ

“เขา…ค่อนข้างมีจิตวิญญาณของเซียนหมอเลยทีเดียว”

“แบบนี้นี่เอง”

หลังจากผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนตกตะลึงไปพักหนึ่ง เขาก็รีบตอบรับคำพูดของหรงซิวอย่างรวดเร็ว

“เด็กคนนั้นใช้ได้เลยจริงๆ”

มิเช่นนั้นแล้ว คงไม่มีทางเข้าตาผู้อาวุโสวั่นเจิงได้หรอก

แม้ว่าจะเทียบกับคนผู้นั้นในช่วงขึ้นจุดสูงสุดของชีวิต แต่ว่ากลับยังมีความคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วนทีเดียว

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนสังเกตเด็กหนุ่มที่กำลังยืนอยู่ข้างล่างอย่างละเอียดอีกครา เขาสางเคราของตนแล้วกล่าวว่า

“ภายหลังหากว่าตั้งใจบำเพ็ญตนอย่างดีแล้วล่ะก็ ย่อมต้องมีอนาคตไกลไร้ที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน!”

——————————————-

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์