เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1138

ผู้อาวุโสเริ่นหรานพูดและกำลังจะหลับตาลงอีกครั้ง

“ท่านผู้อาวุโส ศิษย์มีเรื่องที่ต้องการคำชี้แนะจากท่านขอรับ”

ฉู่หลิวเยว่ตกใจกับคำพูดของเขาเล็กน้อย แต่นางยังไม่ยอมแพ้ในทันที หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยอมพูดออกมา

นางมิใช่พวกระดับครึ่งเทพ

แต่นางมีพลังปราณศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในกายนี้

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ก่อนหน้านี้นางเคยหลอมกระบี่เทพเมฆาสำริดมาแล้ว

แม้ว่าในตอนนั้นทัณฑ์สวรรค์จะถูกชักนำโดยองค์ไท่จู่ แต่ทว่า…

ต่อมาทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้น ก็ถูกอันเชิญออกมาโดยฝีมือของนางเองล้วนๆ…

ผู้อาวุโสเริ่นหรานค่อยๆ ลืมตาขึ้นและมองไปที่นางอย่างช้าๆ

“ว่า”

“หากศักยภาพของบุคคลหนึ่งไม่ถึงระดับกึ่งเทพ เช่นนั้นก็ไม่มีทางวัดได้แล้วหรือ ว่าเขามีพรสวรรค์ในด้านการหลอมอาวุธหรือไม่?”

“เจ้าหนู…เจ้าจักยึดติดอยู่กับเรื่องเช่นนี้ไปไย?”

ผู้อาวุโสเริ่นหรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา และจ้องมองเข้าไปในแววตาของนาง เหมือนกับว่าเขากำลังเฝ้ามองเด็กน้อยไร้เดียงสาที่กำลังงอแงอยู่

เขาชี้ไปด้านข้าง

“ถ้าหากเจ้าต้องการเข้าร่วมงานประลองชิงอวิ๋นจริงๆ ล่ะก็ กลับไปศึกษาวิธีการการปรุงยาให้ชำนาญดีกว่า บางทีเจ้าอาจจะทะลวงขั้นได้เร็วกว่านี้ก็ได้! ส่วนช่างหลอมอาวุธนั้น…เจ้าถอดใจเสียเถอะ!”

ผู้อาวุโสเริ่นหรานไม่คิดว่าการเจรจากับหนุ่มน้อยที่เป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับเจ็ดนั้นจะมีประโยชน์อันใด

จากมุมมองของเขา การที่ฉู่หลิวเยว่ทำเช่นนี้ อาจเป็นเพราะอยากลองอันใดแปลกใหม่ก็เท่านั้นเอง

แต่ความเป็นจริง การจะเป็นช่างหลอมอาวุธนั้นง่ายเสียที่ไหนกันล่ะ?

มีผู้ฝึกตนมากมายที่สามารถบรรลุถึงระดับกึ่งเทพ แต่อย่างใดก็มิอาจเป็นช่างหลอมอาวุธ แล้วนับประสาอันใดกับเจ้าหนูคนนี้?

ฉู่หลิวเยว่แน่นิ่งไปชั่วขณะ

“ศิษย์ได้ยินมาว่า ช่างหลอมอาวุธนั้นใช้พลังจากทัณฑ์สวรรค์เพื่อหล่อหลอมอาวุธโบราณ หากศิษย์สามารถทำได้ ท่านจะนับศิษย์เป็นช่างหลอมอาวุธได้หรือไม่?”

“แน่นอนว่า…อันใดนะ!?”

ผู้อาวุโสเริ่นหรานถึงกับสำลัก แล้วหันมองไปที่ฉู่หลิวเยว่อย่างฉับพลัน แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยระคนตกใจ

“เมื่อครู่เจ้าพูดกระไรนะ? เจ้าสามารถควบคุมทัณฑ์สวรรค์และยังหลอมอาวุธโบราณได้อีกงั้นหรือ!?”

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาแล้วพยักหน้าเบาๆ

“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางเป็นไปได้! เว้นแต่ว่า…”

แต่จู่ๆ ผู้อาวุโสเริ่นหรานก็หยุดชะงัก

“เจ้าทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้วงั้นหรือ?”

ในความเห็นของผู้อาวุโสเริ่นหรานนั้น การที่อีกฝ่ายยังไม่บรรลุถึงผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพ แต่กลับสามารถควบคุมทัณฑ์สวรรค์ได้นั้น มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นไปได้

นั่นก็คือ ผู้ฝึกตนได้ทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว!

เมื่อมนุษย์ทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ พลังปราณแห่งสวรรค์ของอสูรศักดิ์สิทธิ์จะถ่ายเทเข้าสู่ร่างของผู้ฝึกตน

เมื่ออาศัยสิ่งนี้แล้ว การควบคุมทัณฑ์สวรรค์จะมิใช่เรื่องยากอีกต่อไป…

ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เป็นประกาย นางรีบพยักหน้าตอบทันที

“ขอรับ”

เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของฉู่หลิวเยว่เช่นนี้ ผู้อาวุโสเริ่นหรานก็หมดหนทางหนี และได้แต่บ่นพึมพำออกมาว่า

“หากเจ้าต้องการเช่นนี้ ก็ลองดูได้…แต่ ถ้าหากเจ้าได้รับบาดเจ็บในภายหลัง ข้าจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น!”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะด้วยความพอใจ

“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสอย่างยิ่ง”

“ฉู่เยว่ นี่เจ้าคิดจะทำอันใด?”

หลัวซือซือเดินเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย

“เจ้าอยากประลองช่างหลอมอาวุธหรือ?”

งานปะลองเซียนหมอดีๆ มีไม่แข่ง มาแข่งช่างหลอมอาวุธพวกนี้เหตุใดกัน?

ฉู่หลิวเยว่ พยักหน้าเล็กน้อยด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว

เดิมทีหลัวซือซือต้องการเกลี้ยกล่อมเพียงไม่กี่ประโยค แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อเห็นท่าทีที่นิ่งสงบของชายหนุ่มผู้นั้น จู่ๆ คำพูดที่เตรียมเอ่ยออกมากลับจุกอยู่ในลำคอเสียอย่างนั้น

นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปยืนข้างๆ

ขณะนี้ ความสนใจของผู้คนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในการประลองอีกสามรายการที่เหลือ

แม้ว่าบางคนจะสังเกตเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก

ในการประลองช่างหลอมอาวุธ กี่ปีมาแล้วที่ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ แล้วน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักได้ไม่นาน จะสามารถพลิกปรากฎการณ์คลื่นลูกใหม่ที่เงียบสงบมาเป็นเวลานานได้จริงหรือ?

ผู้อาวุโสเริ่นหรานหยิบตราหยกสีเขียวขนาดเท่ากำปั้นออกมา

“นี่คือไข่มุกมนตราศักดิ์สิทธิ์ มันกักเก็บทัณฑ์สวรรค์จำนวนหนึ่งไว้ภายใน เพียงแค่เจ้าสามารถอัญเชิญมันออกมาได้ ก็จะถือว่าเจ้าทำสำเร็จ”

การประเมินผลช่างหลอมอาวุธนั้น เมื่อเปรียบเทียบดูแล้วค่อนข้างง่ายดายนัก

เมื่อมาถึงระดับนี้แล้ว มนุษย์ถึงจะมีโอกาสอยู่ในระดับเดียวกับอสูรศักดิ์สิทธิ์

เพราะเหตุนี้ อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจึงเย่อหยิ่งและถือตนยิ่งนัก

เมื่อเทียบกับสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกแล้ว อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นที่โปรดปรานของสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง

และในพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ที่ฉู่หลิวเยว่คว้ามาได้นั้น มีร่องรอยของพลังลมปราณแห่งสวรรค์ปะปนมาด้วย

ถึงแม้ว่ามันจะยังเบาบาง แต่บางทีอาจเป็นเพราะตอนที่องค์ไท่จู่เป่ยหมิงทิ้งพลังไว้ อีกฝ่ายได้ทะลวงขึ้นเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพแล้ว ดังนั้นเมื่อเทียบกับพลังแห่งสวรรค์ระดับครึ่งเทพที่องค์ไท่จู่ทิ้งไว้ให้แล้ว อันที่จริงก็มิได้ต่างกันมากนัก

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ฉู่หลิวเยว่มีพลังแห่งสวรรค์ทั้งสี่สายอยู่ในร่างกายของนาง

แค่ต้องการควบคุมทัณฑ์สวรรค์ เท่านี้ก็คงเพียงพอแล้ว

อีกอย่าง เพื่อความปลอดภัย ฉู่หลิวเยว่ยังคงเลือกระดมพลังแห่งสวรรค์ของพันธสัญญาจากถวนจื่อมาใช้ดีกว่า

ลมปราณอันทรงพลังแผ่ออกมาจากตำแหน่งตันเถียนของฉู่หลิวเยว่ จากนั้นก็พุ่งตรงไปที่มือของนาง!

หึ่ง!

ดูเหมือนไข่มุกมนตราศักดิ์สิทธิ์จะสัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่าง พลันส่งเสียงหึ่งออก!

ในขณะเดียวกันก็มีลวดลายอักขระปรากฏขึ้นบนพื้นของมัน!

ลายคลื่นนั้นค่อยๆ ซึมเข้าไปด้านใน

ราวกับมีบางสิ่งกำลังพลุ่งพล่านอยู่ข้างในหยกสีเขียวกึ่งโปร่งใสก็มิปาน!

“หืม?”

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวนี้ ผู้อาวุโสเริ่นหรานที่เดิมทีคอยคัดค้านฉู่หลิวเยว่มาโดยตลอด ก็พลันเปลี่ยนท่าที เขายืดหลังตรงโดยไม่รู้ตัว แววตาอันเฉื่อยชาค่อยๆ หายไปจากนัยน์ตาคู่นั้น

ในไม่ช้า ก็มีทัณฑ์สวรรค์สีฟ้าเปล่งประกายแลบออกมา!

โครม!

ถึงแม้ว่านี่จะสายฟ้าขนาดเล็ก แต่เพราะมันเป็นทัณฑ์สวรรค์จริงๆ ดังนั้นการสะกดไว้นั้นจึงมิใช่สิ่งที่คนเราจะประมาทได้!

ใบหน้าของผู้อาวุโสเริ่นหรานแสดงออกถึงความความยินดี

“เจ้านี่ช่าง…”

อย่างใดก็ตาม ก่อนที่เขาจะพูดจบ ทัณฑ์สวรรค์ที่เพิ่งถูกอัญเชิญออกมาก็วิ่งกลับมาพร้อมกับเสียง “ฟิ้ว” ราวกับว่ามันได้พบกับอันใดบางอย่างที่น่ากลัว และหายวับจากไปอย่างรวดเร็ว!

ฉู่หลิวเยว่ “???”

——————————————-

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์