เสวียเสวี่ยมองฉู่หลิวเยว่ตาละห้อย ดูเหมือนมันจะทำอะไรไม่ถูก หัวโตๆ ของมันติดคาอยู่ที่หน้าต่าง ดูแล้วช่างน่าสงสารยิ่งนัก
“ถึงอย่างไรมันก็พังแล้ว เจ้าเข้ามาเลยเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่กุมขมับ นางกวักมือเรียกมันทั้งโกรธทั้งขำ
ด้วยขนาดของเสวียเสวี่ยค่อนข้างยากที่จะเข้าทางหน้าต่าง บวกกับความแข็งแกร่งเรื่องพละกำลังนั้น จึงทำให้ไม้ตรงขอบหน้าต่างปริแตกได้
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้โกรธ เจ้าเสวียเสว่ยก็โล่งใจ จากนั้นก็กระโดดพุ่งเข้าใส่อ้อมแขนของฉู่หลิวเยว่ทันที
ฉู่หลิวเยว่รับมันไว้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมายืนได้อย่างมั่นคง
เจ้าก้อนนุ่มตัวโตที่อยู่ในอ้อมกอดทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของฉู่หลิวเยว่ในตอนแรกผ่อนคลายลงไปมาก
นางกอดเสวียเสวี่ยแล้วชั่งน้ำหนักก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“เอ๋ เสวียเสวี่ย ดูเหมือนเจ้าจะผอมลงนะ”
ดูเหมือนว่าจะผอมลงกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกไปเยอะเลย
เสวียเสวี่ยถูไถใบหน้าของนางอย่างออดอ้อน ฉู่หลิวเยว่รู้สึกจั๊กจี้จนต้องถอยหลังหนี
“พอแล้วๆ เสวียเสวี่ยอย่าซน ข้าจั๊กจี้…”
แต่เสวียเสวี่ยก็คลอเคลียนางอยู่นานถึงจะหยุดแล้วนอนอยู่ข้างเท้านางอย่างเชื่อฟัง แถมยังแกว่งหางไปมาไม่หยุด ดูท่าทางเชื่องมาก
ฉู่หลิวเยว่อดยิ้มไม่ได้ หากใครมาเห็นภาพนี้เข้าก็คงเข้าใจผิดคิดว่าเสวียเสวี่ยเป็นสัตว์อสูรของนาง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อารมณ์ของฉู่หลิวเยว่ก็อ่อนไหวขึ้นมา
จะว่าไปก็แปลก หรงซิวถึงจะเป็นเจ้าของของเสวียเสวี่ย แต่มันกลับดูสนิทกับนางมากกว่าเขาเสียอีก
ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนถึงตอนนี้ นางก็สนิทใกล้ชิดกับเสวียเสวี่ยอย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับสัมผัสได้ว่าเสวียเสวี่ยจะไม่มีทางทำร้ายนาง
สัตว์อสูรนั้นดุร้ายโดยเฉพาะสัตว์อสูรระดับสูงเช่นนี้ยิ่งเย่อหยิ่งทระนง ตามเหตุผลแล้วมันจะไม่ศิโรราบให้ใครนอกจากผู้เป็นเจ้าของ
“แต่เสวียเสวี่ย…”
“ช่วงนี้ข้าไม่เห็นหน้าเจ้าเลย ไปไหนมา หืม”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถามพลางเอามือลูบขนมัน
เสวียเสวี่ยหลับตาลงด้วยความสบาย
ตอนอยู่กับเจ้านาย มันเคยได้นอนสบายๆ แบบนี้หรือ
แต่อย่างว่าหลายวันมานี้มันออกไปทำภารกิจอยู่ข้างนอก
เมื่อเห็นสีหน้าเพลิดเพลินสบายอุราของเสวียเสวี่ย ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ยินคำถามของนาง นางก็เลยไม่เก็บมาใส่ใจ
ช่วงเวลานี้มีเสวียเสวี่ยอยู่เป็นเพื่อน นางก็คลายความเหงาลงมาได้บ้าง
“แต่จะว่าไป เจ้ากับเจ้านายเจ้ามีส่วนคล้ายกันมาก”
เสวียเสวี่ยขยับลืมตามองนาง
ฉู่หลิวเยว่ใช้นิ้วเรียวขาวจิ้มไปที่จมูกสากๆ ที่เปียกชื้นของมัน
“ชอบบุกเข้าห้องคนอื่นกลางดึกเหมือนกัน!”
เสวียเสวี่ยหลับตาลงอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิด มันดันมือของฉู่หลิวเยว่แล้วทำจมูกฟึดฟัดสองที
ฉู่หลิวเยว่ลอบถอนหายใจ
ยิ่งท่าทางแบบนี้ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่…
“เยว่เอ๋อร์ ลูกกลับมาแล้วหรือ”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของฉู่หนิงดังมาจากด้านนอกประตู
ฉู่หลิวเยว่ลุกไปเปิดประตูด้วยความดีใจ ทว่าเสวียเสวี่ยยังเร็วกว่านางมาก มันลุกขึ้นแล้วกระโดดออกจากทางหน้าต่างไปแล้ว
จึงทำให้รอยแตกของหน้าต่างบานนั้นใหญ่กว่าเดิม…
ฉู่หลิวเยว่ได้แต่มองตาปริบๆ และพูดอะไรไม่ออก
นางยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมเสวียเสวี่ยถึงได้รู้สึกผิดขนาดนี้…
นางเปิดประตูออกไป และคนที่อยู่ด้านนอกประตูคือฉู่หนิง ซึ่งไม่ได้พบเห็นมาหลายวันแล้ว
ตอนนี้เขาสวมชุดเกราะสีดำของราชองครักษ์ที่ตามเนื้อตัวเปื้อนไปด้วยฝุ่นมอมแมม
ทว่าทันทีที่เขาเห็นฉู่หลิวเยว่ดวงตาที่เหนื่อยล้าของเขากลับสดใสขึ้นมาในฉับพลัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์