ชีวิตของหรงจิ้นในช่วงนี้ลำบากจริงๆ
สิ่งหนึ่งที่ผู้เป็นจักรพรรดิกลัวที่สุดคือความขัดแย้งระหว่างลูกหลานกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ
จักรพรรดิจยาเหวินก็ครองบัลลังก์มาได้เพราะเรื่องเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงอ่อนไหวและสงสัยในเรื่องนี้มากกว่าเดิม
แน่นอนว่าเขารู้ว่านี่เป็นการต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับราชวงศ์ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นหรงจิ้นที่ชิงลงมือก่อน!
ตอนนั้นอดีตจักรพรรดิก็ถ่วงเวลาไม่ยอมแต่งตั้งรัชทายาทสักที จึงเป็นผลทำให้พวกเขาพี่น้องต้องชิงลงมือกัน ดังนั้นเมื่อถึงคราวของเขา เขาจึงแต่งตั้งฮองเฮาแล้วแต่งตั้งให้หรงจิ้นซึ่งเป็นโอรสพระองค์โตเป็นรัชทายาท เพราะกังวลว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับย้อนเข้าตัวหรงจิ้น จึงทำให้เขาผิดหวังมาก
จักรพรรดิจยาเหวินคิดไม่ตก หรงจิ้นเป็นองค์ชายที่มีฐานะสูงส่งและได้เปรียบเหนือผู้อื่น ตราบใดที่คนเหล่านี้ไม่ก่อกบฏ ตำแหน่งนี้จะเป็นของเขาในอนาคต!
แล้วเหตุใดเขาถึงไม่รู้จักพอถึงเพียงนี้
จักรพรรดิจยาเหวินไม่ออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และสั่งให้ปิดข่าวเพื่อไม่ให้ใครแพร่งพรายออกไป
และสั่งให้หรงจิ้นคิดทบทวนตัวเองอยู่ในจวนและเพิกถอนอำนาจในการดูและทั้งหกกรมของเขา
ฎีกาที่ถูกส่งไปยังจวนรัชทายาทต่างถูกหรงจิ้นส่งกลับเข้าไปในวังทั้งคืน แล้วกลับมาวางไว้บนโต๊ะในห้องทรงอักษรดังเดิม
หรงจิ้นรู้ดีว่าเสด็จพ่อไม่ไว้ใจเขาอีกต่อไปแล้ว
เมื่อเทียบกับพี่น้องคนอื่นๆ นี่คือการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดของเขา!
หากต่อไปเสด็จพ่อยังไม่มีทางกลับมาไว้ใจเขาได้อีก เช่นนั้นอนาคตของเขา…
หรงจิ้นไม่กล้าคิดมาก เขารู้ดีว่าเขาพลาดท่าเสียที ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยอมรับความผิดพลาดและแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยหวังว่าจะลดความโกรธในหัวใจของเสด็จพ่อได้
นี่คือการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยประสบมานับตั้งแต่เขาได้เป็นองค์ชายรัชทายาท ทว่าเขาก็ยังไม่สามารถล้างแค้นผู้ที่ทำกับเขาได้!
หรงจิ้นรู้สึกเจ็บใจแต่ไม่กล้าแม้แต่จะระบายออกมา คราวนี้เสด็จพ่อคงแอบมองเขาอย่างลับๆ เขาจะทำเช่นไรดี
เมื่อไตร่ตรองดีแล้ว เขาจึงเก็บตัวเองอยู่แต่ในห้องหนังสือไม่ออกมาสองวัน
ในเช้าวันที่สาม ฉู่เซียนหมิ่น นำน้ำแกงมาถวายตามปกติ ไม่น่าแปลกที่นางเข้าไม่ได้แม้กระทั่งประตู
ฉู่เซียนหมิ่นมีสีหน้ากล้ำกลืน
ครั้งที่นางแต่งเข้าจวนรัชทายาทมาวันแรก ฝ่าบาทก็เรียกรัชทายาทให้เข้าเฝ้าเป็นการด่วน เมื่อกลับมาถึงก็ตรงดิ่งไปที่ห้องหนังสือเลย นางไม่ทันเห็นแม้แต่หน้า
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าคนในจวนพูดจาหยาบคายมากแค่เพียงใด หลายคนพอเห็นนางไม่ได้เป็นที่โปรดปรานก็แสดงท่าทีกำเริบเสิบสานเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าอย่างไร วันนี้นางก็จะทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเองให้ได้
ฉู่เซียนหมิ่นรู้ดีว่าถ้าหากวู่วามเกินไป จะไม่มีประโยชน์อะไรต่อตัวนางเลย
ดังนั้นนางจึงทนอับอายแล้วพูดกับประตูที่ปิดแนบสนิท
“องค์รัชทายาทเพคะ หม่อมฉันจะวางน้ำแกงสาลี่หิมะชวนเป้ยไว้ตรงนี้ หากทรงว่างแล้วก็ดื่มสักหน่อย อย่าทรมานพระวรกายตัวเองเลยเพคะ นอกจากนี้ หมินหมิ่นยังมีเรื่องทูลขอ ช่วงนี้หมินหมิ่นรักษาตัวอาการดีขึ้นมาก พรุ่งนี้อยากกลับไปเรียนที่สำนัก พระองค์จะว่าอย่างไรเพคะ”
หากนางเป็นพระชายารัชทายาท แน่นอนว่านางคร้านจะกลับไปอีก
ตราบใดที่นางยังมีความสามารถ รัชทายาทก็คงไม่ใจดำกับนางเกินไป
ดังนั้นแม้ว่าฉู่หลิวเยว่ที่นางเกลียดที่สุดจะอยู่ในสำนัก นางก็ต้องกลับไป!
หลังจากพูดออกไปแล้ว ฉู่เซียนหมิ่นก็ได้แต่ยืนกระวนกระวายอยู่ตรงด้านนอกประตู
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะได้ยินคำตอบของหรงจิ้น
“เจ้าอยากกลับก็กลับไป แต่ไม่อนุญาตให้พักในสำนักต่อไป เจ้าต้องกลับจวนทุกวัน อย่าลืมว่าเจ้าอยู่ในฐานะอะไร และอย่าทำให้ข้าอับอายขายหน้าเป็นอันขาด”
ฉู่เซียนหมิ่นคลายความกังวล
“ขอบพระทัยเพคะ!”
…
วันรุ่งขึ้น ฉู่หนิงรีบออกไปแต่เช้าตรู่
ฉู่หลิวเยว่เดาว่าปัญหาของรัชทายาทครั้งนี้ร้ายแรงกว่าที่คาดไว้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางก็อารมณ์ดีขึ้นมา นางจึงไม่ได้พักผ่อนอยู่บ้านและก้าวขาออกจากบ้าน และตรงไปยังเจินเป่าเก๋อ
ทันทีที่นางมาปรากฏตัวที่เจินเป่าเก๋อ คนรับใช้ที่มีสายตาแหลมคมก็วิ่งไปที่ห้องโถงด้านหลังเพื่อรายงานเหยียนเก๋อ
เหยียนเก๋อที่กำลังยุ่งอยู่กับการนับสินค้าภายในรีบผละออกมา หลังจากเดินไม่กี่ก้าวเขาก็มาถึงห้องโถงด้านหน้าด้วยความกระตือรือร้นแต่ก็ยังไม่ดูเสียมารยาท
“คุณหนูหลิวเยว่ ลมอะไรหอบท่านมาหรือ”
“วันนี้สำนักหยุดเรียน ข้าก็เลยมาเยี่ยมสักหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์