ฉู่หลิวเยว่ “… แต่ตอนนี้เขาเป็นอาจารย์ของข้า หากไม่ชี้แจงจะดีหรือ?”
“เขาไม่ถามเจ้าเยอะหรอก”
บรรยากาศรอบตัวของตู๋กูโม่เป่าผ่อนคลายลง พลางกล่าวอย่างหนักแน่น
“เจ้าก็แค่หาข้ออ้างข้างๆ คูๆ ไป จะบอกว่าตายแล้วก็ได้”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
นั่นคือผู้อาวุโสวั่นเจิงเชียวนะ จู่ๆ จะให้บอกตายง่ายๆ เช่นนั้นเลยหรือ?
ฉู่หลิวเยว่เริ่มมั่นใจในสิ่งที่ตนคาดเดามากขึ้น พลันกัดฟันแล้วแอบกระซิบถามเบาๆ
“พี่เป่า เจ้ามีสถานะสูงกว่าผู้อาวุโสวั่นเจิงใช่หรือไม่?”
ตู๋กูโม่เป่าปรายตามองนางเสมือนกำลังมองดูคนเขลาที่แกว่งเท้าหาเสี้ยน
ฉู่หลิวเยว่กลืนคำพูดที่เหลือลงไปทันที
“อึก”
เวรแล้ว
อย่าถามมากกว่านี้ดีกว่า!
“ตอนอยู่บนเขาเฝิงหมิน…เป็นอย่างใดบ้าง?”
ตู๋กูโม่เป่าพลันเปลี่ยนเรื่อง และทำทีเอ่ยถามราวไม่ได้ตั้งใจ
ฉู่หลิวเยว่เอนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมานั่งเท้าคาง
ต่อหน้าตู๋กูโม่เป่า นางไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนสิ่งเหล่านี้ และสามารถบอกเขาตามตรงได้
“ดี ไม่สิ มันดีมากเลย!”
มือเรียบนวดแก้มของตนอย่างเพลิดเพลิน
“ข้ารู้สึกว่า ข้าอยากกลับไปที่นั่นอีกหลายๆ ครั้ง!”
หากคนอื่นได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาอาจคิดว่าฉู่หลิวเยว่เสียสติไปแล้วแน่ๆ
แต่ตู๋กูโม่เป่ากลับไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใด เขาทำเพียงหลุบตาลงเล็กน้อย แพขนตายาวหนาสั่นไหวเบาๆ ปิดบังคลื่นอารมณ์บางอย่างในดวงตาของเขา
“ไยถึงเป็นเช่นนั้น?”
เขาถามกลับเสียงเบา
ฉู่หลิวเยว่จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเขาเฝิงหมินให้เขาฟังพอสังเขป
“…อย่างใดเสีย ขณะที่ข้าฝึกปราณอยู่ที่นั่น ทุกอย่างล้วนราบรื่นมาก และเหมือนว่าจะดีกว่ายามอยู่ข้างนอกเสียอีก…”
ฉู่หลิวเยว่เงียบเสียงลงพักหนึ่ง นางไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนั้นอย่างใดดี
คล่องตัวกว่า?
สบายกว่า?
นางอธิบายไม่ได้จริงๆ
นางเกิดมาพร้อมชีพจรเทียนจิง และมีความสามารถในดูดกลืนพลังปราณดั้งเดิมของสวรรค์และโลกที่แข็งแกร่งมาก
แต่เมื่ออยู่ในนั้น พลังปราณเดิมจำนวนมหาศาลเหล่านั้น กลับให้สัมผัสที่อ่อนโยนและละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ
ยามที่มันหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย นางสามารถผสานพลังปราณเหล่านั้นเข้าด้วยกันได้ โดยไม่ต้องลงแรงแต่อย่างใด
ซึ่งนางไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
“หรือจะมีสิ่งพิเศษบางอย่างซ่อนอยู่ที่นั่น? ถึงได้ทำให้พลังปราณในห้องนั้น แตกต่างจากพลังภายนอก?”
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองตู๋กูโม่เป่า
“พี่เป่า เจ้าว่าเช่นไร?”
แม้ผู้อาวุโสวั่นเจิงจะบอกว่าเขาไม่ใช่ผู้อาวุโสของสำนักวิชา แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่แล้ว เขาน่าจะคุ้นเคยและรู้จักสำนักหลิงเซียวแห่งนี้ดีระดับหนึ่ง
บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องภูเขาเฝิงหมินมากกว่าคนอื่นก็ได้?
“หอคอยเจ็ดชั้นแห่งภูเขาเฝิงหมินนั้น เดิมทีเป็นสถานที่พิเศษของสำนักวิชา มิเช่นนั้นคงไม่ใช่สถานที่สำหรับการลงโทษขั้นรุนแรงหรอก”
น้ำเสียงของตู๋กูโม่เป่าฟังดูไม่แยแส ราวกับไม่สนใจเรื่องเช่นนี้
“จากประสบการณ์เหล่านั้นที่เจ้าพบมา…ดูๆ แล้วก็ไม่มีอันใดผิดแปลก”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด แต่ก็ยังมีบางจุดที่ไม่เข้าใจ
“ในเมื่อมันถูกใช้เป็นสถานที่ลงโทษ หลังจากเข้าไปข้าควรจะรู้สึกอึดอัดสิ แต่ไฉนมันถึงตรงกันข้ามกันเช่นนี้?”
ตู๋กูโม่เป่าเงยหน้าขึ้นและถามย้อนเสียงนิ่ง
“ตัวเจ้าเหมือนกับคนปกติเสียเมื่อไร?”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
แวบหนึ่งที่นางรู้สึกตอบกลับไม่ได้…
เส้นทางในการบำเพ็ญเพียรของนาง ดูจะแตกต่างจากคนทั่วไปจริงๆ
“หรือเพราะข้าเกี่ยวข้องกับภูเขาเฝิงหมิน?”
นางพึมพำอย่างลังเล
แต่พูดให้ถูกก็คือ เกี่ยวข้องกับบางอย่างในช่องว่างหลังประตูบานนั้นต่างหาก
นางเลือกประตูบานเดิมถึงสองครา และสงสัยว่าถ้ากลับไปที่นั่นอีกครั้ง นางจะยังเลือกประตูบานเดิมอยู่หรือไม่?
เมื่อเกิดความคิดที่ดูเป็นอันตรายนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็รีบบังคับตัวเองให้เก็บงำมันไว้ทันที
…นางเข้ามาที่นี่เพื่อฝึกฝนเล่าเรียน ไม่ใช่สร้างปัญหา!
“เจ้าใกล้จะทะลวงขึ้นระดับเจ็ดขั้นกลางแล้วหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าจ้องมองนางอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่ระบายยิ้มออกมาทันควัน
ทันทีที่พูดจบ ถวนจื่อก็วิ่งพรวดออกมาและนั่งยองๆ บนไหล่ของฉู่หลิวเยว่ มันสยายปีกไปมาแล้วผงกหัวหงึกหงึกไม่หยุด ระคนภูมิอกภูมิใจ
…ถูกต้องที่สุด!
ตู๋กูโม่เป่าจ้องมองมันด้วยสายตาเย็นเฉียบ
“ถึงเจ้าไม่ไปที่นั่น เมื่อความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้น สายเลือดในกายของมันก็จะค่อยๆ ถูกกระตุ้นขึ้นมาเอง”
ฉู่หลิวเยว่ไม่แปลกใจที่ตู๋กูโม่เป่าจะรู้เรื่องนี้ นางยักไหล่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้ารู้ แต่ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ข้าก็ไม่อยากปล่อยมันไปง่ายๆ ถ้าต้องรอจนกว่าข้าจะทะลวงถึงระดับเทพ…ใครจะไปรู้ว่าต้องรอถึงเมื่อใด?”
ตู๋กูโม่เป่าขวดคิ้วพลางลังเล
จริงๆ แล้วมันอาจใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด…
แต่เขากลับบอกนางเช่นนี้ไม่ได้
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ก็ช่างมันเถอะ แต่…”
ตู๋กูโม่เป่าหยุดชะงัก
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่บนเขาหมื่นเมรัยในเวลาต้องห้าม”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นระส่ำ
พลันหัวเราะฮาฮาออกมาอย่างกล้ำกลืน
“แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าเคยติดอยู่ในนั้นมาครั้งหนึ่งแล้ว มันต้องไม่มีครั้งที่สอง!”
ตู๋กูโม่เป่ามองนางด้วยสายตาจริงจัง
ฉู่หลิวเยว่พลันกระจ่าง
“พี่เป่า เจ้ารู้เรื่องความลับของตาน้ำพุบนเขาหมื่นเมรัยใช่หรือไม่?”
ตู๋กูโม่เป่าปิดปากเงียบ
“เช่นนั้น เจ้าช่วยบอกข้า…แค่กๆ ล้อเล่น ล้อเล่น!”
พูดยังไม่ทันจบ ฉู่หลิวเยว่ก็จำต้องรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างชาญฉลาด
ตู๋กูโม่เป่าหันหลังกลับแล้วเดินออกไปข้างนอก
ฉู่หลิวเยว่ยังถามต่อ
“พี่เป่า เจ้าบอกว่าหากข้าทำความผิดครั้งใหญ่ขณะอยู่ในสำนัก หรือยั่วยุผู้มีอำนาจ เช่นนั้นชีวิตน้อยๆ นี้…”
ตู๋กูโม่เป่าหยุดฝีเท้า
“มีข้าอยู่ จะไม่ให้ใครคิดเอาชีวิตเจ้าได้ อีกอย่าง…”
เขาตะคอกอย่างเย็นชา
“หรงซิวก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อยเช่นนั้น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...