หลังจากหลิ่วอินถงและคนอื่นๆ จากไปแล้ว พวกเขาต่างตกอยู่ในความเงียบงัน
แม้ตอนมีปากเสียงกับจัวเซิงเมื่อครู่ จะทำให้พวกเขาหัวเสียมากเพียงใด แต่พวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าถึงจะโมโหโกรธาเพียงใด แต่ในเมื่อฉู่เยว่มีหรงซิวให้ท้าย จากนี้ไป เด็กนั่นก็จะกลายเป็นศิษย์ในสำนักที่มิอาจต่อกรได้ง่ายๆ แล้ว
แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาบังเอิญไปทำให้ฉู่เยว่ “ขุ่นเคือง” ใจเสียนี่
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้แต่พวกเขาเอง ก็มิอาจบอกได้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นในอนาคต
กงเซิ่งรู้สึกหดหู่และหงุดหงิดเป็นพิเศษ
เขาเดินอยู่ข้างๆ หลิ่วอินถง และเพียงเอียงหน้ามอง เขาก็สามารถมองเห็นคิ้วเรียวที่ขมวดแน่นของนางได้
แม้สองขาจะก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ แต่ดวงหน้างามกลับดูฟุ้งซ่านราวคิดไม่ตก
มีหรือที่กงเซิ่งจะไม่รู้ว่านางกำลังคิดอันใด?
แต่เพราะรู้ดีกว่าใคร เขาถึงได้ร้อนใจถึงเพียงนี้!
…เพราะเจ้านั่นคนเดียว!
หลังจากเดินไปได้สักพัก แทนที่ความโกรธในใจของกงเซิ่งจะลดลง มันกลับเพิ่มพูนขึ้นและสั่งสมเป็นเพลิงโทสะหมุนวนอยู่ในอก จนแทบจะระเบิดออกมาอยู่รำไร!
ในที่สุด เขาก็หันขวับกลับไปมองคนเหล่านั้นอย่างอดไม่ได้
“พวกเจ้าไปก่อนเลย ข้ากับอาถงมีเรื่องต้องทำนิดหน่อย”
ครั้นเห็นสีหน้าขุ่นมัวของคนทั้งสอง เหล่าเพื่อนพ้องที่ตามมาก็ไม่กล้าเอ่ยถาม และทำเพียงตอบรับแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานพวกเขาก็เหลือเพียงสองคนที่ยืนอยู่บนเชิงเขา
หลิ่วอินถงมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“มีอันใดหรือ?”
กงเซิ่งพยายามระงับความโกรธของตนไว้
“อาถง คุณยังคิดถึงหรงซิวอยู่ใช่หรือไม่!?”
นัยน์ตาของหลิ่วอินถงฉายแววลำบากใจแวบหนึ่ง ก่อนจะมองไปอีกทาง
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอันใด?”
กงเซิ่งขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิด
“ไม่จริงหรือ? ตั้งแต่เขากลับมาครานี้ จนถึงตอนนี้เจ้าก็เอาแต่คิดหาเรื่องคุยกับเขามิใช่หรือ? แต่น่าเสีย ต่อให้เจ้ามีใจให้เขามากเพียงใด ทว่าแม้แต่รูปลักษณ์ของเจ้าเขายังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ! อาถง เจ้าจักทนทุกข์อยู่เช่นนี้ไปไย!”
หลิ่วอินถงหน้าบึ้งตึงขึ้นทันตา
“ข้ากำลังคิดเรื่องฉู่เยว่ต่างหาก แล้วเจ้า…”
“ฉู่เยว่หรือ? ฉู่เยว่เนี่ยนะ! ถ้าไม่เพราะจู่ๆ เขาเข้าไปข้องเกี่ยวกับหรงซิว เจ้าคงไม่คิดมากเช่นนี้หรอกกระมัง?”
กงเซิ่งรู้จักนางดีเกินไปแล้ว
แม้ว่าหรงซิวจะออกจากสำนักวิชาไปหลายปีแล้ว ทว่ารูปลักษณ์ของเขาก็ยังคงทำให้คนรอบข้างตกตะลึงได้อยู่ร่ำไป
และในหมู่คนเหล่านั้น ก็มีหลิ่วอินถงรวมอยู่ด้วย!
หลิ่วอินถงหันหลังกลับแล้วแก้ต่างให้ตัวเอง
“ข้าแค่เสียใจนิดหน่อย ตอนนั้นข้าไม่ควรรีบไปท้าทายฉู่เยว่เลย! ยามนี้เขาได้มีคนคอยหนุนหลังแล้ว เช่นนั้นข้า…”
“เจ้าเสียใจอันใด? เจ้ากลัวอันใดอยู่?”
กงเซิ่งพลันกระตุกยิ้มมุมปากอย่างประชดประชัน
“เจ้ากลัวเขาจะประจานเรื่องของเจ้าต่อหน้าหรงซิวหรือ? แต่ว่า เจ้าคิดว่าคนนิสัยอย่างหรงซิวจะสนใจเรื่องพรรค์นี้หรือ?สำหรับเขา พวกเราก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าตามท้องถนน ไม่ว่าฉู่เยว่จักป้ายสีเจ้าให้หรงซิวฟังอย่างใด แล้วมันจะส่งผลกระทบต่อเราตรงไหน?”
หรงซิวคงไม่ตามหาเรื่องพวกเขา เพียงเพราะต้องการแก้แค้นให้ฉู่เยว่หรอก
“อีกอย่าง ถึงเจ้าจักทำดีกับฉู่เยว่ จนเขาชื่นชมเจ้าต่อหน้าหรงซิว แต่แค่นั้นจะทำให้หรงซิวหันมามองเจ้าหรือ?”
ยิ่งกงเซิ่งพูด หลิ่วอินถงก็ยิ่งหน้าบูดหน้าบึ้ง
สุดท้ายนางก็กำหมัดแน่น กายบางสั่นสะท้านด้วยความโกรธ
“แล้วก็ เจ้าอย่าลืมล่ะ ว่าหรงซิวมีฉายาแล้ว!”
เพี๊ยะ!
หลิ่วอินถงตบหน้ากงเซิ่งอย่างแรง
ใบหน้าของกงเซิ่งสีแดงช้ำและบวมเป่งอย่างรวดเร็ว
“ข้ารู้หมดแล้ว! เจ้าไม่ต้องมาสอนข้า!”
หลัวซือซือคิดไตร่ตรองให้ดี
บนตัวของฉู่เยว่มีรัศมีอันสูงศักดิ์ห้อมล้อมอยู่ ตั้งแต่คราแรกที่เห็น นางก็รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่หรงซิวเช่นนี้
ถึงคนอื่นจะยังคาดเดาไปต่างๆ นาๆ แต่นางมั่นใจในความคิดของตนมาก
เพราะทั้งศิษย์พี่หรงซิวและฉู่เยว่ มิใช่คนประเภทที่จะทำสิ่งนี้กับคนแปลกหน้า
พวกเขาต้องรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ!
อีกทั้งยัง…เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าที่เห็นด้วย!
ส่วนเจียงจื่อหยวน ผู้ที่อ้างว่าเป็นคู่รักในวัยเด็กกับศิษย์พี่หรงซิว และยังมีข่าวลือว่านางจักได้เป็นพระชายาแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์นั้น
ศิษย์พี่หรงซิวจะคิดอย่างใดกับนาง?
จากสิ่งที่เห็นตอนนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่าศิษย์พี่หรงซิวมิได้สนใจนางเลยสักนิด
แต่ฉู่เยว่นั้นต่างออกไป
หรงซิวยินดีสละความเป็นส่วนตัว และลงทุนลงแรงชี้แนะเขาโดยเฉพาะ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับฉู่เยว่นั้น ดีกว่าเจียงจื่อหยวนมากจนมิอาจเทียบได้!
แต่ทว่า ตัวตนของฉู่เยว่เป็นใครกันแน่ ถึงได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากศิษย์พี่หรงซิวเช่นนี้?
น่าเสียดายที่คนนอกไม่สามารถเข้าไปในภูเขาจิ่วเหิงได้ตามต้องการ และพวกเขาไม่มีทางรู้ได้ว่าสถานการณ์ภายในเป็นอย่างใด
แต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า
“ศิษย์พี่หรงซิวกับฉู่เยว่เข้าไปข้างในได้สักพักแล้ว เหตุใดพวกเขายังไม่ออกมาอีกล่ะ?”
…
เสียงเซ็งแซ่ที่ดังขึ้นด้านนอกค่ายกล ถูกความเงียบภายในปกคลุมจนรู้สึกราวตัดขาดจากโลกภายนอก
ด้านในห้อง หรงซิวกับฉู่หลิวเยว่กำลังนั่งประจันหน้ากัน
ฉู่หลิวเยว่กล่าวว่า
“ข้ายอมมากับเจ้าแล้ว ตอนนี้ถึงคราวเจ้าอธิบายได้หรือยัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...