เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1236

เมื่อดวงตะวันลับขอบฟ้า

ฉู่หลิวเยว่ก็ออกมาจากภูเขาจิ่วเหิ่ง และเห็นเงาของพวกหลัวซือซือจากระยะไกล

นางรีบรุดไปข้างหน้าเพื่อรวมกลุ่มกับพวกเขา

จัวเซิงเหลือบมองไปข้างหลังนางอย่างใคร่รู่ พลันจรดปลายนิ้วลงบนริมฝีปากอย่างครุ่นคิด

“ฉู่เยว่ วันนี้เจ้ามีชื่ออยู่บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นแล้ว ศิษย์พี่หรงซิวมิได้จัดงานฉลองให้เจ้าหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ

“เจ้าอยากให้ข้าชวนเขาไปที่เขาหมื่นเมรัยด้วยกันหรือ?”

จัวเซิงที่โดนสหายอ่านใจออก พลันหัวเราะแก้เก้อ

“ข้าเพียงชื่นชมศิษย์พี่หรงซิวและอยากเห็นเขาตัวเป็นๆ มากกว่านี้! แต่ข้าเดาว่าเขาคงไม่สนใจเรื่องแบบนี้สักเท่าไร…”

และเขาก็ทำได้แค่พูด มิได้ต้องการให้ฉู่หลิวเยว่ไปรบกวนศิษย์พี่หรงซิวแต่อย่างใด

ส่งผลให้ฉู่หลิวเยว่นึกถึงใครบางคนที่กล่าวเตือนนาง มิให้ออกไปเล่นซนนานเกินควรในตอนที่นางกำลังจะออกมา พลันขบกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างอดไม่ได้

นอกจากหรงซิวจะไม่สนใจภูเขาหมื่นเมรัยแล้ว

แต่ยังคัดค้านไม่อยากให้นางไปที่นั่นด้วย

ทว่ายามเขาเห็นนางต้องการไปที่นั่นจริงๆ เขาก็เลิกรั้งนางและยอมปล่อยนางไปแต่โดยดี

“หากศิษย์พี่หรงซิวไปด้วย เกรงว่าทุกคนคงหมดสนุกเสียเปล่าๆ”

ฉู่หลิวเยว่ตอบกลับ

แม้แต่ยามเหล่าผู้อาวุโสของสำนักหลายคนพบเจอหรงซิว พวกเขายังแสดงท่าทีหวาดเกรงออกมา แล้วมีหรือที่ศิษย์ธรรมดาจักทนไหว?

หากเขาไปด้วย ผู้คนที่อยู่บนนั้นได้แตกตื่นกันยกใหญ่แน่ๆ

แค่นี้ยังต้องพูดอันใดอีก?

หลัวซือซือหลุดหัวเราะพรืดอย่างอดมิได้

“ถูกของเจ้า! หลายคนในสำนักคลั่งไคล้ศิษย์พี่หรงซิวเหลือคณา แต่พออยู่ต่อหน้าจริงๆ แล้ว แทบพูดไม่ออกสักคน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จัวเซิงก็ทำได้เพียงยักไหล่ด้วยความเสียดาย

“เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันแค่นี้แหละ!”

เมื่อเดินทางมาถึงภูเขาหมื่นเมรัย ก็เป็นเพลาที่ท้องนภาสีสวย ถูกกลืนกินด้วยราตรีกาลอันมืดมิดเสียแล้ว

ครั้นย้ำเท้าขึ้นเขาไปได้เพียงครึ่งทาง ก็พานพบกับแสงไฟเจิดจ้าจากคบเพลิง และแส้เสียงของผู้คนมากมาย จนทำให้สถานที่แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก

ทันทีที่พวกของฉู่หลิวเยว่มาถึง ทุกสายตาพลันจดจ้องมองพวกเขาเป็นตาเดียว

ฝูงชนที่อยู่รอบๆ เงียบเสียงลงครู่หนึ่ง

ถึงฉู่หลิวเยว่จะเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่วันนี้มันกลับแตกต่างออกไป

…เพียงเพราะนางมีชื่ออยู่บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋น

ถวนจื่อมุดตัวออกมาอย่างรวดเร็ว และนั่งยองๆ อยู่บนไหล่ของฉู่หลิวเยว่

เมื่อได้ยินเสียงกระแสน้ำไหลอยู่ด้านข้าง ดวงตาทั้งสองข้างของมันพลันทอประกายวาววับ วูบไหวไปมาอย่างตื่นเต้น

หากมิใช่เพราะมีคนอยู่เยอะ มันคงพุ่งตัวใส่ตาน้ำพุนั่นแล้ว

มันเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างเว้าวอน พลางใช้หัวกลมทุยๆ ถูไถแก้มของฉู่หลิวเยว่อย่างออดอ้อน เปิดเผยทุกความคิดของมันให้ผู้เป็นนายได้รู้

ฉู่หลิวเยว่รู้ว่ามันอดทนรอไม่ไหวแล้ว ดังนั้นนางจึงยกเท้าขึ้นแล้วเดินขึ้นไป

เหล่าฝูงชนแหวกออกเป็นสองฝั่ง เปิดทางให้นางแต่โดยดี

แม้ว่าการได้รับอันดับที่หนึ่งร้อยในการประลองแขนงเซียนหมอ จะมิใช่ผลงานที่ดีเลิศประเสริฐศรีนัก แต่ปัจจุบันจะมีใครในสำนักที่ไม่รู้บ้างว่า ฉู่เยว่ผู้นี้เพิ่งเข้าสำนักมาได้แค่สองเดือน?

และที่สำคัญคือ เขาอายุแค่สิบหกหนาวเท่านั้น!

แต่กลับเป็นเด็กอนาคตไกลเกินคาด!

และต่อให้ไม่นับเรื่องคนที่คอยหนุนหลังเขา ทว่าเพียงศักยภาพและอุปนิสัยของคนผู้นี้ ก็ทำให้ผู้อื่นรู้สึกเกรงกลัวได้แล้ว

เมื่อฉู่หลิวเยว่มาถึงตาน้ำพุ ก็พบว่ามีคนจำนวนหนึ่งครอบครองพื้นที่แห่งนี้ไว้ก่อนแล้ว

แถมยังเป็นเจ้าของใบหน้าอันคุ้นเคยอีกในหมู่พวกเขาด้วย

…หลิ่วอินถง

ทว่ายังไม่ทันที่ฝั่งฉู่หลิวเยว่จักได้เอื้อนเอ่ยอันใด หลิ่วอินถงกลับเป็นฝ่ายถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วพูดว่า

“เจ้ามาแล้วหรือฉู่เยว่? ข้าจองที่ไว้ให้เจ้าแล้ว เชิญเจ้าใช้ได้เลย!”

ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง พลันเงยหน้าขึ้นมองหลิ่วอินถงอย่างหวาดระแวง

เขาเป็นคนหน้าตาดี สะอาดแลดูใส่ซื่อบริสูทธิ์ แววตาของเขาซื่อตรงแลชัดเจน มุมปากบางระบายยิ้มอ่อนโยน แลดูไร้พิษภัย

ราวกับ…ไม่ได้แค้นเคืองนางแล้วจริงๆ…

หลิ่วอินถงลอบหายใจด้วยความโล่งอก แต่อีกใจก็รู้สึกโหวงๆ เช่นกัน

ในเวลาเพียงแค่สองเดือน ดูเหมือนตัวตนของพวกเขาจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเจอเด็กคนนี้ครั้งแรก นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองยอมก้มหัวโอนอ่อนให้เขาง่ายๆ เช่นนี้

“ก็ดี…เช่นนั้นก็ดี…”

นางพึมพำเสียงเบาราวทำตัวไม่ถูก

“ศิษย์น้องฉู่เยว่ ที่ผ่านมาข้าหุนหันพลันแล่นเกินไป ทำให้เจ้าไม่พอใจข้าหลายครา หวังว่าเจ้า…จะไม่เก็บไปใส่ใจ หลังจากนี้ข้าสัญญาจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว! และหวังว่าศิษย์น้องฉู่เยว่ จักไม่ผูกใจเจ็บกับเรื่องในอดีต!”

มีแวบหนึ่งที่ฉู่หลิวเยว่อยากถามหลิ่วอินถงว่านางไม่สบาย หรือสมองกระทบกระเทือนตรงไหนหรือเปล่า

ไม่แปลกที่อีกฝ่ายอยากแก้ความคับข้องใจในอดีต อย่างใดเสียตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ก็มีจุดยืนในสำนักวิชาแล้ว

ไหนจะแรงสนับสนุนจากผู้ที่อยู่เบื้องหลังนางอีก ทำให้นางกลายเป็นคู่ต่อสู้ผู้ทรงอิทธิพลอย่างแท้จริง

และทุกคนเองก็รู้ดีแก่ใจ

แต่หลิ่วอินถงไม่เห็นจะต้องกระเหี้ยนกระหือรืออยากเอาใจนางเช่นนี้เลย?

มันไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของนางด้วยซ้ำ

“ศิษย์พี่หญิงหลิ่ว ว่ามาเถิดขอรับ ว่าท่านต้องการอันใด?”

ฉู่หลิวเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ พลางกล่าวถาม

หลิ่วอินถงรู้ทันทีว่านางถูกจับได้แล้ว

ขณะเดียวกันนางก็ตระหนักได้ว่าฉู่เยว่ฉลาด และมีไหวพริบมากกว่าที่นางเคยคิดไว้เสียอีก!

นางกำหมัดแน่นจนปลายเล็บจิกลงบนฝ่ามือ พลางลังเลอยู่นานพักใหญ่ ก่อนจะพูดว่า

“ไม่ ไม่มีอันใด ข้าแค่คิดว่า ก่อนหน้านี้ข้าทำเกินไปหน่อย ดังนั้น…ถ้าหลังจากนี้ศิษย์น้องฉู่เยว่ต้องการความช่วยเหลือ ก็ให้บอกข้าได้เลย!”

แต่ก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะได้ตอบกลับ ก็พลันมีเสียงเยาะเย้ยดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง

“ยามนี้ศิษย์น้องฉู่เยว่ได้รับการคุ้มครองจากผู้อาวุโสวั่นเจิงกับหรงซิวแล้ว เหตุใดจะต้องให้เจ้าช่วยด้วย? เจ้าอวดดีเกินไปแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์