เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1311

ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉู่หลิวเยว่นั้น ส่งผลให้นางกลายเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ที่เก่งกาจที่สุด ท่ามกลางจอมยุทธ์ระดับเดียวกันหรือระดับสูงกว่านั้น

นางตอนนี้ได้ผ่านการฝึกฝนมานักต่อนัก จนสามารถรับมือกับการโจมตีของหุ่นเชิดระดับเก้าสองตัวพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย

แต่สุดท้ายที่กล่าวมาทั้งหมดนั่น ก็เป็นเพียงการเปรียบเทียบศักยภาพระหว่างมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น

หากแต่ยามนี้ ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจคำเตือนของอินทรีสามตาแล้ว

ความทนทานของร่างกายสัตว์อสูรและมนุษย์นั้น ต่างกันราวฟ้ากับเหว!

พลังแห่งสายเลือดในกายของถวนจื่อตื่นตัวขึ้นทีละน้อย ซึ่งอันตรายต่อนางมาก!

แม้ร่างกายของนางจะผ่านการฝึกฝนมามาก แต่หากจะให้รับมือกับพลังเหล่านี้ ก็คงจะฝืนขีดจำกัดเกินไป

ทั้งกล้ามเนื้อ โลหิตและกระดูกในกายเจ็บแปลบราวถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ พลังปราณอันดุร้ายและรุนแรงพุ่งเข้ามาราวกับสายน้ำที่พร้อมกวาดล้างทุกสิ่ง!

ฉู่หลิวเยว่อดทนสู้กับความทรมานจากพลังเหล่านี้ในกายของตน และลำเลียงพวกมันกลับคืนสู่ร่างของถวนจื่อ

ขณะเดียวกันนางก็ยังส่งกระแสจิตเรียกถวนจื่ออยู่เรื่อยๆ โดยหวังให้มันตื่นขึ้นมาในเร็วพลัน

แต่ผ่านไปแล้วหลายเพลา สุดท้ายถวนจื่อก็คงนอนนิ่งไม่ไหวติง

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเดินทางมายังเขาจิ่วเหิงพร้อมหลัวเยี่ยนหมิงอย่างรวดเร็ว

“ฉู่เยว่ล่ะ?”

จัวเซิงตอบกลับพัลวัน

“น่าจะอยู่ข้างในขอรับ! แต่สถานการณ์ในนั้นดูไม่ดีนัก…”

เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เขารออยู่ด้านนอก เกิดเสียงดังอึกทึกออกมาจากข้างในหลายครา

ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว

ระหว่างทางมาที่นี่ หลัวเยี่ยนหมิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังคร่าวๆ แล้ว

“ข้าจะเข้าไปดูเสียหน่อย”

พวกของหลัวเยี่ยนหมิงเองก็ตั้งท่าจะตามเข้าไป แต่ก็ถูกผู้อาวุโสห้ามไว้ด้วยสายตา

“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”

หากด้านในเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ล่ะก็ พอสองคนนี้เข้าไปแล้วคงได้เป็นภาระเขาเปล่าๆ

เมื่อเห็นผู้อาวุโสฮวาเฟิงผู้ซึ่งใจดีและเป็นมิตรอยู่เสมอ แสดงท่าทีจริงจังเช่นนี้ เด็กหนุ่มทั้งสองจึงไม่กล้าโต้แย้ง และทำเพียงพยักหน้าน้อมรับแล้วยืนรออยู่ที่เดิม

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยกมือขึ้น ก่อนจะหยิบตราหยกออกมาแล้ววางลงบนค่ายกลตรงหน้า

หึ่ง!

ค่ายกลขนาดใหญ่เปิดทางให้เขา

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงสาวเท้าเข้าไปทันที!

“มีคนมา!”

อินทรีสามตาตะโกนใส่หูนาง

ก่อนหน้านี้สภาพจิตใจของฉู่หลิวเยว่ตึงเครียดอย่างหนัก นางจึงไม่ได้ยินเสียงตะโกนของพวกหลัวเยี่ยนหมิง

แต่พอได้ยินคำพูดของอินทรีสามตา ในที่สุดนางก็ตั้งสติได้

“ใครกัน?”

โดยปกติแล้ว จะไม่มีใครสามารถเข้าออกที่นี่ได้ตามใจชอบ

“เหมือนจะไม่ใช่หรงซิวนะ?”

เพราะถ้าเป็นเขา นางน่าจะสัมผัสได้แล้ว

“ไม่ใช่”

อินทรีสามตาตอบทันควัน

ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอด

“เจ้า…”

“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง ยามนี้ศิษย์ไม่มีเวลาอธิบายจริงๆ โปรดหลีกทางให้ศิษย์ด้วยขอรับ!”

ฉู่หลิวเยว่กระชับกอดถวนจื่อแน่นขึ้น แล้วรีบตอบกลับไป

พอเห็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ยิ่งสับสน และไม่กล้าทำอันใดฉุกละหุก เขาปล่อยมือจากแขนนาง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความกังวล

“เจ้าจะไปไหน? ถ้ากำลังผจญปัญหา ก็พูดออกมาเสีย! ข้าจะช่วยเจ้าหาทางแก้ไข!”

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอบอุ่นในใจ

แต่ถ้าไม่ใช่เพราะใกล้จะทนรับความเจ็บปวดจากพลังแห่งเลือดที่เพิ่มขึ้นในกายของถวนจื่อไม่ไหว นางคงจะอยู่พูดคุยกับเขาอีกสักสองสามคำ

“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส!”

สิ้นคำ นางก็หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปทันที

“ไอหยา! เจ้าเด็กนี่!”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเองก็ไม่สบายใจ

เพราะแค่มองก็รู้ว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับเด็กนั่นจริงๆ!

เขารีบย่ำเท้าตามนางไป

ฉู่หลิวเยว่สับเท้าอย่างไม่คิดชีวิต และมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งที่หมายมั่นไว้ในใจแล้ว!

เมื่อหลัวเยี่ยนหมิงกับจัวเซิงเห็นนาง ก็รีบพุ่งตัวเข้ามาดักทางเพื่อหวังถามไถ่

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงวิ่งตามประกบมาไม่ห่าง

และในไม่ช้าเขาก็เริ่มเอะใจ

เพราะทิศทางที่ฉู่หลิวเยว่กำลังมุ่งไปนั้น คือสวนอสูร!

เมื่อมาถึงด้านหน้า ฉู่หลิวเยว่ก็มองหาผู้อาวุโสอวี๋อวี้ ราวมองหาผู้ช่วยชีวิต

“ผู้อาวุโสอวี๋อวี้ขอรับ! โปรดเปิดค่ายกล! ให้ศิษย์ยืมอสูรในสวนด้วยเถิด!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์