เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1320

ภายในห้องพลันเงียบสงัดลงในพริบตา

ถวนจื่อเบนสายตาหนีอย่างร้อนตัว

ฉู่หลิวเยว่ใช้นิ้วหนีบเอาหัวน้อยๆ ของมันให้หันกลับมาประจันหน้ากัน

“ไม่ใช่เจ้าพูดว่าคิดถึงข้าหรือ หรือว่าไม่อยากคุยกันแล้ว คุยเรื่องวันวานอย่างใดเล่า?”

เหมาะเจาะพอดีที่ตอนนี้ถวนจื่อสามารถเอ่ยปากพูดกับนางได้โดยตรงหลังผ่านการบุกทะลวงมา ช่วยลดปัญหาไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ถวนจื่อหันศีรษะของตนหนีไปทางอื่นอีกรอบ

ครั้งนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่คิดใส่ใจมันอีก จึงปล่อยมือออกเสียอย่างนั้น ก่อนจะหมุนกายเดินเข้าห้องนอนไป

“ในเมื่อตอนนี้เจ้าไม่อยากพูด เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว รอเจ้าอยากพูดตอนไหนก็ค่อยมาอีกรอบก็ยังไม่สาย”

พูดไปพลาง นางก็เดินเข้าไปในห้องจริงๆ ก่อนจะขึ้นเตียงเตรียมตัวพักผ่อน

ถวนจื่อที่ถูกทิ้งเอาไว้ดื้อๆ มีสีหน้างุนงงสับสน มันรีบมองไปทางฉู่หลิวเยว่ด้วยท่าทีกระวนกระวาย แต่กลับพบว่านางเอนตัวนอนเรียบร้อย ราวกับว่าคิดจะเข้านอนแล้วจริงๆ

ไฟในตะเกียงถูกดับ ภายในห้องพลันมืดสนิทลง

มีเพียงแสงจันทร์แผ่วจางดุจผิวน้ำที่ทอแสงเข้ามาพอให้เห็นเงาภายในห้องได้เลือนราง

ถวนจื่อยังคงอยู่ที่เดิมมาครู่ใหญ่ สีหน้ายุ่งเหยิงหาสิ่งใดเปรียบ

มันกำลังก้าวกรงเล็บข้างหนึ่งออกไปด้านนอกแล้ว ทว่ากลับชักกรงเล็บกลับมาด้วยความรวดเร็ว

กลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ ทำเอาถวนจื่อมึนงงอยู่ไม่น้อยทีเดียว

มันปะติดปะต่อเรื่องราวอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่มันจะตัดสินใจลงได้ในที่สุด แล้วบินโผไปหาฉู่หลิวเยว่

“อาเยว่”

ถวนจื่อเกาะอยู่ข้างหมอนของฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะกลั้นใจเรียกนางอย่างระมัดระวัง

ฉู่หลิวเยว่พลิกตัวมามองมัน

“อยากพูดแล้วหรือ?”

ในดวงตาของถวนจื่อฉายแววเสือกสนเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็ยังผงกหัวน้อยๆ นั่นด้วยความกระอักกระอ่วน

ฉู่หลิวเยว่หยัดกายลุกขึ้นนั่ง

“เช่นนั้นก็เริ่มเล่ามาเถิด”

หลังพาฉู่หลิวเยว่ไปส่งเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็กลับมายังจวนที่พักของตน ปรากฏว่าหลัวเยี่ยนหมิงและจัวเซิงยังคงรอคอยเขาอยู่ที่นี่ทั้งคู่

“ท่านอาจารย์!”

“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง!”

ยามเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยของผู้อาวุโสฮวาเฟิง คนทั้งสองต่างก็ส่งเสียงเรียกด้วยความดีใจออกมาแทบจะพร้อมกันด้วยอดทนรอแทบไม่ไหว

การเคลื่อนไหวของจัวเซิงไวกว่า เขาแทบพุ่งถลาเข้ามาหาภายในไม่กี่ก้าว

“ท่านผู้อาวุโส ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที! ตอนนี้ฉู่เยว่เป็นอย่างใดบ้างขอรับ? พวกท่านทั้งสองไม่เป็นอันใดกันใช่หรือไม่!?”

คำถามที่ถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องลอยเข้าโจมตีสมองของผู้อาวุโสฮวาเฟิงเสียจนเริ่มปวดศีรษะขึ้นมารางๆ

ทว่าเมื่อคิดได้ว่าคนทั้งสองมีเจตนาดีจึงพยายามละทิ้งความโมโห ก่อนจะทำได้เพียงเอ่ยตอบอย่างมีน้ำอดน้ำทนว่า

“วางใจเถอะ เจ้าเด็กนั่นปลอดภัยดี!”

แม้ว่าร่างกายจะได้รับบาดเจ็บมาบ้างนิดหน่อย แต่ก็ได้หงส์ทองคำมาไว้ในครอบครองเลยนะ!

หากสิ่งนี้ยังมินับว่าเป็นของดีอีก เช่นนั้นบนโลกใบนี้ก็คงไม่มีใครดีอีกแล้ว

เห็นผู้อาวุโสฮวาเฟิงมีปฏิกิริยาตอบกลับเช่นนี้ พวกจัวเซิงทั้งสองก็วางใจลงได้ในที่สุด

“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี! เช่นนั้นท่านผู้อาวุโสพักผ่อนก่อนเถิดขอรับ พวกศิษย์จะไปดูฉู่เยว่เสียหน่อย!”

“ประเดี๋ยวก่อน!”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงตะโกนหยุดคนทั้งสองเอาไว้

เมื่อเห็นสายตางุนงงของทั้งสองคน ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็กระแอมไอออกมาคราหนึ่ง

“ดึกขนาดนี้แล้ว หลังเขากลับไปก็คงเข้านอนแล้ว พวกเจ้าไปหาตอนนี้มันไม่ควร”

คนทั้งสองคิดตามดูก็รู้สึกว่าถูกต้องยิ่ง

“โกรธไปแล้วได้อะไร ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกสิ่งที่รู้ทุกอย่างแก่ข้าหมดแล้วหรอกหรือ?”

ถวนจื่อก้มลงมาถูไถหัวน้อยๆ ของตนเข้ากับฝ่ามือของนาง

ด้านนอกพลันมีสุ้มเสียงสองสายอันคุ้นหูดังแว่วเข้ามา

ฉู่หลิวเยว่ลุกยืนขึ้น ก่อนจะอุ้มถวนจื่อขึ้นมาไว้ในอก

“เอาละ เจ้าเองก็เพิ่งบุกทะลวงมาได้ ไปพักผ่อนให้เต็มอิ่มเสียก่อนแล้วกัน ช่วงนี้เจ้าคงออกมาข้างนอกไม่ได้ รู้ใช่หรือไม่?”

ถวนจื่อผงกศีรษะรับ เพียงพริบตาเงาร่างของมันก็หายไปในบัดดล

จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็สาวเท้าก้าวออกไปข้างนอก

คนที่มาหานางไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหลัวเยี่ยนหมิงกับจัวเซิงสองคนนั่นเอง

แม้ว่าเมื่อคืนฉู่หลิวเยว่จะนอนไม่หลับนัก ทว่าบาดแผลบนร่างกายฟื้นฟูไปแล้วไม่น้อย ดังนั้นมองดูคร่าวๆ นอกจากคนจะดูออกเพียงว่านางนอนไม่หลับ ก็ไม่น่ามีปัญหาอื่นใด

ยามมองเห็นฉู่หลิวเยว่ในสภาพเช่นนี้แล้ว คนทั้งสองเองก็วางใจเช่นกัน

“ร่างกายเจ้าไม่เป็นอันใดมากก็ดีแล้ว แล้วเมื่อวาน…”

จัวเซิงพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง พลันนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตกปากรับคำไปแล้วว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก จึงรีบปิดปากลงโดยพลัน

หลัวเยี่ยนหมิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยท่าทีนิ่งสงบ

“จริงสิฉู่เยว่ วันนี้เป็นวันบุปผาผลิบานของสำนัก เจ้าอยากไปเดินเล่นหน่อยหรือไม่?”

วันบุปผาผลิบานที่ว่า แท้จริงแล้วคือวันหยุดที่สามเดือนมีครั้งหนึ่งของสำนักหลิงเซียว

ปกติแล้วจะมีเวลาหยุดสามวัน ภายในสามวันนี้ บรรดาศิษย์ทั้งหลายสามารถออกไปนอกสำนักได้โดยที่เหล่าผู้อาวุโสจะไม่ถามจุกจิก

บรรดาศิษย์จำนวนมากจึงฉวยโอกาสนี้ออกไปเที่ยวเล่นผ่อนคลายกัน

มีบางคนที่อยู่ใกล้สำนักหน่อยก็สามารถกลับไปนอนที่บ้านได้ ส่วนที่เหลือก็มักจะเข้าไปเดินเล่นในเมืองฝางโจว

จัวเซิงพลันรู้สึกสนใจขึ้นมาในบัดดล

“จริงด้วย! พวกเราเข้าสำนักมานานถึงเพียงนี้กลับยังไม่ได้ออกไปข้างนอกกันเลย! ฉู่เยว่ ไปด้วยกันเถอะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์