ภายในห้องพลันเงียบสงัดลงในพริบตา
ถวนจื่อเบนสายตาหนีอย่างร้อนตัว
ฉู่หลิวเยว่ใช้นิ้วหนีบเอาหัวน้อยๆ ของมันให้หันกลับมาประจันหน้ากัน
“ไม่ใช่เจ้าพูดว่าคิดถึงข้าหรือ หรือว่าไม่อยากคุยกันแล้ว คุยเรื่องวันวานอย่างใดเล่า?”
เหมาะเจาะพอดีที่ตอนนี้ถวนจื่อสามารถเอ่ยปากพูดกับนางได้โดยตรงหลังผ่านการบุกทะลวงมา ช่วยลดปัญหาไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถวนจื่อหันศีรษะของตนหนีไปทางอื่นอีกรอบ
ครั้งนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่คิดใส่ใจมันอีก จึงปล่อยมือออกเสียอย่างนั้น ก่อนจะหมุนกายเดินเข้าห้องนอนไป
“ในเมื่อตอนนี้เจ้าไม่อยากพูด เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว รอเจ้าอยากพูดตอนไหนก็ค่อยมาอีกรอบก็ยังไม่สาย”
พูดไปพลาง นางก็เดินเข้าไปในห้องจริงๆ ก่อนจะขึ้นเตียงเตรียมตัวพักผ่อน
ถวนจื่อที่ถูกทิ้งเอาไว้ดื้อๆ มีสีหน้างุนงงสับสน มันรีบมองไปทางฉู่หลิวเยว่ด้วยท่าทีกระวนกระวาย แต่กลับพบว่านางเอนตัวนอนเรียบร้อย ราวกับว่าคิดจะเข้านอนแล้วจริงๆ
ไฟในตะเกียงถูกดับ ภายในห้องพลันมืดสนิทลง
มีเพียงแสงจันทร์แผ่วจางดุจผิวน้ำที่ทอแสงเข้ามาพอให้เห็นเงาภายในห้องได้เลือนราง
ถวนจื่อยังคงอยู่ที่เดิมมาครู่ใหญ่ สีหน้ายุ่งเหยิงหาสิ่งใดเปรียบ
มันกำลังก้าวกรงเล็บข้างหนึ่งออกไปด้านนอกแล้ว ทว่ากลับชักกรงเล็บกลับมาด้วยความรวดเร็ว
กลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ ทำเอาถวนจื่อมึนงงอยู่ไม่น้อยทีเดียว
มันปะติดปะต่อเรื่องราวอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่มันจะตัดสินใจลงได้ในที่สุด แล้วบินโผไปหาฉู่หลิวเยว่
“อาเยว่”
ถวนจื่อเกาะอยู่ข้างหมอนของฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะกลั้นใจเรียกนางอย่างระมัดระวัง
ฉู่หลิวเยว่พลิกตัวมามองมัน
“อยากพูดแล้วหรือ?”
ในดวงตาของถวนจื่อฉายแววเสือกสนเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็ยังผงกหัวน้อยๆ นั่นด้วยความกระอักกระอ่วน
ฉู่หลิวเยว่หยัดกายลุกขึ้นนั่ง
“เช่นนั้นก็เริ่มเล่ามาเถิด”
…
หลังพาฉู่หลิวเยว่ไปส่งเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็กลับมายังจวนที่พักของตน ปรากฏว่าหลัวเยี่ยนหมิงและจัวเซิงยังคงรอคอยเขาอยู่ที่นี่ทั้งคู่
“ท่านอาจารย์!”
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง!”
ยามเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยของผู้อาวุโสฮวาเฟิง คนทั้งสองต่างก็ส่งเสียงเรียกด้วยความดีใจออกมาแทบจะพร้อมกันด้วยอดทนรอแทบไม่ไหว
การเคลื่อนไหวของจัวเซิงไวกว่า เขาแทบพุ่งถลาเข้ามาหาภายในไม่กี่ก้าว
“ท่านผู้อาวุโส ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที! ตอนนี้ฉู่เยว่เป็นอย่างใดบ้างขอรับ? พวกท่านทั้งสองไม่เป็นอันใดกันใช่หรือไม่!?”
คำถามที่ถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องลอยเข้าโจมตีสมองของผู้อาวุโสฮวาเฟิงเสียจนเริ่มปวดศีรษะขึ้นมารางๆ
ทว่าเมื่อคิดได้ว่าคนทั้งสองมีเจตนาดีจึงพยายามละทิ้งความโมโห ก่อนจะทำได้เพียงเอ่ยตอบอย่างมีน้ำอดน้ำทนว่า
“วางใจเถอะ เจ้าเด็กนั่นปลอดภัยดี!”
แม้ว่าร่างกายจะได้รับบาดเจ็บมาบ้างนิดหน่อย แต่ก็ได้หงส์ทองคำมาไว้ในครอบครองเลยนะ!
หากสิ่งนี้ยังมินับว่าเป็นของดีอีก เช่นนั้นบนโลกใบนี้ก็คงไม่มีใครดีอีกแล้ว
เห็นผู้อาวุโสฮวาเฟิงมีปฏิกิริยาตอบกลับเช่นนี้ พวกจัวเซิงทั้งสองก็วางใจลงได้ในที่สุด
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี! เช่นนั้นท่านผู้อาวุโสพักผ่อนก่อนเถิดขอรับ พวกศิษย์จะไปดูฉู่เยว่เสียหน่อย!”
“ประเดี๋ยวก่อน!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงตะโกนหยุดคนทั้งสองเอาไว้
เมื่อเห็นสายตางุนงงของทั้งสองคน ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็กระแอมไอออกมาคราหนึ่ง
“ดึกขนาดนี้แล้ว หลังเขากลับไปก็คงเข้านอนแล้ว พวกเจ้าไปหาตอนนี้มันไม่ควร”
คนทั้งสองคิดตามดูก็รู้สึกว่าถูกต้องยิ่ง
“โกรธไปแล้วได้อะไร ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกสิ่งที่รู้ทุกอย่างแก่ข้าหมดแล้วหรอกหรือ?”
ถวนจื่อก้มลงมาถูไถหัวน้อยๆ ของตนเข้ากับฝ่ามือของนาง
ด้านนอกพลันมีสุ้มเสียงสองสายอันคุ้นหูดังแว่วเข้ามา
ฉู่หลิวเยว่ลุกยืนขึ้น ก่อนจะอุ้มถวนจื่อขึ้นมาไว้ในอก
“เอาละ เจ้าเองก็เพิ่งบุกทะลวงมาได้ ไปพักผ่อนให้เต็มอิ่มเสียก่อนแล้วกัน ช่วงนี้เจ้าคงออกมาข้างนอกไม่ได้ รู้ใช่หรือไม่?”
ถวนจื่อผงกศีรษะรับ เพียงพริบตาเงาร่างของมันก็หายไปในบัดดล
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็สาวเท้าก้าวออกไปข้างนอก
…
คนที่มาหานางไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหลัวเยี่ยนหมิงกับจัวเซิงสองคนนั่นเอง
แม้ว่าเมื่อคืนฉู่หลิวเยว่จะนอนไม่หลับนัก ทว่าบาดแผลบนร่างกายฟื้นฟูไปแล้วไม่น้อย ดังนั้นมองดูคร่าวๆ นอกจากคนจะดูออกเพียงว่านางนอนไม่หลับ ก็ไม่น่ามีปัญหาอื่นใด
ยามมองเห็นฉู่หลิวเยว่ในสภาพเช่นนี้แล้ว คนทั้งสองเองก็วางใจเช่นกัน
“ร่างกายเจ้าไม่เป็นอันใดมากก็ดีแล้ว แล้วเมื่อวาน…”
จัวเซิงพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง พลันนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตกปากรับคำไปแล้วว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก จึงรีบปิดปากลงโดยพลัน
หลัวเยี่ยนหมิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยท่าทีนิ่งสงบ
“จริงสิฉู่เยว่ วันนี้เป็นวันบุปผาผลิบานของสำนัก เจ้าอยากไปเดินเล่นหน่อยหรือไม่?”
วันบุปผาผลิบานที่ว่า แท้จริงแล้วคือวันหยุดที่สามเดือนมีครั้งหนึ่งของสำนักหลิงเซียว
ปกติแล้วจะมีเวลาหยุดสามวัน ภายในสามวันนี้ บรรดาศิษย์ทั้งหลายสามารถออกไปนอกสำนักได้โดยที่เหล่าผู้อาวุโสจะไม่ถามจุกจิก
บรรดาศิษย์จำนวนมากจึงฉวยโอกาสนี้ออกไปเที่ยวเล่นผ่อนคลายกัน
มีบางคนที่อยู่ใกล้สำนักหน่อยก็สามารถกลับไปนอนที่บ้านได้ ส่วนที่เหลือก็มักจะเข้าไปเดินเล่นในเมืองฝางโจว
จัวเซิงพลันรู้สึกสนใจขึ้นมาในบัดดล
“จริงด้วย! พวกเราเข้าสำนักมานานถึงเพียงนี้กลับยังไม่ได้ออกไปข้างนอกกันเลย! ฉู่เยว่ ไปด้วยกันเถอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...