เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1375

เขาคุกเข่าอยู่บนพื้นโดยไม่ลุกอยู่นานทีเดียว สุ้มเสียงหรือก็อ่อนแรงแลหดหู่นัก

“นางรู้เรื่องที่ข้าน้อยทรยศแล้ว เราคง… ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจอกันอีกแล้วกระมัง?”

เจอกันแล้วจะพูดอันใดได้อีกเล่า?

บนโลกนี้ไม่มีใครจะเชื่อใจคนที่ครั้งหนึ่งเคยทอดทิ้งตัวเองได้อีกหรอก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาทำไปในครานั้นเลย ทุกเรื่องทุกอย่างล้วนเพียงพอที่จะทำให้นางสิ้นชีวิตได้เลย

“นั่นก็ไม่แน่”

สุ้มเสียงนั้นหัวเราะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยแฝงซึ่งนัยว่า

“ก็เพราะแม้นนางจะรู้เรื่องที่เจ้าทรยศนางแล้ว แต่กลับเลือกที่ไว้ชีวิตเจ้า เรื่องนี้ก็เลยยิ่งน่าสนใจไม่ใช่หรือไร? เจ้าเป็นคนที่นางชุบเลี้ยงมากับมือ บางที… อาจเป็นเพราะนางคงฝืนใจปล่อยให้เจ้าตายไม่ได้?”

มู่ชิงเห่อที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นจมดิ่งสู่ความเงียบงัน ทั่วทั้งร่างหนาวเฉียบเสียจนแข็งทื่อ

เขาหลับตาลง ปกปิดไว้ซึ่งทุกอารมณ์ที่ฉายออกมาทางแววตา

บรรยากาศโดยรอบดูราวกับว่าจะแข็งค้างไปโดยพลัน

“ครานี้คนมากันเยอะเกินไป ยุ่งยากวุ่นวาย รอให้สงบกว่านี้เสียหน่อยแล้วคงไปเชิญนางมาก็ยังไม่สาย ถ้าจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ พวกเจ้าสองคนเองก็ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้วนี่นะ? อย่างใดเสียการรำลึกถึงวันเก่าๆ ของนายบ่าวก็เป็นสิ่งที่ควรทำ อย่าลืมเสียละว่าของสิ่งนั้นยังอยู่กับนาง”

ริมฝีปากซีดเผือดของมู่ชิงเห่อสั่นระริก ท้ายที่สุดเขาก็เอ่ยออกมาสองสามคำอย่างยากลำบาก

“ทุกอย่างล้วนทำตามที่ท่านสั่งขอรับ”

เสียงหัวเราะเย็นเยียบชวนเสียววาบดังขึ้น ก่อนจะอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปพักใหญ่ มู่ชิงเห่อถึงได้หยัดตัวตรงขึ้นมา

สีเลือดที่เปรอะเต็มบานกระจกทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่ซึ่งตั้งอยู่ไว้ไม่ไกลจากตรงหน้าของเขานักจางลงไปแล้ว เหลือเพียงบริเวณขอบเท่านั้นที่ยังคงเผยให้เห็นร่องรอยสีแดงเข้มเบาบาง

ทั่วทั้งสี่ทิศมืดสนิท ว่างเปล่า และเงียบสงัด

มู่ชิงเห่อค่อยๆ ยืนขึ้นมาอย่างช้าๆ ดวงหน้าครึ่งหนึ่งสว่างครึ่งหนึ่งมืดครึ้ม สีหน้าคลุมเครือไม่ชัดเจน

“อนุชนมีตาหามีแววไม่ คารวะท่านบรรพบุรุษ!”

ภายในค่ายกล อินทรีสามตาจำนวนมากมายต่างพร้อมใจกันมารวมตัว พลางก้มคำนับจื่อเฉินด้วยความเคารพเทิดทูนยิ่ง สีหน้าหรือก็ยากจะปิดบังความตื่นเต้นไว้ได้

แม้ว่าการแสดงออกของจื่อเฉินจะดูเรียบนิ่ง แต่ฉู่หลิวเยว่กับมันเชื่อมลมปราณเข้าไว้ด้วยกัน ย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงความผันผวนของอารมณ์ในใจของมันได้อย่างชัดเจน

ถูกขังมานานกว่าพันปี บัดนี้ได้พบเจอคนในเผ่าตัวเองเสียที จะไม่ให้รู้สึกวูบไหวในใจได้อย่างใด?

“ตามสบายเถอะ ทุกอย่างในเผ่าเรียบร้อยดีหรือไม่?”

จื่อเฉินที่ผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเองได้แล้วเอ่ยปากขึ้นในที่สุด

สิ้นเสียงประโยค สีหน้าของอินทรีสามตาที่ยืนอยู่ตรงข้ามพลันแปรเปลี่ยนไปค่อนข้างละเอียดอ่อนอยู่บ้างทีเดียว

อินทรีสามตาตัวหัวหน้าแสดงสีหน้าอย่างไม่มีทางเลือกออกมา

“ท่านบรรพบุรุษ ข้าขอเรียนท่านตามตรง สถานการณ์ในเผ่า… นับได้ว่าไม่ค่อยดีนัก”

ในใจของจื่อเฉินพลันดิ่งวูบ

“ปีนั้น หลังจากที่ท่านหายตัวไปอย่างกะทันหัน ก็มีคนเข้ามาล้อมโจมตีพวกเราอย่างป่าเถื่อน หลังจากผ่านการต่อสู้ไปอย่างยากลำบาก คนในเผ่าบาดเจ็บล้มตายกันไปมากกว่าครึ่ง สุดท้ายแล้วเพื่อรักษาไว้ซึ่งเลือดเนื้อของเผ่า ทุกคนจึงจากบ้านเก่ามา ร่อนเร่พเนจรไปหลายแห่งจนกระทั่งมาถึงที่นี่”

“หลายปีมานี้กลับไม่มีวี่แว่วข่าวของท่านเลย พวกข้าจึงคิดว่าท่านถูกมนุษย์ใช้หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นั่น…”

อินทรีสามตาตัวหัวหน้าเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็เหลือบมองฉู่หลิวเยว่แวบหนึ่ง

สีหน้าของจื่อเฉินราบเรียบนัก

“เจ้าพูดต่อเลยก็ได้”

“…ขอรับ เป็นเพราะว่าตอนที่ท่านหายตัวไปได้ทิ้งเปลวเพลิงจากหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ พวกข้าจึงใช้สิ่งนี้เป็นเบาะแสตรวจสอบมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่หลายปีผ่านไป ก็สืบหาอันใดไม่ได้เลย จนกระทั่งครานี้ พวกข้าถึงเพิ่งพบว่าของสิ่งนั้นแท้จริงแล้วอยู่ที่…”

มันเงียบไปครู่หนึ่ง

มีอินทรีสามตาจำนวนหนึ่งต่างเสสายตามองไปทางฉู่หลิวเยว่อีกรอบอย่างอดไม่ได้

หากก่อนหน้านี้พวกมันไม่ได้คิดไปเองแล้วล่ะก็ เหมือนว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์… จะอยู่ในร่างของคนผู้นี้!

“ดังนั้นครานี้ ความจริงแล้วเป็นพวกเจ้าที่จงใจจัดฉากเพื่อล่อคนที่มีหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ของจริงให้ออกมา แล้วค่อยหาทางจับตัวไป?”

ฉู่หลิวเยว่คลี่ยิ้มบางเบาพลางเอ่ยถาม

“… ถูกต้อง”

อินทรีสามตาเหล่านี้ก็แสนจะซื่อตรงนัก ต่างก็ยอมรับออกมาแต่โดยดี

จื่อเฉินกับฉู่หลิวเยว่หันมาสบตากันแวบหนึ่ง

“คนผู้นั้นเป็นใครกัน?”

“พวกข้าเองก็ไม่รู้ ตอนที่อีกฝั่งปรากฏตัวก็ไม่ได้แสดงรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงให้คนอื่นเห็น กระทั่งลักษณะรูปร่างเองก็ยังไม่เหมือนกันสักรอบ แต่ว่า… ไม่น่าใช่คนธรรมดาสามัญ”

นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว

สามารถหารังอินทรีสามตาเจอ หนำซ้ำยังชักชวนให้พวกมันยอมร่วมมือได้ แค่นี้ก็สามารถอธิบายได้หลายคำถามแล้ว

ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“จื่อเฉิน คนที่รู้เรื่องความขัดแย้งระหว่างเผ่าอินทรีสามตากับหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์มีใครบ้าง?”

จื่อเฉินหรี่ตาลงพลางส่ายศีรษะ

“คราแรกข้าก็นึกว่าจะมีแค่คนในเผ่าที่รู้เรื่อง แต่ตอนนี้มาดูแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ใช่”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำร้ายเจ้าในตอนนั้น? หรือไม่ก็เป็น… คนพวกนั้นที่ล้อมโจมตีเผ่าอินทรีสามตาหลังจากที่เจ้าเกิดเรื่อง?”

จื่อเฉินตะลึงไปพักหนึ่ง ในแววตาปรากฏร่องรอยอารมณ์อันซับซ้อนเคลื่อนผ่าน

“… ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้… เพียงแต่เวลามันผ่านมาหลายพันปีแล้ว บัดนี้ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตัวของพวกมันอยู่ที่ใด หรือใช้ชีวิตด้วยรูปลักษณ์แบบใดอยู่…”

เวลาเปลี่ยนอันใดๆ ก็เปลี่ยน เวลาที่ยาวนานปานนั้น ไม่ว่าเรื่องอันใดก็ล้วนเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

สองแขนของฉู่หลิวเยว่กอดอกพลางลูบคางของตนเบาๆ สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม

“ดูเหมือนว่าอีกฝ่าย… จะเพ่งเล็งมาที่ข้านะ”

หากใช้หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเหยื่อล่อแล้ว เช่นนั้นปลาที่ต้องงับเบ็ดก็ย่อมเป็นนางอย่างไม่ต้องสงสัย

เพียงแต่ว่าตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถตัดสินได้ในทันทีว่า อีกฝ่ายรู้หรือไม่ว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นาง

หลังพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เบนสายตาขึ้นมาถามว่า

“ตอนนี้พวกเจ้ายังติดต่อกับคนพวกนั้นได้อยู่หรือไม่?”

อินทรีสามตาพร้อมใจกันส่ายศีรษะ

“พวกเขาระวังตัวกันมาก ทุกครั้งล้วนเป็นฝ่ายติดต่อพวกข้ามาก่อน แถมหลังจากนั้นยังจัดการเผาทำลายเบาะแสและหลักฐานทุกอย่างเสียจนหมด พวกข้าเคยคิดไล่ตามไปดูร่องรอยครั้งหนึ่ง ทว่าพวกเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อีกฝ่ายเจ้าเล่ห์มาก แต่ว่ามีข้อหนึ่งที่ยืนยันได้… อีกฝ่ายเองก็อยู่ในบุพกาลชายแดนเหนือเหมือนกัน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์