สุดท้ายเจียงเห่อเทียนก็พาเจียงจื่อหยวนออกไปจากสำนักหลิงเซียว
สองคนพ่อลูกเดินออกจากห้องโถงไป ตลอดทางที่เดินมาถึงม่านพลังของสำนัก พวกเขาต่างไม่พูดไม่จากันเลยสักคำ
เดิมทีผู้อาวุโสฮวาเฟิงจะออกไปส่งด้วยตนเอง แต่สุดท้ายก็ถูกเจียงเห่อเทียนปฏิเสธ
…ในเมื่อเป็นเรื่องที่อับอายขายหน้าขนาดนี้ เขาก็ไม่มีหน้าไปสู้กับเหล่าผู้อาวุโสของสำนักหลิงเซียวอีกแล้ว
เรื่องเดียวที่เขาอยากทำในตอนนี้คือ พาเจียงจื่อหยวนออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!
ระหว่างทางมีศิษย์หลายคนที่เห็นฉากนี้เข้า พวกเขาก็ทำเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิมแล้วชี้นิ้วมาทางนี้ โดยไม่ต้องการที่จะเข้ามาทักทายหรือกล่าวคำอำลาเลย
สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความประชดประชันและหัวเราะเยาะ เหมือนกับฝันร้ายก็ไม่ปาน มันปกคลุมอยู่ในใจของสองพ่อลูกตระกูลเจียง จนไม่สามารถกำจัดออกไปได้
สองผู้อาวุโสที่ดูแลรับผิดชอบม่านพลังก็ไม่ทำให้เขาต้องลำบากใจ หลังจากเห็นเป็นพวกเขา จึงรีบตอบรับและเปิดม่านพลังออกในทันที
เจียงเห่อเทียนเดินนำไปก่อน
ในสถานที่แห่งนี้ เขาไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้อีกแม้แต่นาทีเดียว!
เจียงจื่อหยวนยังยืนอยู่ที่เดิม นางดูอ้อยอิ่ง ภายในใจไม่อยากจะจากที่นี่ไป
นางจึงหันกลับไปมองอย่างอดไม่ได้
หอระฆังบูรพกษัตริย์ตั้งสูงตระหง่าน จัตุรัสชิงหมิงกว้างใหญ่สะอาดสะอ้าน เต็มไปด้วยพลังฟ้าดิน แม้กระทั่งเทือกเขาที่ทอดยาวติดกัน…
ในตอนนั้นเอง บนหอระฆังบูรพกษัตริย์ ก็มีเงาร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
…ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน
เขาสะบัดแขนเสื้อขึ้น บนผนังสีดำของหอระฆังบูรพกษัตริย์ ก็มีรายชื่องานประลองชิงอวิ๋นปรากฏขึ้น!
รายชื่อจำนวนนับไม่ถ้วนส่องประกาย
มันเป็นทั้งเกียรติและศักดิ์ศรี!
คนจำนวนไม่น้อยในสำนักต่างมองเห็น
เจียงจื่อหยวนก็มองเห็นชื่อของตนเอง
แต่ในตอนนั้น ชื่อสามคำของนางก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าถูกลมพัดแล้วปลิวหายไป!
ถูกตัดชื่อออกต่อหน้าธารกำนัล!
เป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!
เจียงจื่อหยวนเดินซวนเซจนเกือบจะล้มลงไปที่พื้น
ความไม่ยินยอมและโกรธแค้นพวยพุ่งออกมาจากภายในใจของนาง
นางอยู่ที่นี่มาหลายปี จะไม่ให้หลงเหลือร่องรอยของนางไว้เลยหรือ?
เพราะนางแสดงความสามารถอันโดดเด่นในสำนักหลิงเซียว นางจึงได้รับสายตาชื่นชมและความอิจฉาจากทุกคน
แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างจะกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว
ความเย่อหยิ่ง เกียรติยศ สรรเสริญ…
ทุกอย่างจะเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น!
เดิมทีนางควรจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด…
“จื่อหยวน”
เจียงเห่อเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวเร่งนาง น้ำเสียงของเขาเย็นชาเล็กน้อย เหมือนว่าพยายามจะสะกดกลั้นอารมณ์อย่างเต็มที่
เจียงจื่อหยวนได้สติกลับคืนมา จึงรีบหมุนตัวออกไป
“มาแล้วเจ้าค่ะ”
ตอนที่นางกำลังจะสาวเท้าเดินออกไป ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างก็ขวางทางเอาไว้
“ช้าก่อน”
เจียงจื่อหยวนรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง
อีกฝ่ายยื่นมือออกมา ใบหน้าไร้อารมณ์ น้ำเสียงเหมือนจะต้องทำตามหน้าที่
เจียงจื่อหยวนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
ความรู้สึกเหมือนกับหมากลางถนน ถูกไล่ออกมาอย่างไร้ความปรานี…
มันทำให้คนรู้สึกรังเกียจอย่างมาก!
นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะมีวันนี้ได้!
แต่ไม่ว่านางจะรู้สึกไม่พอใจขนาดไหน ตอนนี้นางก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของอีกฝ่าย
นางหยิบตราหยกดำของตนเองออกมา แล้วส่งให้
อีกฝ่ายก็รับตราหยกกลับไป แต่กลับพบว่าเจียงจื่อหยวนยังคงจับไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
เขาจึงขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทน
“เจ้าควรจะปล่อยมือได้แล้ว”
“หา? อ่า! อื้ม!”
เจียงจื่อหยวนรู้สึกตัดใจไม่ได้ แต่ก็ต้องถอยหลังออกไปเหมือนกับถูกของร้อนลวกมือ
“เช่นนั้น… เช่นนั้นผู้อาวุโสรักษาตัวด้วย ข้า… ข้ากับท่านพ่อไปก่อน…”
ไม่รอให้นางพูดจบ ผู้อาวุโสทั้งสองท่านก็สะบัดแขนเสื้อ ม่านพลังประสานกันในทันที
คำพูดที่เหลือของเจียงจื่อหยวนจึงติดอยู่ในลำคอ พูดอย่างใดก็พูดไม่ออก
ใบหน้าของเจียงเห่อเทียนเย็นชาขึ้นมา
เจียงจื่อหยวนได้รับความอัปยศอดสู แล้วเหตุใดเขาจะต้องพัวพันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย?
สีหน้าของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าต้องการสลัดพวกเราสองพ่อลูกและเซียนสุ่ยหลิงทั้งหมดทิ้ง!
คนที่ทำความผิดคือเจียงจื่อหยวน สำนักหลิงเซียวไม่ได้เปิดเผยเหตุผลออกไปนับว่าเมตตามากแล้ว
มีเพียงแต่พระราชวังเมฆาสวรรค์เท่านั้นที่คนตระกูลเหลี่ยงจะหวาดกลัว!
ต่อให้พวกเขาอยากจะทำอันใดนางก็จะต้องผ่านด่านนี้ไปก่อน!
หรงซิวไม่ยินยอมที่จะช่วยเหลือนาง ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่สามารถพึ่งพาพระราชวังเมฆาสวรรค์ได้
ในที่สุดสีหน้าของเจียงเห่อเทียนก็ผ่อนคลายลง
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว…
“แน่ใจนะว่าเจ้าจะสามารถรอท่านประมุขอยู่ที่นั่นได้อย่างสบายใจ?”
เจียงจื่อหยวนพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ขอเพียงแค่ท่านไปขอร้องผู้อาวุโสเหล่านั้นให้ส่งข้าไปก็พอแล้ว! แล้วอีกอย่าง…ไม่แน่ว่าเราอาจจะสามารถตรวจสอบตัวตนของซั่งกวนเยว่คนนั้นได้ด้วย…”
“เจ้ายังอยากจะตรวจสอบเรื่องนี้อยู่หรือ?”
เจียงเห่อเทียนมีสีหน้าไม่เห็นด้วย
ก่อนหน้านี้เขาส่งคนไปตรวจสอบซั่งกวนเยว่แล้ว แต่ไม่มีใครกลับมาเลยแม้แต่คนเดียว
เจียงจื่อหยวนที่ลุยเดี่ยวเข้าไปจะสามารถสืบค้นอันใดได้?
สุดท้ายรังแต่จะทำให้แหวกหญ้าให้งูตื่น!
“เจ้าดูแลตนเองให้ดีก่อนเถอะ!”
เมื่อเจียงจื่อหยวนเห็นปฏิกิริยาของเขาเช่นนี้ ก็ชะงักไปแต่ก็ยินยอมทำตามคำแนะนำของเขา
“ลูกทราบแล้ว”
เจียงเห่อเทียนมองดูท่าทางยินยอมของนาง ก็รู้สึกทั้งปวดใจและโกรธ
“ช่างเถอะ! ไปพระราชวังเมฆาสวรรค์! แต่หากเจ้าทำเช่นนี้อีกละก็…”
เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปทันที
เจียงจื่อหยวนระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในใจ แล้วรีบติดตามไปอย่างรวดเร็ว
…
อีกด้านหนึ่ง เมื่อหรงซิวส่งผู้อาวุโสวั่นเจิงออกไปแล้ว
เขาก็ยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนยอดเขา
ชื่อของเจียงจื่อหยวนที่อยู่บนหอระฆังบูรพกษัตริย์ถูกตัดออกไปแล้ว จึงทำให้ภายในสำนักศึกษาเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้น
ผู้คนจับกลุ่มเพื่อพูดคุยเรื่องนี้
สีหน้าของหรงซิวยังคงราบเรียบ สายตามองสูงขึ้นไปเล็กน้อยทางรายชื่ออันดับต้นๆ
ที่แห่งนั้นก็มีรายชื่อหนึ่งที่ถูกลบไปเช่นกัน
ภายในใจของเขามีระลอกคลื่นพลุ่งพล่านขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...