ร่างกายของฉู่หลิวเยว่เสมือนฟองน้ำทะเลที่ดูดซับพลังของยาอย่างบ้าคลั่ง
สองพลังสุดขั้วทั้งความร้อนเร่าและความเย็นยะเยือกกำลังไหลเวียนในร่างกายของนางเพื่อหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อ โลหิต และกระดูกทุกตารางนิ้ว
ความเจ็บหนึบแล่นผ่านเข้ามา ฉู่หลิวเยว่กัดฟันแน่นจนเลือดไหลซึมออกจากมุมปาก
ตั้งแต่ต้นจนจบ นางไม่กรีดร้องเพราะความเจ็บปวดออกมาเลยสักเสียง และอดทนอย่างถึงที่สุด และฝืนกลืนความทรมานทั้งหมดลงไป
ชีพจรเดิมภายในร่างกายของนางที่ไม่สมบูรณ์เหมือนกับลำน้ำแห้งขอดบนผืนดินแตกระแหง
เมื่อพลังเหล่านั้นพลุ่งพล่านเข้ามา ก็เป็นดั่งสายฝนที่โปรยปรายลงมา
ที่ผ่านมาร่างกายของฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถเก็บกักพลังเหล่านี้ได้เลย จึงทำได้เพียงกะพริบตามองพวกมันไหลผ่านไป
ทว่าคราวนี้ คลื่นพลังพุ่งเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดก็สามารถทำให้ชีพจรดั้งเดิมของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย!
ชีพจรเดิมที่แห้งเหือดแตกระแหงค่อยๆ ชุ่มชื้นและเริ่มขยายยืด
เมื่อเวลาผ่านไป สีของยาที่แช่ในถังอาบน้ำก็ค่อยๆ เจือจางลง
ฉู่หลิวเยว่แทบจะดูดซับพลังที่แฝงอยู่ภายในนั้นทั้งหมด
ฉู่หลิวเยว่ประหลาดใจเมื่อพบว่าพลังส่วนหนึ่งของยาได้หลอมรวมเข้าสู่ร่างกายของนางไปหล่อเลี้ยงชีพจรเดิม ทำให้เส้นชีพจรส่วนที่ไม่สมบูรณ์เริ่มขยายตัวออกไป และบางส่วนที่เหลือกลับไหลเข้ามาในทะเลสาบเล็กๆ ตรงตำแหน่งตันเถียนของนาง
ทะเลสาบนั้นมีขนาดเล็กมากและมีสีอ่อนเจือจาง พลังนั้นไหลเข้าไปข้างในแต่กลับหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับว่าถูกบางสิ่งบางอย่างกลืนกินไปหมดแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ใช้เวลาสังเกตอยู่เนิ่นนานก็พบว่าทะเลสาบนั้นเหมือนหลุมลึกไร้จุดสิ้นสุด นอกจากระลอกคลื่นแล้ว ก็ไม่เห็นร่องรอยของพลังเหล่านั้นเหลืออยู่เลย
นางยิ่งเกิดความสงสัย
ทะเลสาบนี้เปลี่ยนมาจากหน้ากระดาษหนังสือขาดแหว่งที่โปร่งใสนั้น ตอนแรกเริ่มก็มีคาถาโลหิตอันน่าลึกลับปรากฏอยู่บนนั้น ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยปรากฏขึ้นมาอีกเลย
ตกลงมันคือสิ่งใดกันแน่ แล้วมันมีที่มาอย่างไร
หลังจากค้นหาความทรงจำของร่างเดิมอย่างละเอียดแล้ว นางก็ไม่พบความทรงจำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับมันอีก ราวกับว่ามันปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าก็มิปาน
ที่สำคัญคือ นางไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน แต่นางก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก
ราวกับว่า…มันมาพร้อมกับการกลับชาติมาเกิดใหม่ของนาง!
ตอนนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ชัดเจนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ ฉู่หลิวเยว่จึงไม่เก็บมาคิดอีก แล้วตั้งใจฟื้นฟูชีพจรเดิมต่อไป
ค่ำคืนหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อรุ่งอรุณมาถึง เมื่อประสิทธิภาพของยาถูกดูดซับไปจนเกือบหมดแล้ว ฉู่หลิวเยว่จึงลุกขึ้น
หลังจากเก็บกวาดพอเป็นพิธีแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็หาไม้หลายๆ ท่อนมาทำแท่นไม้สำหรับฝึกกายกรรมแบบเรียบง่าย จากนั้นแกะสลักไม้เป็นรูปคนตั้งเอาไว้ข้างๆ สุดท้ายนำกระสอบทรายมาผูกติดกับแขนและขาทั้งสองข้างเพื่อเริ่มต้นฝึกฝน
เงื่อนไขช่างแสนง่ายดาย แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ นี่เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่นางสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายได้อย่างรวดเร็วที่สุด
ตระกูลฉู่มีลานฝึกต่อสู้โดยเฉพาะ แต่นางถูกกีดกันมาโดยตลอด หากนางไปอาจสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น
แม้นางจะไม่เกรงกลัวความเดือดร้อน แต่ยามนี้นางไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านั้น
ก่อนหน้านี้นางได้เชือดไก่ให้ลิงดู ทั้งยังเอาเรื่องสัญญาแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาทมาข่มขู่ให้ผู้อาวุโสและฉู่เซียนหมิ่นเกิดความตื่นกลัว จึงหายเงียบไปสักพัก
นางต้องฉวยเอาช่วงเวลานี้ปรับสภาพร่างกายนี้ให้ดีที่สุด!
เมื่อวิ่งอยู่ภายในลานบ้านไม่นาน นางก็เริ่มมีเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก แล้วก็รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งร่างราวกับถ่วงด้วยตะกั่ว
นางรู้สึกจนปัญญา ร่างกายนี้อ่อนแอมากจริงๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง แม้กระทั่งยาก็อาจจะไม่มีทางดูดซับเข้าไปได้หมด นับประสาอะไรกับอย่างอื่น
เสื้อผ้าของนางค่อยๆ เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
ยามนี้คือเดือนเจ็ด เป็นช่วงที่อากาศร้อนจัด การออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงภายใต้แสงแดดเจิดจ้าเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็นึกภาพออกว่ามันยากเพียงใด
ริมฝีปากของนางขาวซีด เหงื่อไคลไหลย้อยไปตามเรียวหน้า เส้นผมสีดำขลับแนบติดใบหน้า ดูแล้วช่างน่าเวทนาเหลือเกิน
หลังจากกำลังในร่างกายทะลุถึงขีดสุด ขาทั้งสองข้างของนางก็อ่อนล้าจนแทบล้มไปกองกับพื้น
ทว่าแทนที่จะหยุด นางกลับเดินไปอยู่ข้างหน้าหุ่นแกะสลัก จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่มฝึกกลยุทธ์โจมตี
ในอดีตชาติ หลังจากที่นางสามารถบรรลุเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามได้ในตอนอายุแค่เจ็ดขวบ นางก็ไม่ได้เข้าสู่การฝึกฝนด้านนี้อีก แต่หันไปเชี่ยวชาญในการฝึกวรยุทธ์ขั้นสูงและยันต์คาถา
ตอนนี้หยิบขึ้นมาใช้ใหม่ก็เป็นประโยชน์กับนางมากเช่นกัน
ปึก!
ปึก!
ปึก!
ในลานที่เงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงของร่างกายกระทบกับท่อนไม้เท่านั้น ซึ่งน่าเบื่อมาก
ดูเหมือนฉู่หลิวเยว่จะไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และฝึกฝนด้วยตนเองอย่างบ้าคลั่ง
…
ร้านหลงหู่เป็นร้านขายอาวุธของตระกูลฉู่ที่มีชื่อเสียง ทั่วไปแล้วจะขายพวกดาบ ปืน และกระบี่ ส่วนฉู่หนิงเป็นรองเถ้าแก่
เพราะเขามีความรู้เกี่ยวกับอาวุธต่างๆ มาก่อน เขาจึงถูกส่งมาที่นี่หลังจากได้รับบาดเจ็บ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์