“เจ้ารู้จักฉู่เยว่หรือ?”
ผู้อาวุโสเหวินซีเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา
ฉู่เยว่เข้ามาที่สำนักได้หลายเดือนแล้ว แต่ประวัติยังคงเป็นความลับ ตอนนี้พวกเขาทุกคนรู้เพียงว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับหรงซิวเท่านั้น อีกทั้งเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นน้องชาย แต่นี่ไม่มีหลักฐานยืนยัน เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น
แต่กลับมีคนรู้จักของฉู่เยว่ปรากฏขึ้นมาอย่างหาได้ยากอีกหนึ่งคน
“ข้ากับเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน!”
มู่หงอวี่ยิ้มออกมา ดวงตาเปล่งประกาย
“อย่างนี้นี่เอง เป็นเรื่องที่บังเอิญมาก ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาสอบเข้าสำนัก ข้าก็เป็นคนทดสอบเขา”
ผู้อาวุโสเหวินซีลูบเครา พร้อมพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
มู่หงอวี่ดวงตาเปล่งประกาย
“จริงหรือ?”
มิน่าล่ะตอนที่อีกฝ่ายพูดถึง “ฉู่เยว่” น้ำเสียงดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ที่แท้ก็มีโชคชะตาเช่นนี้อยู่!
“มา เริ่มเลยเถอะ! หากเจ้าสามารถผ่านการทดสอบได้อย่างราบรื่น เจ้าก็สามารถเข้าสำนักไปเจอกับเขาได้!”
เดิมทีผู้อาวุโสเหวินซีก็มีความประทับใจที่ดีต่อมู่หงอวี่ ตอนนี้เมื่อได้ยินมาว่านางเป็นเพื่อนสนิทของฉู่เยว่ ภายในใจจึงมีความสนิทสนมเพิ่มขึ้นหลายส่วน
“อื้อ!”
มู่หงอวี่พยักหน้า นางวางมือบนหยกดำทดสอบแผ่นนั้นทันที
นางกลั้นลมหายใจรวบรวมสมาธิ ท่าทางจริงจัง โคจรลมปราณของตนเองอย่างระมัดระวัง และถ่ายเทพลังไปด้านใน!
พรึ่บ!
ตัวอักษรแถวหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้น!
“อายุสิบเจ็ดปี จอมยุทธ์ระดับเก้าขั้นต้น!”
ผู้อาวุโสเหวินซีเบิกตากว้างขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมจ้องไปที่ตัวอักษรแถวนั้นอยู่สักพัก
จนกระทั่งตัวอักษรเหล่านั้นค่อยๆ จางหายไป เขาถึงได้กะพริบตา ก่อนจะหันไปมองทางมู่หงอวี่ ใบหน้าปกปิดความชื่นชมไม่มิด
“เจ้า… เจ้าเพิ่งอายุสิบเจ็ดปี แต่กลับเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าแล้วหรือ?”
เขารู้ว่าแม่นางน้อยคนนี้น่าจะอายุไม่เยอะ แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายอายุแค่สิบเจ็ดปีเท่านั้น
อ่า จริงสิ ตอนนี้ฉู่เยว่ก็น่าจะเพิ่งสิบเจ็ดเท่านั้น
พรสวรรค์เช่นนี้ ต่อให้เทียบทั้งสำนักหลิงเซียวนางก็ถือว่าโดดเด่นอย่างมาก!
หรือว่าสหายที่อยู่ข้างกายของฉู่เยว่ก็เก่งกาจเช่นนี้หมด?
มู่หงอวี่ถอนมือกลับมา พร้อมหันมองผู้อาวุโสเหวินซีด้วยสายตารอคอย
“เช่นนั้น… ผู้อาวุโส ข้าสอบผ่านหรือไม่?”
“ฮ่าๆ! ผ่าน! ผ่านแน่นอน!”
ผู้อาวุโสเหวินซีชะงักไปเล็กน้อย แล้วอดหัวเราะขึ้นมาเสียงดังไม่ได้
หากเมื่อครู่นี้ไม่ผ่าน ถ้าเช่นนั้นก็ต้องไล่ศิษย์หลายคนในสำนักหลิงเซียวออกไปแล้ว!
ผู้อาวุโสเหวินซียิ้มออกมา พร้อมถอนหายใจออกมาและคิดว่าตนเองนั้นโชคดีไม่เบา
ก่อนหน้านี้มีฉู่เยว่ ตอนนี้ก็มีมู่หงอวี่เพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว
ช่างเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีและหายากอย่างยิ่ง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ช่วงนี้สำนักมีเรื่องปั่นป่วนวุ่นวาย ครึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรเข้ามาสมัครสอบเข้าสำนักหลิงเซียวเลย
ยากมากที่จะผ่านมาสักคน แต่คนที่มานั้นกลับยอดเยี่ยมยิ่ง!
หึ
สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสเหวินซีที่เคยหดหู่เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อารมณ์ดีขึ้นมามากเลยทีเดียว
เขาหยิบตราหยกดำออกมา หัวใจของเขาเต้นแรง ลำแสงจางๆ สว่างวาบขึ้นมาแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ส่งไปให้มู่หงอวี่
“นี่คือบัตรผ่านที่ใช้เข้าออกสำนักของเจ้า นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงตัวตนของเจ้าอีกด้วย”
ง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ?
มู่หงอวี่ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พร้อมรับตราหยกสีดำมาด้วยสองมือ แล้วพลิกตราหยกอันนั้นไปมา แล้วรู้สึกหวงแหนมันอย่างยิ่ง
นางรู้ว่าตนเองสามารถเข้าไปที่สำนักหลิงเซียวได้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความสุขขนาดนี้!
เมื่อสัมผัสกับตราหยกสีดำที่เย็นเล็กน้อย ในใจของนางยังรู้สึกว่านี่เป็นความฝันอยู่เลย
…นางสามารถเข้าสู่สำนักอันดับหนึ่งของอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ง่ายๆ เช่นนี้หรือ?
ความจริงแล้ว เพราะว่านางสนิทกับฉู่หลิวเยว่ มู่หงอวี่จึงเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับฉู่หลิวเยว่อยู่ตลอดโดยไม่รู้ตัว
ฉู่หลิวเยว่เรียกได้ว่าโรคจิต อีกทั้งเมื่ออยู่ด้วยกันนานเข้า มู่หงอวี่ก็เลยโรคจิตไปด้วย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ร่างกายของนางที่ปรากฏขึ้นมาในรอบพันปี เดิมทีก็ไม่สามารถเทียบกับคนธรรมดาได้อยู่แล้ว
ดังนั้นแม้ว่านางจะโดดเด่นมากแค่ไหน แทบจะไม่เคยทำความรู้จักตนเองอย่างแท้จริงเลย
นางตอบรับหนึ่งคำและไม่ได้ถามอันใดต่อ
…
สำนักหลิงเซียว เขาเฝิงหมิน
ตอนที่ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมาถึงที่นี่ ความวุ่นวายของเขาเฝิงหมินก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว และดูไม่ได้แตกต่างจากเดิม
แต่คิ้วของเขาก็ยังขมวดแน่นอยู่
“เมิ้งเหล่า”
เขาประสานหมัดขึ้น ทำความเคารพไปทางเจดีย์อย่างมีมารยาท
แม้ว่าตอนนี้ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจะกุมอำนาจทั้งหมด แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ ก็ต้องให้ความเคารพกับอีกฝ่ายอย่างมาก
เมิ้งเหล่านั้นอาวุโสกว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนไม่น้อยเลย
หลังจากผ่านไปสักพัก เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นมา
“ปั๋วเหยี่ยน เจ้ามาที่นี่ในครั้งนี้ มีอันใดหรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนถามขึ้นมาอย่างลังเล
“ก่อนหน้านี้ข้าสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเขาเฝิงหมิน ไม่ทราบว่า… มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”
หากเป็นสถานที่อื่นก็แล้วไปเถอะ แต่ที่นี่คือเขาเฝิงหมินเชียวนะ!
มีเมิ้งเหล่าเป็นคนดูแล ความจริงแล้วความเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่ทำให้เขาตกใจได้เลยด้วยซ้ำ
แต่เขาก็ยังวางงานในมือลง แล้วรีบตรงมาที่นี่ทันที
น้ำเสียงของเมิ้งเหล่ายังคงราบเรียบเช่นเดิม
“เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องกังวล”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนถอนหายใจออกมา
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว…”
“ที่แห่งนี้ไม่มีอันใดแล้ว เจ้าไปทำงานของเจ้าต่อเถอะ” เมิ้งเหล่าพูดขึ้นเสียงเรียบ
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ทันใดนั้นเขาก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันกลับไป
ในแววตาของเขามีความลังเลอยู่หลายส่วน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลดเสียงลง แล้วถามขึ้นว่า
“เมิ้งเหล่า ของที่นังหนูคนนั้นทิ้งเอาไว้ ยังอยู่ดีหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...