เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1529

นามนั้นดูราวมีใครบางคนจงใจลบมันออก หากแต่ตอนนี้ตัวอักษรนั้น กำลังปรากฏขึ้นมา เผยให้เห็นความเดิมของมัน

คำว่า ‘เยว่’ พุ่งออกมาอย่างเด่นชัดจนเกือบทะลุม้วนกระดาษ!

ตอนนี้นางกลับคือสู่ระดับเทพขั้นสูงแล้ว และเรียกคืนอาณาเขตเซียนเทพกลับมาได้แล้ว

ทำให้ชื่อของนางปรากฏขึ้นขึ้นบนบันทึกหมื่นเซียนม้วนนี้อีกครั้ง

แต่ตำแหน่งที่ไว้สำหรับเขียนแซ้สกุล กลับยังถูกปกปิดไว้ตามเดิม

หรงซิวยกมือขึ้น กลุ่มเปลวไฟสีทองลุกไหม้บนปลายนิ้วของเขา!

ครั้นยื่นมือเข้าไปใกล้ ก็ทำให้ชื่อนั้นสว่างขึ้นด้วยแสงจากเปลวไฟ

และถ้าเข้าใกล้กว่านี้ ชื่อนั้นก็จะถูกลบอีกครั้ง

เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง และสุดท้ายก็หยุกการกระทำนั้นลง แล้วม้วนคัมภีร์ไว้ตามเดิม ก่อนจะมองไปยังภูเขาว่านหมื่นเมรัยด้วยลึกล้ำ

เยว่เออร์ คราวนี้ เจ้าต้องรักษาคำพูดนะ

เขาไม่อยาก และไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องแบบเดิมขึ้นซ้ำสองเด็ดขาด!

เวลาล่วงเลยไปทีละน้อย และเพียงพริบตา ก็ถึงคราแห่งราตรีกาล

พระจันทร์ดวงใหญ่สุกสว่างลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า นภาในยามค่ำคืนนั้นมืดมิดแลเงียบงัน

ค่ำคืนที่สดใสและเยือกเย็นราวธารา คืบคลานเข้ามาปกคลุมทุกสิ่งอย่าง ราวติดอยู่ในม่านหมอกหนาอันเย็นเฉียบ

เมื่อมองจากระยะไกล มีเพียงด้านนอกของภูเขาหมื่นเมรัยเท่านั้น ที่ยังทอแสงเจิดจ้า

ทว่าทุกคนรู้ดีว่าเบื้องหลังแสงอันเจิดจรัสนั้น มีอันตรายอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่!

ด้านนอกภูเขาหมื่นเมรัย ตั้งแต่พื้นดินจนถึงกลางอากาศ ถูกเหล่าผู้อาวุโสของสำนักวิชาล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา

เมื่อเห็นการเตรียมพร้อมเช่นนี้ แม้นศิษย์ส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็รู้ว่าวิกฤตในครานี้ มิใช่เรื่องกระจ้อยร่อยอย่างที่คิด

ทั่วทั้งจัตุรัสชิงหมิงอันกว้างใหญ่ตกอยู่ในความเงียบ

บรรยากาศรอบด้านเย็นยะเยือกและเงียบกริบราวกับถูกแช่แข็ง

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมองลงไปด้านล่างอีกครั้ง

สายตาคมทอดมองค่ายกลสีทองที่หรงซิวสร้างขึ้น สำหรับคนนอกอย่างพวกเขาแล้ว มันยากเกินกว่าที่จะมองเห็นเหตุการณ์ภายในได้

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เขากลับไม่ได้ยินเสียงคลื่นผันผวนของพลังปราณด้านในเลยแม้แต่น้อย

และมันทำให้เหล่าผู้อาวุโสวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ

“สั่งให้ศิษย์ทุกคนกลับไปก่อนเถอะ”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกล่าวเสียงต่ำ

“นางหนูเยว่เออร์ลงไปครานี้ ไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะออกมา หากให้ทุกคนรออยู่ที่นี่ คงมิใช่การดีสักเท่าใด”

นอกจากจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว การที่หลายคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็มีแต่จะพาลให้ไม่สบายใจกันถ้วนหน้า

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าตอบ

“เช่นนั้นก็ให้พวกเขากลับที่พักไปก่อน แล้วค่อยแอบส่งผู้อาวุโสไปเฝ้าพวกเขา”

ในเวลาแบบนี้ ไม่ควรเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นอีก

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงตอบรับ และรีบไปดำเนินการทันที

หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าลูกศิษย์ลูกหาก็ถูกผู้อาวุโสหลายคนพากลับไปยังที่พัก

แม้บางคนอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ แต่ก็มิอาจฝืนคำสั่งของสำนักได้ สุดท้ายแล้วพวกเขาจึงยอมรับฟัง และกลับไปแต่โดยดี

“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน”

จู่ๆ ก็มีหนึ่งดังแผ่วมาจากด้านข้างอย่างเป็นกังวล

ผู้อาวุโสปั๋วเหนี่ยนหันศีรษะไปมองทันที

“ผู้อาวุโสซั่งกวน”

“นี่…ตาน้ำพุบนเขาหมื่นเมรัยนี่ ความจริงแล้วเกิดอันใดขึ้นกันแน่รือ?”

ซั่งกวนจิ้งคิดอยากถามเช่นนี้มานานแล้ว

ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณที่ถูกผนึกไว้ในกระบี่ เขาได้ติดตามฉู่หลิวเยว่ไปภูเขาหมื่นเมรัยอยู่ หลายครั้ง

เขารู้ว่ามีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในตาน้ำพุบนเขาหมื่นเมรัย และเหมือนว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างมาก

มิฉะนั้นผู้อาวุโสปั๋วเหนี่ยนและคนอื่นๆ คงจะไม่วิตกกังวลเพียงนี้

หลังจากเห็นเกล็ดหิมะสีขาวที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในช่วงกลางที่ผ่านมา เขาก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองสงสัย

ยามนี้นังหนูเยว่เออร์เข้าไปในนั้นนานแล้ว แต่ยังไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดใด

ซั่งกวนจิ้งไม่กล้าคิดไปไกลกว่านี้

ราวกับมองว่าซั่งกวนจิ้งกำลังคิดอะไรอยู่ ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจึงเอ่ยปลอบเขาเบาๆ

“อันที่จริง หลายปีมานี้มิได้เกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้นกับตาน้ำเลย และตอนนี้ ทุกคนกับหรงซิวเองก็อยู่ที่นี่ แม่หนูเยว่เออร์จะต้องกลับออกมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”

ซั่งกวนจิ้งรู้ว่าอีกฝ่ายแค่ปลอบใจตน

จริงๆ แล้วตอนนี้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เขายังเห็นความตื่นตระหนกและความตกใจของพวกผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนอยู่เลย

พวกเขาเองก็ไม่คิดว่าจะเห็นอะไรแบบนี้

ยิ่งไปกว่านั้น นังหนูนั่นก็ยืนกรานจะลงไปเอง จะให้โทษใครอื่นคงไม่ได้

เขาแอบถอนหายใจกับตัวเอง

สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือ อดทนรอ

“จริงสิ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…”

ซั่งกวนจิ้งเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนลังเลไม่กล้าพูด

“ผู้อาวุโสซั่งกวนต้องการพูดอันใด ก็พูดมาเถอะ” ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกล่าว

หลังจากหยุดชะงักไปชั่วครู่ ซั่งกวนจิ้งก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเงยหน้ามองเขาด้วยท่าทางแน่วแน่

“เยว่เออร์…เมื่อก่อนนางเคยเป็นศิษย์ของสำนักหลิงเซียวหรือ?”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนชะงัก

“ท่านไม่รู้เรื่องนี้รึ?”

ซั่งกวนจิ้งขืนยิ้ม

“ข้าเพิ่งหลุดพ้นจากบุพกาลชายแดนเหนือ จะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างใด?”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนคิดตามและเห็นด้วยกับเขา

ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่า…เพราะนังหนูเยว่เออร์มีซั่งกวนจิ้งคอยสนับสนุน นางถึงได้กล้าบ้าบิ่นเช่นนี้

แต่พอมาคิดดูตอนนี้ เขาน่าจะคิดผิดกระมัง?

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า

“อันที่จริง ตอนนี้พวกเราเองก็ยังไม่แน่ใจเท่าใด หลายปีก่อนเมื่อนางมาที่สำนักวิชา นางมีอายุสิบเจ็ดสิบแปดหนาว แม้นรูปร่างหน้าตาจะละม้ายคล้ายคลึงนางในตอนนี้มาก แต่ก็ยังมีจุดที่แตกต่างนิดหน่อย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์