เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1532

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเจ็บแน่นไปทั่วทรวงอก นัยน์ตาสั่นไหวลุกลี้ลุกลน

บรรดาผู้อาวุโสรอบตัวเขาพลันขมวดคิ้ว แล้วหันมามองด้วยความตกใจ

อะไรกัน?

จากที่อี้เหวินจั๋วกล่าวมา หรือว่าการที่เจ้าสำนักปลีกตัวออกไปในปีนั้น จะเกี่ยวกับแม่หนูนั่นจริงๆ?

“ท่านรองเจ้าสำนัก เรื่องนี้ยังมิอาจสรุปได้ ทุกอย่างยังเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น การที่ท่านกล่าวเช่นนี้โดนปราศจากหลักฐาน เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”

มือที่ซ่อนอยู่ใต้ชายเสื้อของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกำหมัดแน่น

“หากคำพูดเหล่านี้แพร่งพรายออกไป ไม่เพียงแต่ทำให้เยว่เออร์เสียหายแล้ว ยังส่งผลต่อชื่อเสียงขอเจ้าสำนักด้วย ดังนั้นโปรดระวังคำพูดของท่านด้วย!”

“หลักฐานรึ?”

อี้เหวินจั๋วหรี่ตาลง พลันยิ้มเยาะในทันใด ราวกับไม่สนใจคำพูดของเขา

“ทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนี้แล้ว ยังต้องการหลักฐานอันใดอีก?”

“ก่อนที่นางหนูผู้นั้นจะมาที่นี่ สำนักของเราล้วนสงบสุขดี ทว่าแต่ตั้งที่นางเข้ามา ก็ทำให้ทั้งสำนักวุ่นวายไปหมด! กี่ครั้งแล้วที่เจ้าสำนักต้องคอยเก็บกวาดให้นาง? สุดท้ายแล้ว จนกระทั่งในยามที่น้องกำลังจะจากไป เขาก็ยังต้องตามเช็ดตามล้าง สะสางเรื่องวุ่นวายให้นางไม่หยุด!”

“ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางจริงๆ ล่ะก็ แล้วเจ้าจะอธิบายอย่างใด ว่าเหตุใดหลังจากที่นางออกจากสำนัก เจ้าสำนักถึงได้หายตัวตามไปด้วย?”

“หลายปีมานี้ ไม่มีข่าวคราวจากนางเลย ทางเจ้าสำนักเองก็ไม่มี! แม้แต่จดหมายสักฉบับก็ไร้วี่แวว! เขาให้ความสำคัญกับสำนักวิชามาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะมีใครหรือมีเรื่องอะไรให้ห่วง เขาจะออกไปจากสำนักตั้งหลายปี แล้วไม่มีทีท่าว่ากลับมาเช่นนี้หรือ?”

และซั่งกวนเยว่ผู่นั้นเอง ก็เป็นศิษย์ที่รักที่สุด!

อี้เหวินจั๋วกล่าวพลางโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น พร้อมจ้องมองผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจนแทบสิงร่าง แล้วกระซิบเสียงเบา

“แล้วก็ ตอนที่เขามอบหน้าที่ให้เจ้าดูแลสำนักต่อ เขาไม่ได้พูดอันใดกับเจ้าจริงๆ หรือ?”

อี้เหวินจัวพูดแบบนี้ ขณะแค่นเคี้ยวเขี้ยวฟัน

เพราะตอนนั้น เขาเองก็ยังอยู่ในสำนักวิชาด้วย

แต่เจ้าสำนักกลับมอบอำนาจทุกอย่างในสำนักวิชา รวมทั้งอำนาจที่ควรจะป็นของรองเจ้าสำนักอย่างเขา ให้ปั๋วเหยี่ยนเพียงคนเดียว!

ซึ่งมันไม่ต่างจากการตบหน้าเขากลางสาธารณชนเลย!

เนื่องด้วยเหตุประการฉะนี้ ทำให้อี้เหวิจั๋วฉุนเฉียวอย่างมาก และออกไปจากสำนักทันที หลังจากนั้นหลายปี เขาก็เพิกเฉยต่อเรื่องต่างๆ ในสำนักเช่นกัน

ในเมื่อเขาไม่มีสิทธิ์ปกครองสำนัก แล้วจะให้เขาเป็นห่วงเป็นไยเหตุใด?

หากมิใช่ว่าครั้งนี้เขาได้ยินว่าเกิดเรื่องมากมายขึ้นในสำนักหลิงเซียวติดต่อกัน บวกกับถ้าจวินจิ่วชิงไปเชิญเขาให้กลับมาดูด้วยตัวเอง เขาคงไม่คิดจะกลับมา

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกำมือแน่นจนเส้นเลือดขึ้นหลังมือ แต่ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง

เขาพูดอย่างใจเย็น

“เจ้าสำนักกล่าวเพียงว่า ให้ข้าดูแลสำนักวิชาให้ดีที่สุด นอกเหนือจากนั้น เขาไม่ได้พูดอันใดอีก”

อี้เหวินจั๋วกูร้องในใจด้วยความไม่เชื่อ เขายืนตัวขึ้นและถอยหลังไปสองก้าว และผละตัวออกห่างจากผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน

เขาทำทีปัดเสื้อผ้าราวปัดสิ่งสกปรก

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนทำเป็นไม่เห็นอากัปกริยานั่น

“ในเมื่อเขาว่าเช่นนั้น งั้นเจ้าก็จงทำเสีย หากไม่อยากเปิดใช้งานค่ายกลกระสวยสวรรค์ แล้วเจ้าคิดหรือว่าวิธีอื่นจักแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบนเขาหมื่นเมรัยได้?”

อี๋เหวินจั๋วหัวเราะเยาะ หัวตาและเรียวคิ้วของเขาเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน

อย่าว่าแต่ปั๋วเหยี่ยนเลย ต่อให้ตอนนี้ผู้อาวุโสทุกคนในสำนักร่วมมือกัน ก็มิอาจรับมือกับสถานการณ์นี้!

หากเจ้าสำนักกลับมา คงจะพอมีหวังบ้าง

แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?

“เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นในยามที่พวกข้าได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนัก แน่นอนว่าพวกข้าต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด และหากเกิดอันใดขึ้น ปั๋วเหยี่ยนผู้นี้จะรับผิดชอบเอง”

แต่ไหนแต่ไรผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนนั้นมีนิสัยอ่อนโยนแลสงบนิ่ง แต่มีเพียงคนที่รู้จักเขาดีเท่านั้น ที่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนใจแข็งมากๆ

ไม่เช่นนั้น เจ้าสำนักคงไม่วางใจปล่อยปล่อยให้เขาจัดการเรื่องทุกอย่างในสำนักหรอก

“เจ้า…”

อี้เหวินจั๋วคิดไม่ถึงว่ายามนี้แล้ว ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจะยังกล้าเถียงเขาอยู่อีก

“เช่นนั้นก็รอดูว่าเจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือไม่!”

“ถ้าเขาคนเดียวเอาไม่อยู่ เช่นนั้นก็เพิ่มข้าเข้าไปด้วยประไร?”

จู่ๆ เมิ้งเหล่าที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นมาเนือบๆ

อี้เหวินจั๋วชะงัก

“เมิ้งเหล่า? นี่ท่าน…”

เมิ้งเหล่าถือเป็นผู้อาวุโสระดับสูง และสถานะของเขาในสำนักเองก็ไม่ธรรมดา

ต่อให้เห็นอีกฝ่ายแล้ว เขาก็ยังหลุดเสียงเรียก ‘เมิ้งเหล่า’ ด้วยความเคารพ

หรงซิวหรี่ตาเรียวคมราวปักษาลงเล็กน้อย

จวินจิ่วชิงเบ้ปากเยาะเย้ย

“ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ เจ้าก็ยังไม่พัฒนาเหมือนเดิม”

“ข้านึกว่าประสบการณ์ครั้งที่แล้ว จะสอนบทเรียนให้เจ้าเสียอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าคงประเมินเจ้าสูงเกินไป”

แม้ว่าเขายังรู้เลยว่าควรจะทำเช่นไรเพื่อป้องกันมิให้นางกลับมา ด้วยเหตุนี้ เขาถึงได้พาตัวฉู่หนิงไป และพาเขาไปยังที่ที่ห่างไกลจากสำนักหลิงเซียวหลายพันลี้

นั่นเพราะเขาไม่อยากให้นางมาที่นี่อีก

น่าเสียดายที่…

นางมิใช่แค่กลับมาเท่านั้น แต่ยัง…จำเรื่องในอดีตได้ด้วย!

เช่นนนั้นการคืนอาณาเขตเซียนเทพ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดี!

จวินจิ่วชิงหลุบมองด้านล่างอย่างเย็นชา

ภูเขาหมื่นเมรัยกำลังจะระเบิด…

ค่ายกลสีทองนั้นคงคุมมันได้อีกไม่นาน!

และฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ด้านในก็จะเป็นคนแรกที่รับผลกระทบ!

ถ้าครั้งนี้เกิดเรื่องขึ้นอีก เขาไม่เชื่อว่าหรงซิวจะยังเหลือพลังพอช่วยให้พานางไปเกิดใหม่ได้!

คำพูดเหล่านี้ช่างบาดหูนัก

เดิมทีจวินจิ่วชิงคิดว่าหรงซิวจะโกรธตน

แต่กลับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อีกฝ่ายชะงักไปพักหนึ่ง ราวไตร่ตรองคำพูดของเขา

ก่อนจะหยกยิ้มออกมาทันที

พร้อมกับน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังชัดเจนในหูของจวินจิ่วชิง

“นางคือสตรีของข้า ไม่ว่านางจะทำอันใด ข้าจะทำด้วย”

แย่ที่สุด ก็แค่ตายไปด้วยกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์