เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1546

เสียงที่ได้ยินนี้ดูเหมือนว่ามันจะมาจากสถานที่อันแสนไกล แต่ผู้คนกลับได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน ราวกับอยู่ตรงหน้าพวกเขา!

ทุกคนต่างตกใจและพากันหันไปมอง!

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิด ได้ปรากฏร่างหนึ่งที่กำลังก้าวเข้ามาหาพวกเขา!

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ต่างพากันประหลาดใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า

“ท่านเจ้าสำนัก!”

ท่าทีของอี้เหวินจั๋วกลับเปลี่ยนไป

เหตุใดเขาถึงได้กลับมาในเวลานี้!

เหล่าบรรดาลูกศิษย์ในสำนัก ต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงนี้

ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเคยได้ยินข่าวเล่าลือต่างๆ เกี่ยวกับเจ้าสำนักคนนี้ แต่ไม่เคยพบเห็นด้วยตาของพวกเขาเลยสักครั้ง

ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ไม่มีผู้ใดที่จะไม่รู้จัก หนานซู่ไหว เจ้าสำนักแห่งสำนักหลิงเซียว ผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดในใต้หล้า!

เซียนหมอ จอมยุทธ์ และปรมาจารย์ ทั้งสามระดับนี้ เขาได้ขึ้นไปถึงระดับที่แข็งแกร่งที่สุดมาแล้ว!

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่เข้าเรียนสำนักหลิงเซียวแห่งนี้ เพียงเพราะต้องการเป็นศิษย์ของเขา

แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อตัวเขาเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ค่อนข้างสูง หลายปีที่ผ่านมานี้ มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เขายอมรับมาเป็นศิษย์

เขาโปรดปรานศิษย์ผู้นี้ยิ่งนัก มากจนถึงขั้นที่ทำให้เขาฉุนเฉียวจนโกรธเกรี้ยวขึ้นมาได้

อีกทั้งอาจารย์และศิษย์คู่นี้ ล้วนเป็นยอดอัจฉริยะในเหล่าบรรดาผู้มีปัญญา และเป็นยอดผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจมีผู้ใดทัดเทียมได้

จึงทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าจะอิจฉาริษยาหรือเกลียดชังใครก่อนดี

มีคนจำนวนมากที่อยากเป็นสานุศิษย์ของหนานซู่ไหว แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนอีกไม่น้อยเลยที่อยากจะเป็นอาจารย์ของฉู่หลิวเยว่!

ในเวลานี้ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างพากันมองไปยังบุคคลที่อยู่บนฟากฟ้านั้นด้วยความสงสัยและเลื่อมใสศรัทธา

บุคคลผู้นั้นคือชายชรา สวมเสื้อคลุมยาวสีขาวและมีตราหยกสีเขียวคาดไว้ที่เอว

นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ไม่ได้มีสิ่งอื่นใดประดับไว้บนร่างนั้นอีก

ชายชราผู้นั้นมีผมขาว ใบหน้าเปล่งปลั่งดุจทารก แต่จิตวิญญาณกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง

สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านมา ทำให้แขนเสื้อเขานั้นพลิ้วไหวไปตามลม ช่างดูโดดเด่นราวกับเป็นอมตะ

หากมองเพียงแค่แวบแรก คนผู้นี้ช่างสง่างามเหมือนดั่งเซียนเทพ

แต่เพียงแค่ชั่วพริบตา ร่างนั้นก็บินจากเส้นขอบฟ้ามาสู่เบื้องหน้าพวกเขาทุกคน!

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างตะลึงงันกับภาพที่ได้เห็น

เจ้าสำนักผู้เป็นตำนานท่านนี้…คงจะแข็งแกร่งสมกับคำร่ำลืออย่างแน่นอน!

“เจ้าสำนัก! ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน รีบก้าวไปข้างหน้าทันที

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงและคนอื่นๆ เดินตามหลังมาอย่างใกล้ชิด ต่างมีท่าทีที่ตื่นเต้นปนความแปลกใจไม่น้อยเลย

ไม่คิดตำหนิพวกเขาที่มีท่าทีเช่นนี้หรอก อันที่จริง อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ทันได้คาดคิดว่าเจ้าสำนักจะกลับมาในเวลานี้!

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เจ้าสำนักได้แต่ออกเดินทางและอาศัยอยู่แต่ภายนอกสำนัก อีกทั้งยังไม่เคยได้รับข่าวคราวใดใดเลยแม้แต่น้อย

พวกเขาได้ประกาศออกไปว่า เจ้าสำนักนั้นกำลังออกเดินทางไปทัศนาจร แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนนั้นมีวิธีที่จะทำให้แน่ใจว่าเจ้าสำนักจะยังคงปลอดภัย เกรงว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดว่าได้เกิดเรื่องที่ไม่ดีกับเจ้าสำนักไปเสียแล้ว

ในช่วงเวลานี้ ทางสำนักเองได้ประสบปัญหาต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในตอนนี้ แม้แต่ค่ายกลกระสวยสวรรค์เองก็ได้เกิดปัญหาขึ้นเช่นกัน

เห็นได้ว่าในยามนี้ พวกเขาต่างเปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นเจ้าสำนักกลับมา

หนานซู่ไหวตบบ่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเบาๆ

“ปั๋วเหยี่ยน ช่วงเวลาที่ผ่านมาเจ้าคงลำบากมามากสินะ ขอบใจเจ้ายิ่งนัก”

ภายในใจของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขากลับกดมันไว้แล้วส่ายหัวเบาๆ ในทันที

“ท่านมอบหมายให้ข้าดูแลสำนักแห่งนี้ด้วยความไว้วางใจ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ! หากเพียงแต่…ปั๋วเหยี่ยนผู้นี้ช่างไร้ความสามารถนัก จึงทำให้เกิดเรื่องราวที่วุ่นวายเช่นนี้”

หนานซู่ไหวหัวเราะเบาๆ

“นางหนูเยว่เออร์ก่อปัญหาอีกแล้ว ข้าจะตำหนิติติงเจ้าได้อย่างไร? เจ้าวางใจเถิด เมื่อนางออกมาเมื่อไร ข้าจะลงโทษนางอย่างแน่นอน!”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงและผู้คนอื่น ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาในฉับพลัน

“ท่านเจ้าสำนัก ท่านสามารถช่วยพวกเขาทั้งสองกลับมาได้หรือไม่!”

ในสถานการณ์ปัจจุบัน อันที่จริงพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะคาดหวังอะไรเลย

แต่เมื่อเจ้าสำนักพูดเช่นนั้น มันจึงยืนยันได้ว่า…

อี้เหวินจั๋วกัดฟันแน่น

“ศิษย์น้อง ค่ายกลกระสวยสวรรค์นั้นกำลังจะล่มสลาย เจ้าคิดว่าจะสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างใดกัน?”

หนานซู่ไหวค่อยๆ เหลือบมองดูเขาแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

“เรื่องนั้นคงไม่ต้องลำบากเจ้าหรอกกระมัง”

เมื่อเขาพูดจบ สายตาของเขาก็หันไปมองที่เขาหมื่นเมรัย

“หรงซิวเองก็เข้าไปด้วยมิใช่หรือ?”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ ต่างพยักหน้าพร้อมกัน

หนานซู่ไหวถอนหายใจออกมาเบาๆ

องค์ชายช่างมีพระเมตตาเสียจริง

ถ้าหากเขากลับมาไม่ทันเวลาแล้วล่ะก็ เช่นนั้นคง…

“ปรมาจารย์ทั้งหมดโปรดจงอยู่รอ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือรีบถอยกลับไปก่อน”

หนานซู่ไหวออกคำสั่งโดยรับรู้โดยทั่วกัน

เมื่อคำพูดนั้นได้กล่าวออกมา ทุกคนต่างปฏิบัติตามในทันที โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดใด

อาจเป็นเพราะบุคคลที่เป็นแกนหลักสำคัญนั้นได้กลับมาแล้ว จึงทำให้ทุกคนมีความรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

เมื่อเห็นเหล่าบรรดาผู้อาวุโสเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองตามคำสั่งของหนานซู่ไหว อี้เหวินจั๋วก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาอีกครั้ง

เขารู้ว่า ผู้คนเหล่านี้เชื่อในตัวหนานซู่ไหวด้วยใจจริง อีกทั้งยังนับถือและเลื่อมใสศรัทธาในตัวเขาเป็นอย่างมาก

ด้วยชื่อเสียงและเกียรติยศอันเลื่องลือของเขานั้น ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจเลือกที่จะอยู่สำนักหลิงเซียวแห่งนี้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ขณะที่หนานซู่ไหวไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ก็เห็นได้ว่าการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของสำนักนั้นก็ยังมั่นคงมาโดยตลอด

แต่อย่างไรก็ตาม ท่าทีของคนเหล่านี้ที่มีต่อเขาผู้ซึ่งเป็นรองเจ้าสำนักนั้น ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน

อี้เหวินจั๋วรู้ดีว่า หากมองอย่างผิวเผินทุกคนต่างเรียกเขาในฐานะ “รองเจ้าสำนัก” ด้วยความเคารพ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้คนที่ให้ความสนใจเขาด้วยใจจริงกลับมีไม่มาก

นี่ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ความคับแค้นที่อยู่ในใจของอี้เหวินจั๋ว ที่นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้นรื่อยๆ

ตัวเขานั้นเป็นศิษย์พี่ของหนานซู่ไหว ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานภาพหรือศักยภาพ เขาล้วนมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่า

แต่สุดท้ายความดีความชอบและชื่อเสียงทั้งหมดกลับตกไปเป็นของหนานซู่ไหวแต่เพียงคนเดียว!

ทุกคนบนโลกนี้ต่างรู้ดีว่าหนานซู่ไหวเจ้าสำนักแห่งสำนักหลิงเซียว มีทั้งพรสวรรค์พิเศษและศักยภาพอันทรงพลังเป็นอย่างมาก

แต่จะมีสักกี่คนที่จะยังจำเขาได้?

อี้เหวินจั๋วสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปมองทางเขาหมื่นเมรัย

ในตอนนี้ต่อให้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก มันก็คงไม่มีความหมายอะไรแล้ว

คอยดูสิว่าหนานซู่ไหวและคนอื่นๆ วางแผนที่จะก้าวข้ามผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้อย่างไร!

ค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่กำลังจะพังทลาย…

แม้คิดที่จะฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น!

ฟิ้ว!

หลังจากที่เหล่าปรมาจารย์ผู้อาวุโสทั้งหมดได้เข้าประจำตำแหน่งรอบๆ เขาหมื่นเมรัยแล้ว หนานซู่ไหวก็เคลื่อนตัวและรีบพุ่งไปยังใจกลางหุบเขาในทันที!

ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม

เพียงแค่ชั่วพริบตา เขาก็หยุดอยู่บนท้องฟ้าแล้ว

เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ก็ยังไม่สายเกินไปที่เขาจะแสดงฝีมืออีกครั้ง!

แต่ทว่า เวลาเพียงแค่ธูปครึ่งก้าน ค่ายกลขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าหนานซู่ไหว

หนานซู่ไหวผลักมือทั้งสองออกไปข้างหน้าด้วยท่าทีที่หนักแน่น!

“ค่ายกลคลื่นวายุ!”

ค่ายกลขนาดมหึมานั้น ค่อยๆ ร่วงลงสู่เขาหมื่นเมรัย!

ราวกับมีเสียงคลื่นจากกระแสน้ำพัดผ่านเข้ามาอย่างแผ่วเบา

ระยะห่างระหว่างค่ายกลทั้งสองค่อยๆ แคบลงอย่างต่อเนื่อง!

พลังปราณจากทั้งสองฝ่ายเริ่มเข้ามาปะทะกันอีกครา!

แสงสว่างสาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ!

แม้แต่พื้นที่โดยรอบก็ถูกทำลายด้วยพลังอันบ้าคลั่งนี้ และมันก็ค่อยๆ พังทลายลงไปทีละนิด!

“ทุกท่านจงฟังคำสั่ง! รวมพลัง!”

จู่ๆ หนานซู่ไหวก็ตะโกนออกมาเสียงดังกังวาน!

ทุกคนนั้นต่างเตรียมตัวกันมาเป็นเวลานาน และเมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็ลงมือทันทีโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย!

ได้มีแสงสว่างเปล่งประกายออกมาจากค่ายกลคลื่นวายุอยู่ครู่หนึ่ง!

เมื่อมองจากระยะไกลแล้ว ค่ายกลทั้งสองนั้นมีลักษณะเหมือนเฟืองขนาดใหญ่สองอันซ้อนทับกันอยู่

ค่ายกลกระสวยสวรรค์ ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังอันแปลกประหลาด มันสามารถเร่งการหมุนตัวของค่ายกลให้เร็วมากยิ่งขึ้น

และในการกำจัดมัน จากการปรากฏตัวของค่ายกลคลื่นวายุนั้น เพียงเพื่อต้องการชะลอความเร็วนั้นลงมาอีกครั้ง!

แม้ว่าระดับของค่ายกลคลื่นวายุจะสู้ระดับของค่ายกลกระสวยสวรรค์ไม่ได้ แต่หลังจากการรวบรวมพลังของผู้อาวุโสทั้งหมดแล้ว กลับสามารถที่จะตีเสมอขึ้นมาได้ประมาณหนึ่งถึงสองระดับ!

ความเร็วในการหมุนตัวของค่ายกลกระสวยสวรรค์ ค่อยๆ ลดลงตามที่คาดไว้

แม้แต่เส้นวงโคจรสีเงินเส้นเดิมที่เคยหลุดหายไป ก็ได้รับผลกระทบจากพลังนี้และเริ่มกลับเข้ามาสู่ตำแหน่งปกติอีกครั้ง

ทุกอย่างล้วนดูกลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อย

เมื่อผู้อาวุโสทุกท่านได้เห็นภาพเช่นนี้ ต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะวางใจมันได้มากนัก

กว่ายี่สิบวันที่ผ่านมาไม่มีเคยปัญหาใดเกิดขึ้นเลย แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นในวันสุดท้ายเสียอย่างนั้น

และมันก็เกิดขึ้นภายใต้การควบคุมและสังเกตการณ์ที่เข้มงวดของพวกเขา!

พลังที่ถูกสะกดเอาไว้ภายใต้ตาน้ำนั้น คงเกินกว่าที่พวกเขาเคยจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้นในเวลานี้ จนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังไม่อาจวางใจได้เป็นอันขาด

พลังของทุกคนถูกใช้งานอย่างบ้าคลั่งจนสิ้นเปลือง

ผู้อาวุโสหลายคนเริ่มมีสีหน้าที่ซีดเซียวลงด้วยความอ่อนล้า

ยามนี้ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจพวกเขาไว้

แต่เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในเขาหมื่นเมรัยนั้นกลับมาดีขึ้นแล้ว ความกดดันที่อยู่ในใจของพวกเขาก็บรรเทาลงไปได้ไม่น้อยเลย

“ฟังสิ! ดูเหมือนเสียงเคาะนั่นจะหายไปแล้ว!”

จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมาจากความเงียบงัน

ทุกคนกลับมามีสติอีกครั้งและเงี่ยหูฟังโดยไม่รู้ตัว

เสียง “กึกกึก” นั้นหายไปแล้วจริงๆ ด้วย!

แต่ในตอนนี้!

หนานซู่ไหวมองไปที่ตาน้ำแห่งหุบเขาหมื่นเมรัยด้วยความมั่นใจ และทันใดนั้นเขาก็ขยี้ตราหยกสีเขียวที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขา!

ปัง!

ต่อมา ก็มีร่างหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากใจกลางตาน้ำ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์