หรงซิวนี่เอง!
ในยามราตรีอันมืดมิด แว่วเสียงคำรามจากสายลมที่พัดพาอย่างโหมกระหน่ำ เมฆดำก่อตัวกันจนหนาทึบ
เขาบุกโจมตีด้วยชุดสีขาวราวกับหิมะ แต่ในขณะนี้ชุดนั้นได้เต็มไปด้วยรอยฉีกขาดและเปรอะไปด้วยคราบเลือด
แต่ทว่า พลังลมปราณอันน่าทึ่งที่กำลังพลุ่งพล่านไปทั่วร่างนั้น กลับทำให้ผู้คนต่างรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น!
และเมื่อเขาบินขึ้นไปบนฟากฟ้า ทุกคนก็จะเห็นว่าตัวเขานั้นยังโอบอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนอีกด้วย!
หากว่านั่นไม่ใช่ร่างของซั่งกวนเยว่ที่บินออกไปก่อนหน้านี้ แล้วจะเป็นใครได้อีก?
แต่ในเวลานี้ ร่างนั้นอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของหรงซิว หน้าของนางหันข้างเล็กน้อย ทำให้ไม่มีใครได้เห็นใบหน้าของนางเลย
เมื่อมองดูไกลๆ แล้ว จะเห็นแค่เพียงผมอันดกดำยาวเงางามของนางที่ปล่อยปลิวไสวไปตามลมเท่านั้น
“หรงซิวกับนางหนูเยว่เออร์!”
ใบหน้าของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ นั้นล้วนเปี่ยมไปด้วยความยินดี
ดูท่าทางแล้ว แม้ทั้งสองจะได้รับบาดเจ็บมา แต่เหมือนว่าจะไม่ได้อันตรายจนถึงชีวิต
ไม่รู้จริงๆ เลยว่า พวกเขานั้นรอดชีวิตจากการถูกบีบรัดของค่ายกลกระสวยสวรรค์ มาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนนี้ได้อย่างไรกัน…
จู่ๆ ความคิดเหล่านี้แวบขึ้นมาในสมองของพวกเขา แต่ก็อยู่ได้ไม่นานนัก
อย่างไรก็ตาม ขอเพียงแค่เขายังมีชีวิตอยู่ นอกเหนือจากนั้นคงไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไป!
ซั่งกวนจิ้งที่กังวลใจมาเกือบทั้งเดือน เมื่อเขาเห็นร่างของทั้งสองคนแล้ว ก้อนหินที่ถูกแขวนไว้ภายในใจนั้นถึงแม้จะพูดไม่ได้ว่ามันหล่นหายไปแล้วก็ตาม แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วเขากลับรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม
ยังดี…ก็ยังดี!
เขาไม่กล้าคิดเลยว่า หากมีอะไรเกิดขึ้นกับนางหนูเยว่เออร์ล่ะก็ เขาคง…
ซั่งกวนจิ้ง พยายามที่จะควบคุมแรงปรารถนาที่พร้อมจะพุ่งไปข้างหน้าทุกเมื่อและรอคอยอย่างอดทน
จากนี้ไป ขอเพียงแค่ทุกอย่างนั้นผ่านพ้นไปด้วยดี พวกเขาทั้งสองก็จะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย!
…
หรงซิวกอดฉู่หลิวเยว่ไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแนบแน่น
ขณะนี้ สิ่งที่อยู่ภายใต้เท้าของพวกเขาคือค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม
และเหนือศีรษะของพวกเขาคือค่ายกลคลื่นวายุที่เพิ่งจะเคลื่อนตัวลงมา
ค่ายกลทั้งสองได้ซ้อนทับกันและเกิดการปะทะของทั้งสองฝ่าย
ระยะห่างระหว่างทั้งสองนั้นยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาจะต้องรีบออกจากตำแหน่งที่อันตรายนี้โดยเร็วที่สุด!
เมื่อหนานซู่ไหวเห็นสภาพของทั้งสองในเวลานี้ เขาก็ได้ขมวดคิ้วแน่น
เห็นได้ชัดว่า ในช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งสองต้องติดอยู่ภายในตาน้ำนั้น คงจะทนทุกข์ทรมานมาไม่น้อยเลย
แต่นับว่ายังโชคดีที่พวกเขาสามารถออกมาได้ในเวลานี้
ขอเพียงแค่หลุดพ้นจากพันธนาการของค่ายกลทั้งสองโดยเร็ว พวกเขาก็จะสามารถเอาตัวรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย!
ทันใดนั้นก็ได้ปรากฏเส้นริ้วสีเงินพัดลอยมา
บนนั้นถูกปกคลุมไปด้วยอากาศที่หนาวเย็น ความเหน็บหนาวนั้นแผ่ซ่านเข้าไปจนถึงกระดูก
หนึ่งในนั้นมีเส้นริ้วสีเลือดจางๆ ล่องลอยอยู่ด้วย ซึ่งเลือนรางจนแทบจะมองไม่เห็น
สายตาของหรงซิวจ้องมองมันเขม็ง
ตูม!
ทันทีที่เขายกข้อมือขึ้น เปลวไฟสีทองก็ปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลัน!
เปรี้ยะ เปรี้ยะ!
เสียงเปลวเพลิงที่กระทบกันอย่างโชกโชนดังแว่วเข้ามาในหู
และแล้วสิ่งนั้นก็ได้หายไปต่อหน้าของหรงซิวอย่างรวดเร็ว!
แต่ทว่า ทันใดนั้นก็เกิดเสียงแปลกๆ ดังมาจากค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่อยู่ใต้เท้าของเขาในขณะนี้
กึก!
หรงซิวลดสายตาลงไปมองโดยไม่รู้ตัวและภายในดวงตานั้นกลับเยือกเย็นไปชั่วขณะ!
ค่ายกลกระสวยสวรรค์หยุดหมุนลงอย่างกะทันหัน!
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างสวรรค์และโลกในบัดดล
ทุกคนต่างสังเกตได้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติอย่างแน่นอน ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมา
แม้แต่หนานซู่ไหวเองก็มีท่าทีที่ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เพียงชั่วครู่ เขาก็รีบตะโกนออกมาเสียงดังโดยแทบจะไม่ต้อง
“เร็วเข้า!”
หรงซิวรีบขยับเท้าของเขาและพยายามเฉือนมิตินั้นแยกออกจากกัน!
แต่ทว่า ขณะที่เกิดการสั่นสะเทือนในอากาศ และมิติก็ได้ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นมานั้น ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงกระหึ่มที่ดังออกมาจากเบื้องล่างของเขาหมื่นเมรัยนี้!
เห็นได้ชัดว่ามันมาจากร่างศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกตนบางคน!
พลังลมปราณอันเป็นเอกลักษณ์ของร่างศักดิ์สิทธิ์นั้น ต้องไม่ผิดพลาดแน่นอน!
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตกใจมากที่สุด
เพราะว่าภายใต้มือนี้ ดูเหมือนว่าจะยังไม่ใช่ร่างศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สมบูรณ์!
หรือกล่าวได้ว่า สิ่งที่ถูกสะกดไว้ในเขาหมื่นเมรัยนี้ เป็นเพียงแค่มือข้างเดียวเท่านั้น!
จู่ๆ มือนั้นก็พุ่งออกมาจากเขาหมื่นเมรัย ราวกับว่ามันต้องการจะยืนยันในสิ่งที่เขาได้คาดเดาไว้!
แม้จะยังเรียกว่าเขาหมื่นเมรัย แต่จริงๆ แล้ว ในตอนนี้มันเป็นแค่ซากปรักหักพังก็เท่านั้น
เห็นได้ว่ามันเป็นเพียงแค่มือข้างหนึ่งที่มีถึงแค่ปลายแขนจริงๆ
ราวกับว่ามีคนตัดบริเวณข้อศอกนั้นออกไป!
เมื่อดูจากบาดแผลแล้ว ยังคงมีร่องรอยจางๆ ของใบมีดอันแหลมคมที่ใช้ตัดมันเสียด้วยซ้ำ!
แต่แขนท่อนนี้ แม้แต่เลือดเนื้อและกระดูกในนั้น ก็ล้วนเป็นสีดำทั้งหมด
“มันเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ด้วย!”
ซั่งกวนจิ้งตะลึงงันด้วยความประหลาดใจ
ในโลกนี้ ตลอดช่วงชีวิตของผู้ฝึกตนเกือบทั้งหมด จะสามารถมีร่างศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงร่างกายเดียวเท่านั้น
ร่างศักดิ์สิทธิ์สามารถแยกออกจากร่างกายได้ แต่จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้โดยลำพัง
เขาฝังร่างศักดิ์สิทธิ์ของเขาไว้ในหลุมศพแต่แรก แม้กายเนื้อจะได้รับความเสียหาย แต่จิตวิญญาณของเขานั้นยังคงอยู่
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาสามารถตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เวลาผ่านไปนับพันปี
แต่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า มีร่างศักดิ์สิทธิ์ของผู้ใดที่ถูกตัดแขนไปครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีพลังอันน่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้!
หลังจากที่มันทำลายค่ายกลทั้งสองครั้งแล้วครั้งเล่า มือนั้นก็พุ่งตรงไปที่หรงซิวและฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง!
มือนั้นใหญ่มากพอที่จะจับพวกเขาทั้งสองคนไว้ในนั้น แล้วบดขยี้พวกเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน!
สายลมหนาวเหน็บเข้ามาใกล้เต็มทีแล้ว
หรงซิวหันกลับมาอีกครั้งและก็ได้เห็นว่ามือพิลึกนั่นได้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว!
อักขระสีเลือดก็ได้ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ!
เผชิญหน้ากับพลังอำนาจอันไร้ขีดจำกัด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...