เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1547

หรงซิวนี่เอง!

ในยามราตรีอันมืดมิด แว่วเสียงคำรามจากสายลมที่พัดพาอย่างโหมกระหน่ำ เมฆดำก่อตัวกันจนหนาทึบ

เขาบุกโจมตีด้วยชุดสีขาวราวกับหิมะ แต่ในขณะนี้ชุดนั้นได้เต็มไปด้วยรอยฉีกขาดและเปรอะไปด้วยคราบเลือด

แต่ทว่า พลังลมปราณอันน่าทึ่งที่กำลังพลุ่งพล่านไปทั่วร่างนั้น กลับทำให้ผู้คนต่างรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น!

และเมื่อเขาบินขึ้นไปบนฟากฟ้า ทุกคนก็จะเห็นว่าตัวเขานั้นยังโอบอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนอีกด้วย!

หากว่านั่นไม่ใช่ร่างของซั่งกวนเยว่ที่บินออกไปก่อนหน้านี้ แล้วจะเป็นใครได้อีก?

แต่ในเวลานี้ ร่างนั้นอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของหรงซิว หน้าของนางหันข้างเล็กน้อย ทำให้ไม่มีใครได้เห็นใบหน้าของนางเลย

เมื่อมองดูไกลๆ แล้ว จะเห็นแค่เพียงผมอันดกดำยาวเงางามของนางที่ปล่อยปลิวไสวไปตามลมเท่านั้น

“หรงซิวกับนางหนูเยว่เออร์!”

ใบหน้าของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ นั้นล้วนเปี่ยมไปด้วยความยินดี

ดูท่าทางแล้ว แม้ทั้งสองจะได้รับบาดเจ็บมา แต่เหมือนว่าจะไม่ได้อันตรายจนถึงชีวิต

ไม่รู้จริงๆ เลยว่า พวกเขานั้นรอดชีวิตจากการถูกบีบรัดของค่ายกลกระสวยสวรรค์ มาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนนี้ได้อย่างไรกัน…

จู่ๆ ความคิดเหล่านี้แวบขึ้นมาในสมองของพวกเขา แต่ก็อยู่ได้ไม่นานนัก

อย่างไรก็ตาม ขอเพียงแค่เขายังมีชีวิตอยู่ นอกเหนือจากนั้นคงไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไป!

ซั่งกวนจิ้งที่กังวลใจมาเกือบทั้งเดือน เมื่อเขาเห็นร่างของทั้งสองคนแล้ว ก้อนหินที่ถูกแขวนไว้ภายในใจนั้นถึงแม้จะพูดไม่ได้ว่ามันหล่นหายไปแล้วก็ตาม แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วเขากลับรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม

ยังดี…ก็ยังดี!

เขาไม่กล้าคิดเลยว่า หากมีอะไรเกิดขึ้นกับนางหนูเยว่เออร์ล่ะก็ เขาคง…

ซั่งกวนจิ้ง พยายามที่จะควบคุมแรงปรารถนาที่พร้อมจะพุ่งไปข้างหน้าทุกเมื่อและรอคอยอย่างอดทน

จากนี้ไป ขอเพียงแค่ทุกอย่างนั้นผ่านพ้นไปด้วยดี พวกเขาทั้งสองก็จะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย!

หรงซิวกอดฉู่หลิวเยว่ไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแนบแน่น

ขณะนี้ สิ่งที่อยู่ภายใต้เท้าของพวกเขาคือค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม

และเหนือศีรษะของพวกเขาคือค่ายกลคลื่นวายุที่เพิ่งจะเคลื่อนตัวลงมา

ค่ายกลทั้งสองได้ซ้อนทับกันและเกิดการปะทะของทั้งสองฝ่าย

ระยะห่างระหว่างทั้งสองนั้นยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

พวกเขาจะต้องรีบออกจากตำแหน่งที่อันตรายนี้โดยเร็วที่สุด!

เมื่อหนานซู่ไหวเห็นสภาพของทั้งสองในเวลานี้ เขาก็ได้ขมวดคิ้วแน่น

เห็นได้ชัดว่า ในช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งสองต้องติดอยู่ภายในตาน้ำนั้น คงจะทนทุกข์ทรมานมาไม่น้อยเลย

แต่นับว่ายังโชคดีที่พวกเขาสามารถออกมาได้ในเวลานี้

ขอเพียงแค่หลุดพ้นจากพันธนาการของค่ายกลทั้งสองโดยเร็ว พวกเขาก็จะสามารถเอาตัวรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย!

ทันใดนั้นก็ได้ปรากฏเส้นริ้วสีเงินพัดลอยมา

บนนั้นถูกปกคลุมไปด้วยอากาศที่หนาวเย็น ความเหน็บหนาวนั้นแผ่ซ่านเข้าไปจนถึงกระดูก

หนึ่งในนั้นมีเส้นริ้วสีเลือดจางๆ ล่องลอยอยู่ด้วย ซึ่งเลือนรางจนแทบจะมองไม่เห็น

สายตาของหรงซิวจ้องมองมันเขม็ง

ตูม!

ทันทีที่เขายกข้อมือขึ้น เปลวไฟสีทองก็ปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลัน!

เปรี้ยะ เปรี้ยะ!

เสียงเปลวเพลิงที่กระทบกันอย่างโชกโชนดังแว่วเข้ามาในหู

และแล้วสิ่งนั้นก็ได้หายไปต่อหน้าของหรงซิวอย่างรวดเร็ว!

แต่ทว่า ทันใดนั้นก็เกิดเสียงแปลกๆ ดังมาจากค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่อยู่ใต้เท้าของเขาในขณะนี้

กึก!

หรงซิวลดสายตาลงไปมองโดยไม่รู้ตัวและภายในดวงตานั้นกลับเยือกเย็นไปชั่วขณะ!

ค่ายกลกระสวยสวรรค์หยุดหมุนลงอย่างกะทันหัน!

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างสวรรค์และโลกในบัดดล

ทุกคนต่างสังเกตได้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติอย่างแน่นอน ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมา

แม้แต่หนานซู่ไหวเองก็มีท่าทีที่ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เพียงชั่วครู่ เขาก็รีบตะโกนออกมาเสียงดังโดยแทบจะไม่ต้อง

“เร็วเข้า!”

หรงซิวรีบขยับเท้าของเขาและพยายามเฉือนมิตินั้นแยกออกจากกัน!

แต่ทว่า ขณะที่เกิดการสั่นสะเทือนในอากาศ และมิติก็ได้ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นมานั้น ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงกระหึ่มที่ดังออกมาจากเบื้องล่างของเขาหมื่นเมรัยนี้!

เห็นได้ชัดว่ามันมาจากร่างศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกตนบางคน!

พลังลมปราณอันเป็นเอกลักษณ์ของร่างศักดิ์สิทธิ์นั้น ต้องไม่ผิดพลาดแน่นอน!

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตกใจมากที่สุด

เพราะว่าภายใต้มือนี้ ดูเหมือนว่าจะยังไม่ใช่ร่างศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สมบูรณ์!

หรือกล่าวได้ว่า สิ่งที่ถูกสะกดไว้ในเขาหมื่นเมรัยนี้ เป็นเพียงแค่มือข้างเดียวเท่านั้น!

จู่ๆ มือนั้นก็พุ่งออกมาจากเขาหมื่นเมรัย ราวกับว่ามันต้องการจะยืนยันในสิ่งที่เขาได้คาดเดาไว้!

แม้จะยังเรียกว่าเขาหมื่นเมรัย แต่จริงๆ แล้ว ในตอนนี้มันเป็นแค่ซากปรักหักพังก็เท่านั้น

เห็นได้ว่ามันเป็นเพียงแค่มือข้างหนึ่งที่มีถึงแค่ปลายแขนจริงๆ

ราวกับว่ามีคนตัดบริเวณข้อศอกนั้นออกไป!

เมื่อดูจากบาดแผลแล้ว ยังคงมีร่องรอยจางๆ ของใบมีดอันแหลมคมที่ใช้ตัดมันเสียด้วยซ้ำ!

แต่แขนท่อนนี้ แม้แต่เลือดเนื้อและกระดูกในนั้น ก็ล้วนเป็นสีดำทั้งหมด

“มันเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ด้วย!”

ซั่งกวนจิ้งตะลึงงันด้วยความประหลาดใจ

ในโลกนี้ ตลอดช่วงชีวิตของผู้ฝึกตนเกือบทั้งหมด จะสามารถมีร่างศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงร่างกายเดียวเท่านั้น

ร่างศักดิ์สิทธิ์สามารถแยกออกจากร่างกายได้ แต่จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้โดยลำพัง

เขาฝังร่างศักดิ์สิทธิ์ของเขาไว้ในหลุมศพแต่แรก แม้กายเนื้อจะได้รับความเสียหาย แต่จิตวิญญาณของเขานั้นยังคงอยู่

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาสามารถตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เวลาผ่านไปนับพันปี

แต่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า มีร่างศักดิ์สิทธิ์ของผู้ใดที่ถูกตัดแขนไปครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีพลังอันน่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้!

หลังจากที่มันทำลายค่ายกลทั้งสองครั้งแล้วครั้งเล่า มือนั้นก็พุ่งตรงไปที่หรงซิวและฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง!

มือนั้นใหญ่มากพอที่จะจับพวกเขาทั้งสองคนไว้ในนั้น แล้วบดขยี้พวกเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน!

สายลมหนาวเหน็บเข้ามาใกล้เต็มทีแล้ว

หรงซิวหันกลับมาอีกครั้งและก็ได้เห็นว่ามือพิลึกนั่นได้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว!

อักขระสีเลือดก็ได้ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ!

เผชิญหน้ากับพลังอำนาจอันไร้ขีดจำกัด!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์