เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1549

ฉู่หลิวเยว่พลันเอ่ยขึ้นมาว่า

“เอากระบี่ชื่อเซียวมาให้ข้า”

หรงซิวมุ่นคิ้วพลางเหลือบตามองคนในอ้อมอก

แน่นอนว่าเขารู้ว่านางคิดจะทำอะไร แต่ภายใต้สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เขาจะไปตอบรับได้อย่างไรกัน?

ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะเบาๆ

“คนที่มันต้องการตัวคือข้า”

อีกอย่างปัญหาเรื่องนี้เดิมก็นับว่าเป็นเรื่องที่นางก่อขึ้นมาเอง

ให้นางเป็นคนแก้ไขย่อมเป็นเรื่องสมควรแล้ว

สุ้มเสียงของนางแผ่วเบานัก ทว่าสายตากลับยืนกรานหนักแน่นยิ่ง

คนทั้งสองสบสายตากันพักหนึ่ง แววตาของหรงซิวประหนึ่งมีคลื่นยักษ์ถาโถมอยู่มิปาน

ราวกับเวลาผ่านไปเนิ่นนาน หากแต่ก็เหมือนเพียงเสี้ยววิ

บนดวงหน้าใสมากเสน่ห์ชวนหลงของหรงซิวพลันปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บางเบาขึ้นมาแวบหนึ่ง

ริมฝีปากบางแดงก่ำหยักยกขึ้นน้อยๆ ดูแล้วงดงามยิ่ง ทั้งยังแฝงเสน่ห์ชวนลุ่มหลงบางอย่างที่หาคำบรรยายไม่ได้

ฉู่หลิวเยว่ถึงกับเหม่อลอยไปชั่วขณะ

ปกติบุรุษผู้นี้มักวางท่าเย็นชาและสูงส่ง ทว่าครานี้ รอยยิ้มนี้กลับดูดั่งเทพคล้ายปีศาจ แสนยากจะคาดเดา

ชึ่บ!

ประกายเย็นเฉียบเคลื่อนผ่าน เขายื่นกระบี่ชื่อเซียวส่งให้ฉู่หลิวเยว่

“รอเจ้ากลับมา ถ้าเจ้าไม่กลับ ข้าจะไปตามเจ้า”

สุ้มเสียงของเขาใสกระจ่าง ทั้งยังนุ่มทุ้ม

ฉู่หลิวเยว่รับกระบี่มา

“รอข้านะ”

ฉู่หลิวเยว่หมุนกายหันกลับมา

บริเวณหว่างคิ้วของนางร้อนผ่าวยิ่ง

นางยกมือนวดโดยไม่รู้ตัวอย่างลื่นไหล

ความรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ว่าจึงหายวับไปอย่างรวดเร็ว

นางย่นคิ้วน้อยๆ ทว่ามิได้เสียเวลาคิดมาก มือกำกระบี่ชื่อเซียวไว้แน่น ก่อนจะมองฝ่ามือสีดำที่อยู่ ณ เบื้องหน้า!

ไข่มุกธาราภายในตำแหน่งตันเถียนทำท่าราวกับจะถูกช่วงชิงไปได้ทุกเมื่อ!

ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอด นางโคจรพลังปราณดั้งเดิมภายในร่าง ก่อนจะถ่ายพลังทั้งหมดเข้าสู่กระบี่ชื่อเซียว!

ทันใดนั้น สองมือนางเงื้อกระบี่ขึ้น ก่อนจะฟาดฟันลงมาอย่างโหดเหี้ยม!

เคร้ง!

มือข้างนั้นยกขึ้นมารับกระบี่ชื่อเซียวได้อย่างง่ายดาย!

จากนั้น มือข้างนั้นก็พุ่งตรงมาทางฉู่หลิวเยว่!

เดิมทีนางเป็นคนรูปร่างผอมบางอยู่แล้ว บัดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ามือสีดำขนาดมหึมาอันนี้ก็ยิ่งดูตัวกระจ้อยร่อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด

ประหนึ่งว่ามือข้างนั้นสามารถบดขยี้ร่างนางกลายเป็นผุยผงได้อย่างง่ายดาย!

“นางหนูเยว่เออร์!”

เมื่อพวกซั่งกวนจิ้งเห็นภาพฉากนี้แล้ว ต่างก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวใจยิ่ง!

คนทั้งหลายต่างอยากรุดไปข้างหน้าใจจะขาด ทว่ากลับถูกแรงกดดันมหาศาลชวนผวาสกัดกั้นไว้ด้านนอก!

ฝ่ามือสีดำข้างนั้นช่างดุร้ายโดยแท้ แค่พวกเขาจะสาวเท้าเข้าไปใกล้อีกก้าวก็มิอาจทำได้!

พวกผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเองก็มีสีหน้าซีดเผือดเช่นเดียวกัน

ขนาดสามคนนั้นร่วมมือกันยังเอาไม่อยู่ ไฉนเลยจะให้ผู้อื่นทำได้เล่า?

บนยอดเขาแต่ละลูกที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตสำนัก บรรดาศิษย์จำนวนมากที่กำลังจ้องมองสถานการณ์ของฟากนี้เองต่างก็เงียบกริบลงในทันใด

ฉากเหตุการณ์เฉกเช่นนี้ ก็แทบจะตัดสินภาพรวมได้แล้ว

ไม่ว่าซั่งกวนจิ้งและหรงซิวจะเก่งกาจขนาดไหน ก็มิอาจเทียบเคียงได้กับบรรดาคนของเจ้าสำนักได้

ในบรรดาสามคนนั้น มีใครบ้างที่ไม่รักใคร่เอ็นดูแลทะนุถนอมซั่งกวนเยว่เป็นพิเศษ?

ตราบใดที่พวกเขายังมีหนทางอื่นแม้แต่เพียงน้อยนิด ย่อมมิมีทางทนดูให้ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร มองปราดเดียวก็รู้แล้ว

เหนือยอดเขาลูกหนึ่ง หลัวซือซือมีสีหน้ามึนงง สองตาของนางแดงก่ำ

หลัวเยี่ยนหลินเห็นนางเป็นเช่นนี้ นิ้วมือก็ขยับไหว เดิมคิดจะปิดบังมิให้นางได้มองเห็น

หากแต่ลังเลอยู่นานสองนาน สุดท้ายแล้วมือข้างนั้นก็วางลงบนศีรษะนางพลางลูบไปมาเบาๆ

หลัวซือซือน้ำตาไหลพรากด้วยสีหน้าเหม่อลอยทั้งอย่างนั้น

ฝ่ามือสีดำพุ่งตรงหมายจะคว้าตัวฉู่หลิวเยว่ไว้

ทว่าในพริบตาเดียว เปลวเพลิงสีทองสว่างแกมโปร่งใสพลันพวยพุ่งออกมาจากตัวกระบี่อย่างบ้าคลั่ง!

ชั่วพริบตา เปลวเพลิงก็กลืนกินตัวกระบี่ไปเกินครึ่งแล้ว!

เปลวเพลิงระอุโชติช่วงส่งเสียงเสียดหูดัง

ชี่ชี่!

ควันสีดำแฝงกลิ่นคาวเข้มข้นพลันแผ่กระจายออกมาจากมือข้างนั้น!

อูอู!

ระหว่างที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั่นเอง พลันมีเสียงร้องครวญอย่างโหยหวนแว่วดังมาจากกลางฝ่ามือข้างนั้นไกลๆ!

ฉู่หลิวเยว่ยืนประจันหน้ากับมือข้างนั้น นางเหลือบสายตามองไป พบว่าด้านในมือของมันมีซากกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏให้เห็น!

ลมปราณที่ชวนหดหู่แลขนพองสยองเกล้าแผ่ขยายอย่างบ้าระห่ำไปทั่วทุกสารทิศ!

ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกเย็นวาบไปทั่วสรรพางค์กาย!

มู่หงอวี่เห็นดังนั้นจึงรีบกุลีกุจอพุ่งไปช่วยพยุงเขาไว้

“ข้าสบายดี แค่ได้แผลถลอกมานิดหน่อย เจ้าต่างหากเล่า…”

ระหว่างที่พูด นางกวาดตามองดูหลินจือเฟยตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะนิ่วหน้า

ดูจากอายุของหลินจือเฟยในตอนนี้แล้ว สามารถกางค่ายกลระดับนี้ขึ้นมาได้ก็นับว่ายากเย็นมากแล้ว

ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องที่ยืนหยัดรอเป็นเวลานานเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ

หลินจือเฟยโบกมือไปมา

“ข้าไม่เป็นไร”

พูดพลาง เขาก็หยิบยาอายุวัฒนะเม็ดหนึ่งออกมาก่อนจะกลืนมันลงไป

มู่หงอวี่รู้ดีว่าสภาพของเขาย่ำแย่อย่างมากเป็นแน่นแท้ แต่ก็มิได้ถามซอกแซกแต่อย่างใด

นางปรายมองออกไปด้านนอกแวบหนึ่ง

“จริงสิ ข้าไปนานเท่าใดแล้ว?”

นางรู้สึกกังวลใจตลอดทางว่าตนจะมาไม่ทันเวลา

หลินจือเฟยกลืนรสคาวเลือดที่อวลเต็มปากลงไป

“วันพรุ่งเป็นวันสุดท้ายของเดือนอ้ายแล้ว แต่ว่าเมื่อครู่นี้ เขาหมื่นเมรัยฝั่งโน้นมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น…”

เขารั้งรออยู่ที่นี่มาแต่ไหนแต่ไร จึงมิรู้เลยแม้แต่น้อยว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไรกันแน่

ทำได้เพียงแค่เดาจากแรงสั่นสะเทือนวุ่นวายพวกนั้นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องดีอะไร

มู่หงอวี่ได้ยินดังนั้นพลันรู้สึกวิตกกังวลเป็นทวีคูณ

“เกิดเรื่องอย่างนั้นรึ? เช่นนั้น…”

หลินจือเฟยเหลือบมองนาง

“เจ้าว่าคนผู้นั้น…จะมาหรือไม่?”

มู่หงอวี่ผงกศีรษะอย่างรีบร้อน

“มาสิ! เดิมทีพวกเราก็มาด้วยกัน แต่หลังจากเข้าอาณาจักรเสิ่นซวี่มาได้ไม่นาน เขาก็ให้ข้ากลับมาที่นี่คนเดียว ลองคำนวณเวลาดูแล้ว ตอนนี้เขาคงมาถึงแล้ว เพียงแต่…”

เพียงแต่มิรู้ว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาของเขาหมื่นเมรัยได้หรือไม่?

บนผืนฟ้ากว้าง ร่างของฉู่หลิวเยว่พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างมิอาจควบคุมได้!

แรงกดดันมหาศาลน่าหวาดหวั่นปกคลุมไปทั่วผืนฟ้าพื้นดิน มันบดขยี้ร่างของนางจนแทบแหลกเป็นผุยผง!

ไข่มุกธาราภายในตำแหน่งตันเถียนแทบจะถูกกระชากออกจากร่างอยู่รอมร่อ!

ในนัยน์ตาของทุกคนล้วนเคลือบไปด้วยแววสิ้นหวัง

ทว่าในตอนที่ฝ่ามือสีดำกำลังจะเข้าควบคุมตัวฉู่หลิวเยว่นั่นเอง เกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นหนึ่งพลันพุ่งทะยานมาจากขอบฟ้าไกล!

แม้นลอยล่องปราดเปรียวในอากาศ ทว่ากลับนำมาซึ่งพลังสะท้านโลกา!

ชั่วพริบตามันก็พุ่งทะยานมาถึง!

…………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์