เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1550

เกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นนั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือ เมื่ออยู่ภายใต้ผืนฟ้าสีเข้มสนิทแล้วยิ่งชวนดึงดูดสายตาขึ้นไปอีก

โดยเฉพาะเมื่อนำมาเทียบกับฝ่ามือสีดำขนาดมหึมาแล้ว มันยิ่งดูเล็กจิ๋วเสียจนแทบจับสังเกตไม่ได้

ทว่า เกราะเกล็ดกระจ้อยร่อยที่ว่าพุ่งทะยานไปยังเบื้องหน้าของฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะจัดการฟันลงฝ่ามือสีดำนั่นไปตรงๆ!

ฉึก!

ทันทีที่เสียงโหยหวนเสียดหูดังขึ้นมา นิ้วหัวแม่มือบนฝ่ามือสีดำก็ถูกตัดขาดครึ่งในบัดดล!

ลมปราณหนาวยะเยือกทำเอาลมหายใจติดขัดที่ปกคลุมรอบตัวฉู่หลิวเยว่ถูกขจัดหายไปในพริบตา!

ร่างของฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกผ่อนคลาย จึงได้โกยเอาลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ อากาศสดชื่นหลั่งไหลลงสู่หัวใจทำให้นางได้สติกลับคืนในที่สุด

เมื่อครู่นี้ นางเกือบคิดว่าตัวเองจะ…

นางตวัดสายตามองไปยังเบื้องหน้าทันที!

ยามปรายมองยังเกราะเกล็ดสีม่วงที่ลอยอยู่เบื้องหน้าตนอย่างเงียบงัน นางก็เบิกตากว้างน้อยๆ

มึนงงอยู่พักหนึ่ง นางพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

นี่มัน…

พี่เป่าอย่างนั้นหรือ!

นางแหงนศีรษะมองไปรอบตัวโดยไม่รู้ตัว

ทว่ากลับไม่เห็นเงาร่างของพี่เป่าแม้แต่นิด

แต่เกราะเกล็ดชิ้นนี้…เป็นของเขาจริงๆ

คืนวันที่พวกเขาอยู่ด้วยกันนานปานนั้น นางไม่มีทางจำผิดแน่นอน!

ความเปลี่ยนแปลงเหนือการคาดเดาที่เกิดขึ้นฉับพลันทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนตกตะลึงจนนิ่งค้างอยู่กับที่

พวกเขาต่างมีสีหน้าเหลอหลาแลทึ่มทื่อยามมองดูเกราะเกล็ดสีม่วงที่ปรากฏออกมาฉับพลัน ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่มีผู้ใดเอ่ยอะไรออกมา

“นั่นมัน…อันใดกัน!”

“ดูแล้วมันคล้ายคลึงกับเกราะเกล็ดของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงอยู่ไม่น้อย แต่พอมองดีๆ กลับไม่เหมือนเสียอย่างนั้น…”

“พวกเจ้าไม่เห็นหรือไร พอมันปรากฏตัว ฝ่ามือสีดำนั่นก็ถูกหั่นออกเป็นชิ้นเลย! รู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่พวกท่านเจ้าสำนักร่วมมือกันโจมตียังทำอันใดฝ่ามือนั่นไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ! ของสิ่งนี้…คืออันใดกันแน่? จะยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!”

“อย่างไรเสียข้าว่ามันมาเพื่อช่วยซั่งกวนเยว่หนา ไม่แน่ว่าวันนี้…อาจยังพอกู้สถานการณ์กลับมาได้!”

บรรดาฝูงชนต่างพากันกระซิบกระซาบเสียงค่อยด้วยความใคร่รู้ในสิ่งของชิ้นนี้อย่างเต็มเปี่ยม

หนานซู่ไหวมองเกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นนั้นด้วยสีหน้าตื่นตะลึง นัยน์ตาพลันทอแววประหลาดใจวาบผ่าน

อะไรกัน…

หรือว่าท่านผู้นั้นจะกลับมาแล้ว?

เขาเองก็เหมือนกับฉู่หลิวเยว่ รีบหันมองไปรอบสี่ทิศทันที สายตาทอดมองไปยังที่ไกลๆ คอยสอดส่องหาบางอย่างมิหยุดหย่อน

หากแต่เขาต่างกับฉู่หลิวเยว่ตรงที่ว่าท่าทีของเขาระแวดระวังยิ่ง อีกทั้งการแสดงออกก็ไม่ได้กระทำออกมาใหญ่โต

หากมิได้ตั้งใจดูก็มิอาจจับสังเกตได้ว่าตอนนี้เขากำลังหาคนอยู่

นอกจากเขาแล้ว ยังมีคนอีกผู้หนึ่งที่เผยสีหน้าตกตะลึงไม่แพ้กันหลังจากเห็นเกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นนั้น

เป็นผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนนั่นเอง

หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น สีหน้าฉายแววสนเท่ห์

ตอนเห็นของสิ่งนั้นคราแรก เขายังคิดว่าตัวเองตาฝาดไป

ดังนั้น เขาจึงเบนสายตามองทางหนานซู่ไหวโดยไม่รู้ตัว

ยามเห็นสีหน้าของหนานซู่ไหว ในใจของเขาพลันรู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งกดทับลงมาอย่างแรง ยิ่งมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตนมากกว่าเก่า

ชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาในใจของเขานั้นซับซ้อนวุ่นวายยิ่ง

ทั้งเคลือบแคลง ปิติยินดี คาดหวัง แลตื่นตระหนก…

เขายังจำได้แจ่มแจ้งถึงเกราะเกล็ดที่เรืองแสงสีม่วงจางๆ บนหน้าปกม้วนรายชื่อของสำนัก

มีเพียงเจ้าสำนักที่รับสืบทอดตำแหน่งเท่านั้นที่สามารถถือครองม้วนรายชื่อฉบับนี้ อีกทั้งหลายปีมานี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ค่อนข้างจำเป็น จึงได้ดูแลมันในช่วงสั้นๆ เท่านั้น

ดังนั้นแล้ว เขาจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับมันน้อยมาก

หากแต่คาดไม่ถึงเลยว่าชีวิตนี้เขาจะมีโอกาสได้เห็นเกราะเกล็ดชิ้นนั้นด้วยตาตัวเองเข้าจริงๆ!

นี่ก็อธิบายได้ชัดเจนแล้วมิใช่หรือว่าท่านผู้นั้น…

“ปั๋วเหยี่ยน? ปั๋วเหยี่ยน? เจ้าเป็นอันใดไป?”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเหลือบมองผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมีสีหน้าแปลกไปจึงอดไม่ได้ที่จะถามเสียงเบา

เขาขมวดคิ้วด้วยความฉงน

“เจ้ารู้จักของสิ่งนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?”

นางปิดเปลือกตาลง

ไข่มุกธาราในตำแหน่งตันเถียนก็ดูจะเป็นอิสระจากเงื้อมมือของฝ่ามือสีดำที่อยู่ตรงข้ามแล้ว ถึงได้ปรับความเร็วการโคจรกลับไปเป็นปกติ

พลังปราณดั้งเดิมสายหนึ่งทยอยแผ่ออกมาจากตรงกลางมาช่วยฟื้นฟูสภาพบาดแผลตามตัวของนาง

อาจเป็นเพราะนางบุกทะลวงสู่ระดับเทพขึ้นสูงอีกครา การฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บของนางจึงเร็วกว่ามากนัก

ในระยะเวลาเพียงแค่นี้ บาดแผลบางส่วนก็เริ่มแห้งแล้ว

ทว่านางยังมิกล้าลดความระวังตัวลง สองตายังคงจ้องเขม็งไปยังด้านหน้า

นางพลันนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ที่ต้าเป่ามาอาณาจักรเสิ่นซวี่กับนางก็ดูจะไม่ชอบลงมือเท่าไรนัก

ประหนึ่งว่าเขากำลังปิดบังบางอย่างเอาไว้

แต่ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไรกันแน่ นางกลับไม่แน่ใจแม้แต่น้อย

ต่อให้บัดนี้ความทรงจำของนางจะฟื้นคืนมาได้แล้วก็ตาม

ความจริงแล้ว นางกับพวกพี่เป่าไปรู้จักกันจริงๆ ในทะเลทรายจันทราสีชาดด้วยซ้ำ

อีกทั้งก่อนหน้านี้ พวกเขาเองยังมิเคยออกจากทะเลทรายจันทราสีชาดแม้แต่ครั้งเดียว

นางย่อมไม่รู้เช่นกันว่าบนตัวพี่เป่ายังมีข้อห้ามร้ายแรงข้อนี้อยู่ด้วย

เพียงแต่มิรู้ว่าบัดนี้ต้าเป่าคิดเห็นจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรแน่…

ชี่ชี่!

ทันใดนั้นเอง ประกายแสงสีม่วงพลันพุ่งทะยานออกมาจากเกราะเกล็ดสีม่วง!

ชั่วพริบตา พวกมันก็แผ่ขยายไปทั่วผืนฟ้า!

ฉู่หลิวเยว่มองตามไปในทันที

เห็นเพียงว่าประกายแสงเหล่านั้นเข้ารวมตัวเกี่ยวพัน ก่อนจะพุ่งตรงไปยังเบื้องล่าง

จากนั้น ค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่ถูกฝ่ามือสีดำทำลายจนแหลกไปเริ่มกลับมารวมตัวกันใหม่อีกรอบ

พื้นที่ที่มีรอยแตกถูกประกายแสงสีม่วงเชื่อมต่อกันใหม่ ตำแหน่งที่บิดเบี้ยวถูกปรับให้ถูกต้องขึ้นมาทีละนิด

ฉู่หลิวเยว่พลันนึกได้ถึงอะไรบางอย่าง

นี่พี่เป่าคิดจะ…ซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์ขึ้นใหม่อย่างนั้นหรือ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์