อี้เจายกมือขึ้นแล้วชี้ไปทางถวนจื่อ
“ตราบใดที่เจ้าสามารถช่วยทำให้มันกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ภายในหนึ่งเดือน เช่นนั้นข้าก็จะไม่เอาความเรื่องนี้อีก! จากนี้ไปตั้งแต่เหนือนภาใต้ปฐพี มันจะติดตามเจ้าไปจนตาย และเผ่าหงส์ทองคำจะไม่ซักถามอันใดอีก”
น้ำเสียงอันทุ้มต่ำดังกึกก้องไปทั่วตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง!
ผู้อาวุโสทุกคนตกใจโดยพร้อมเพรียง แล้วหันไปมองอี้เจาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
หรือว่าท่านประมุขจะบ้าไปแล้ว?
คาดไม่ถึงเขาจะตอบตกลงเงื่อนไขของซั่งกวนเยว่จริงๆ แล้วยังลงเดิมพันกับนาง!
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ได้! คำไหนคำนั้นนะเจ้าคะ!”
…
“แอ๊ด…”
ประตูบานใหญ่ของตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงค่อยๆ เปิดออกอย่างเชื่องช้า
คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่รออยู่ภายนอกเงยหน้าขึ้นมามองอย่างกระตือรือร้น
จากนั้นก็เห็นเพียงแค่เงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเดินเยื้องย่างออกมาจากท้องพระโรง
ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ไม่มีความโกรธแต่เต็มไปด้วยแรงคุกคาม
คนผู้นั้นก็คือประมุขอี้เจา!
ใบหน้าของพวกเขาไร้อารมณ์และไม่แยแส
กลุ่มคนที่ต้องการทราบเรื่องราวจากปฏิกิริยาของเขาก็เป็นอันต้องผิดหวังไป
แม้แต่ผู้อาวุโสอี้อวี่ที่มีท่าทีสบายๆ มาโดยตลอด ในตอนนี้ก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในแววตาของเขาซับซ้อน ทำให้คนยากจะคาดเดา
อี้เจาหยุดยืนที่จัตุรัสหน้าท้องพระโรงแล้วทอดสายตาลงมองด้านล่าง
แววตาของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันเหมือนกับสายฟ้า ทำให้ผู้คนตกตะลึงไปโดยไม่รู้ตัว
คนที่วิพากษ์วิจารณ์เสียงดังก็เงียบเสียงลงมาในทันทีจากนั้นก็โค้งคำนับทำความเคารพโดยพร้อมเพรียง
“คารวะท่านประมุข!”
อี้เจาพยักหน้าจากนั้นก็หันไปมองทางด้านหลัง
“ออกมาเถอะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็มีสีหน้ามึนงงแล้วมองหน้ากันไปมา
ผู้อาวุโสทั้งห้าก็อยู่ที่นี่ แล้วท่านประมุขกำลังเรียกใครอยู่…
ทันใดนั้นเองก็มีคนที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
“ซั่งกวนเยว่หรือ? หรือว่าหงส์ทองคำตัวนั้น?”
“น่าจะเป็นเด็กใหม่มากกว่าละมั้ง? ส่วนมนุษย์ที่ชื่อเยว่ๆ อันใดนั่น ประมุขเกลียดการสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขามากที่สุด ไม่ได้ไล่ให้นางกลับไปในทันทีก็ถือว่าไว้หน้ามากแล้ว จะให้นางมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างใด?”
“นั่นสิ”
“จะว่าไปแล้วพวกเจ้าไม่รู้สึกแปลกๆ บ้างหรือ? พูดถึงการยกเลิกพันธสัญญา แต่ภายในนั้นกลับไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเจ้าหมอนั่นจะทะลวงด่านมาได้ครึ่งทาง ตอนนี้มันก็ถือว่ามันเป็นหงส์ทองคำตัวหนึ่ง ตามหลักการแล้วมันไม่น่าจะเงียบขนาดนี้นะ?”
“มีประมุขและผู้อาวุโสทั้งหลายอยู่ แม้ว่าจะเกิดการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาก็สามารถระงับได้ มันจะมีอันใดน่าแปลกใจอีก?”
เสียงซุบซิบกระจายภายในกลุ่มคน
สายตาของคนจำนวนนับไม่ถ้วนมองไปที่หน้าประตูตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงบานใหญ่ด้วยความสงสัยและสำรวจ
มีคนบางส่วนที่ไม่สามารถก้มหน้าก้มตาได้อีกต่อไป เขาเงยหน้าขึ้นมองเหมือนกลัวจะพลาดเหตุการณ์สำคัญใดไป
…
เงาร่างอันอรชรเดินออกมาจากด้านหลังของประตูบานใหญ่อย่างเชื่องช้า
ในขณะนี้ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
แสงอาทิตย์อัสดงสะท้อนเข้าที่ร่างของนาง ทำให้เงาร่างของนางทอดยาว เหมือนกับขับไล่ความเย็นยะเยือกภายในท้องพระโรงออกไปจนหมดสิ้น
คนผู้นั้นคือแม่นางคนหนึ่ง
นางสวมชุดกระโปรงสีแดงที่เรียบง่าย ที่เอวมีสายรัดหยกสีดำทำให้เปิดเผยส่วนเว้าส่วนโค้งของแม่นางคนนั้น
ลายเส้นทุกอย่างบรรจบกันอย่างเหมาะสมเหมาะเจาะ
ผมสีดำขลับของนางถูกเกล้าขึ้นด้วยปิ่นปักผมสีดำลายดอกท้ออย่างเรียบง่าย
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องดอกท้อดอกนั้นเหมือนกับมีชีวิต เปล่งประกายเย็นชา
ทันใดนั้นเองเสียงซุบซิบก็จางหายไปอย่างพร้อมเพรียง
อากาศเหมือนถูกแช่แข็งไปในทันที ภาพเหตุการณ์นิ่งค้าง
สีหน้าของทุกคนแข็งทื่อ ราวกับไม่สามารถตอบสนองได้ทัน
“ถวนจื่อ พวกมันกำลังมองเจ้าอยู่นะ หากเจ้าทำเช่นนี้อยู่ตลอด ไม่แน่พวกมันอาจจะคิดว่าเจ้าเป็นคนขี้ขลาดตาขาวก็ได้นะ”
พรึ่บ!
ในตอนนั้นถวนจื่อก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที มันเชิดศีรษะขึ้น ดวงตาดำขลับส่องสว่าง แล้วกวาดสายตามองไปจนทั่ว
ใคร!
ใครกันที่กล้าดูถูกมัน!
หลังจากกวาดสายตามองไปหนึ่งรอบ ถวนจื่อก็ลดแรงกดดันลงก่อนจะสยายปีกขึ้น
แต่ว่าในครั้งนี้มันไม่ได้หดตัวกลับไป แต่กลับมองรอบข้างเป็นครั้งคราว
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น
นางกับถวนจื่อมีจิตเชื่อมโยงกัน นางจะไม่รู้ได้อย่างใดว่าถวนจื่อกำลังคิดอันใดอยู่?
มันอยากจะกลับมาดูสักครั้ง เพราะอยากรู้ว่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของตนเองใช้ชีวิตอยู่กันอย่างใด
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามเลือดชนิดเดียวกันก็ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของพวกมัน
ด้วยพลังแห่งสายเลือดเช่นนี้ทำให้พวกมันหวนคิดถึงและสงสัยเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้
มันแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจและเตรียมตัวจะตัดขาดกับที่แห่งนี้ทุกเมื่อก็เพื่อนาง
แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่อยากให้มันทำเช่นนั้น
อีกทั้งตอนนี้ในที่สุดสายตาของพวกมันก็หยุดลงที่ร่างของถวนจื่อ
“คือว่า… นี่คือหงส์ทองคำในตำนานตัวนั้นหรือ?”
“ดูแล้วธรรมดาอย่างยิ่ง เหมือนไม่มีอันใดพิเศษเลยละมั้ง?”
“หรือว่าพวกเจ้าไม่ได้สังเกต มันกำลังเกาะอยู่บนไหล่ของมนุษย์ผู้นั้นนะ? แบบนี้ยังไม่พิเศษอีกหรือ?”
อี้หรานไพล่มือไว้ด้านหลังหนึ่งข้างและมองตรงไป
เพียงแค่มองครู่เดียวเขาก็ขมวดคิ้วขึ้น ความรังเกียจฉายชัดอยู่ในแววตาอย่างรวดเร็ว
“ไม่เหมาะสม!”
ในตอนนั้นเองอี้เจาก็มองมาทางนี้อย่างกะทันหัน
“อี้หราน เจ้าพาซั่งกวนเยว่ไปที่หุบเขาเฟิ่งหวงที”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...