งานพิธีที่กราบไหว้บรรพบุรุษร้อยปีจะมีสักครั้ง ดังนั้นพิธีการนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีการที่สำคัญที่สุดของเผ่าหงส์ทองคำ
เขาจะกล้าใช้เหตุผลของตนเองมันเลื่อนงานกราบไหว้พิธีบรรพบุรุษได้อย่างใด?
“ท่านประมุขโปรดวางใจ ก่อนหน้านี้ข้าได้เตรียมการไปพอประมาณแล้ว ไม่มีทางทำให้งานพิธีล่าช้าอย่างเด็ดขาด…”
ขณะที่ผู้อาวุโสอี้กงพูดนั้น น้ำเสียงของเขายังสั่นเครือเล็กน้อย
แม้ว่าในเผ่านั้นเขามีฐานะไม่ต่ำต้อย และมีอำนาจอยู่ในมือ แต่เรื่องบางอย่างก็มีขอบเขต ต่อให้เป็นเขาก็ไม่กล้าทำอันใดตามอำเภอใจเด็ดขาด
อี้เจามองเขาด้วยสายตาราบเรียบ
“เจ้าก็รู้ว่างานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษนี้ไม่สามารถมีข้อผิดพลาดได้ ทุกขั้นตอนล้วนต้องระมัดระวัง แต่หลายวันที่ผ่านมานี้เหมือนว่าเจ้าจะอยู่ในหุบเขาเฟิ่งหวงมาตลอดสินะ? เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดความคิดบางอย่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…”
“เลื่อนเวลาออกไป ก็ยังดีกว่าพบข้อผิดพลาดในช่วงนั้น”
สายตาของคนรอบข้างจำนวนไม่น้อยมองมาที่เขา
ผู้อาวุโสอี้กงมีใบหน้าเขียวสลับขาว ดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก
คำพูดของอี้เจานี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ อีกฝ่ายไม่ไว้หน้าเขาเลยจริงๆ
แล้วอีกอย่างเขาอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดมานานหลายปีแล้ว พิธีกราบไหว้บรรพบุรุษเช่นนี้เขาไม่ได้เพิ่งจัดเตรียมมาเป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่ในครั้งนี้เหตุใดเขาถึงไปอยู่ที่หุบเขาเฟิ่งหวงถึงสองวันล่ะ?
หัวใจของเขาเต้นระส่ำ เมื่อมองอี้เจาเขาก็รู้สึกสงสัยอันใดบางอย่างขึ้น
… เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าท่านประมุขต้องการจะเลื่อนพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษออกไปจริงๆ?
ผู้อาวุโสอี้กงถอนสายตาออกมา และสงบสติอารมณ์ของตนเองลง ก่อนจะพูดออกมาอย่างเชื่องช้าว่า
“ท่านประมุข ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ช่วงเวลาหลังจากนี้ข้าจะตรวจสอบด้วยตนเองเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอันใดผิดพลาด หากมันเกิดข้อผิดพลาดจริงๆ แล้วละก็ ข้ายินดีรับผิดชอบทั้งหมด”
นี่ก็เหมือนกับคำสั่งทางทหาร
อี้เจาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้… ข้าก็จะเชื่อเจ้าสักครั้ง”
ผู้อาวุโสอี้กงชะงักเล็กน้อย
เหตุใดถึง… ไม่พูดเรื่องเลื่อนเวลาออกไปอีกเล่า แต่กลับตอบรับโดยตรงเยี่ยงนี้หรือ?
เขารีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมองออกเลยว่าอี้เจามีความรู้สึกอย่างใด
เขาจึงทำได้เพียงสะกดกั้นความสงสัยในใจลง
“เอาล่ะ เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ”
อี้เจาโบกมือขึ้น
ผู้อาวุโสอี้กงหลุบตาต่ำตอบรับหนึ่งเสียง
“ขอรับ”
…
พระราชวังเมฆาสวรรค์
ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยความเงียบงัน
คำถามของหรงซิวทำให้ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งร้อนรนอยู่ไม่สุข
หลังจากนั้นไม่นาน แผ่นหลังของเขาก็เปียกโชก เสื้อผ้าแนบชิดกับร่างกาย จนทำให้หนาวสั่นและดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก
“ขอรับ…เป็นเพราะว่า…”
ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งชะงักไป เพราะไม่สามารถให้เหตุผลได้
เขารู้สึกว่าสายตาของหรงซิวที่จ้องมองมาที่เขานั้นเหมือนกับคมมีดน้ำแข็งที่ทั้งแหลมคมและเย็นยะเยือก!
ในเวลาเดียวกันนั้นเองเสียงที่ทุ้มต่ำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น!
“ตอนที่ท่านประมุขเกิดเรื่อง อวี๋จิ้งเป็นคนที่เข้าไปพบเป็นคนแรก บนร่างกายของท่านประมุขมีลมปราณของเขาอยู่ก็เป็นเรื่องปกติแล้วไม่ใช่หรือ?”
ผู้พูดคนนั้นคือผู้อาวุโสถงชวน
เมื่อได้ยินดังนั้นความคิดของผู้อาวุโสอวี๋จิ้งก็สว่างขึ้น
เขายืดหลังตรงอย่างกะทันหัน
“ใช่แล้ว! ถูกต้อง! ในตอนนั้นข้ามีเรื่องปรึกษากับท่านประมุขเล็กน้อย แต่หลังจากที่เคาะประตูอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลย ในใจของเขาจึงรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ข้ารู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ดังนั้นจึงรีบพังประตูเข้าไป หลังจากที่เข้าไปแล้วเห็นว่าท่านประมุขสลบไสล ดังนั้นจึงรีบจับชีพจรก่อน อีกทั้งยังใส่พลังปราณดั้งเดิมเพื่อช่วยเหลือท่านประมุข… เรื่องก็เป็นเช่นนี้แหละ”
เขาพูดโดยไม่ละสายตา
“เมื่อครู่นี้ เมื่อครู่ข้าลืมว่ามีเรื่องเช่นนี้อยู่ด้วย…”
เขาจะลืมจริงหรือไม่ไม่มีใครทราบ
“ท่านประมุขรู้ทั้งรู้ว่าสำนักหลิงเซียวกำลังประสบปัญหามากมาย แต่กลับยังพาเจียงจื่อหยวนไปที่นั่น เรื่องราววีรกรรมของเจียงจื่อหยวนถูกเปิดเผยออกมา แต่ก็ยังเป็นการเอนเอียงเข้าข้างนางอยู่ ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจของท่านประมุขก็มีเพียงเจียงจื่อหยวน ไม่ว่าข้าจะโน้มน้าวอย่างใดก็ไม่สามารถทำได้ สุดท้ายเรื่องจึงไปถึงขั้นนั้น นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการจะเห็น”
หรงซิวพูดแทรกคำพูดของเขา ก่อนจะมองเขาด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่ในแววตากลับมีความเย็นยะเยือก
“หรือผู้อาวุโสถงชวนคิดว่าข้านั้นต้องการทำให้เขาต้องขายหน้าต่อหน้าผู้แข็งแกร่งทุกท่านของอาณาจักรเสิ่นซวี่?”
ผู้อาวุโสถงชวนสำลักไปในทันที
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถยอมรับคำพูดนี้ได้
แต่…
ถ้าเขาไม่ได้วางแผนมาก่อน หรงซิวจะจัดเตรียมคนได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้นได้อย่างใด เขาเลือกคนมาแทนที่เจียงเห่อเทียน จากนั้นก็ให้ตระกูลเจียงกลับมาอยู่ภายใต้อำนาจของเขา
เห็นได้ว่าเขาวางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว!
ผู้อาวุโสถงชวนยังรู้สึกอีกว่า แม้กระทั่งเรื่องของไป๋หลีฉุนและเจียงจื่อหยวน หรงซิวก็รู้มาตั้งนานแล้ว
ส่วนเรื่องความอัปยศนั้น…
ใบหน้าของหรงซิวดูหมองคล้ำ แต่คนที่เสียหน้าจริงๆ นั้นคือไป๋หลีฉุน!
หรงซิวกวาดสายตามองไปโดยรอบ
“ที่ทุกท่านมาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพราะมีความคิดเช่นเดียวกันหรือ?”
เสียงของเขาราบเรียบและเบาบางเป็นอย่างมาก แต่กลับรู้สึกหนักอึ้งราวกับหินผา ทำให้กดทับหัวใจของทุกคน
ผู้อาวุโสถงชวนรีบอธิบายขึ้นมาว่า
“ฝ่าบาทเข้าใจผิดแล้ว… ผู้เฒ่าอย่างข้าเพียงคิดว่าเหตุการณ์เหล่านั้นมันรุนแรงมากเกินไป มันจึงทำให้… และแน่นอนว่ามันก็ยังมีความเป็นไปได้อื่นๆ …”
“แน่นอนว่าต้องมีความเป็นไปได้อื่นๆ”
หรงซิวพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ท่านประมุขเพิ่งจะทะลวงด่านออกมา ฝีมือเพิ่มสูงขึ้น ต่อให้เขารู้สึกตรอมใจ ก็ไม่น่าจะเป็นถึงขั้นนี้ พวกเจ้ายังไม่รีบไปตรวจสอบ แต่กลับมารั้งรออยู่ที่นี่ รอเพื่อสอบถามข้า…”
ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“ความใจกล้าของพวกเจ้านั้น นับว่ามีเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย”
……….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...