เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1585

อี้เจาพยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก

ประตูสีทองรมดำขนาดใหญ่เปิดออกเอง

แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ส่องเข้ามาที่ด้านใน

อี้เจาเชิดคางขึ้นมาเล็กน้อย แล้วมองออกไปด้านนอก

จากตำแหน่งนี้ไปจนถึงจัตุรัสด้านหน้า ต้องเดินลงบันไดเก้าขั้น

ดังนั้นเมื่อยืนอยู่ตรงนี้ก็จะสามารถมองเห็นทั้งจัตุรัสได้อย่างง่ายดาย

เมื่อประตูบานใหญ่เปิดออก เงาร่างหลายร่างปรากฏกายขึ้น เดิมทีจัตุรัสที่มีเสียงดังจอแจ กลับเงียบลงในทันที

ทุกสายตามองมาทางนี้

จากนั้นทุกคนก็ทำความเคารพโดยพร้อมเพรียง

“คารวะท่านประมุข!”

ผู้คนทั้งสองฟากฝั่งก้มหน้าทำความเคารพ

แม้ว่าจะมีจำนวนคนไม่มาก แต่คนที่สามารถมาหยุดอยู่ตรงนี้ได้ ล้วนเป็นผู้คนที่โดดเด่นที่สุดในเผ่าหงส์ทองคำ

ขณะที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็มีแรงกดดันอันไร้รูปร่างปรากฏขึ้น

อี้เจาเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าราบเรียบ สายตาของเขามองไปทางหุบเขาเฟิ่งหวง

เมฆดำรวมตัว ทัณฑ์สวรรค์ส่งเสียงดังครืนคราน

เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวที่บริเวณนั้นยังไม่หยุดนิ่ง

ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ไม่รู้ว่าจะสงบลงเมื่อใด…

ลมปราณอันทรงพลังแผ่กระจายออกมาอย่างรวดเร็ว

“ลุกขึ้นเถอะ”

ทุกคนถึงได้ลุกขึ้นยืน

อี้เจากวาดสายตามองโดยรอบ ตอนที่เขาเห็นกลุ่มคนผู้เยาว์ยืนรวมตัวอยู่ด้านหนึ่ง สายตาของเขาก็หยุดชะงักไป

เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ว่าท่านประมุขมองมา กลุ่มคนผู้เยาว์เหล่านี้ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาในทันที

ในกลุ่มของพวกเขานั้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่เพิ่งเข้าร่วมงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่ได้มายืนบริเวณจัตุรัสหน้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง

จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะประหม่าและตื่นเต้น

ยังดีที่อี้เจาถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว แรงกดดันอันไร้รูปร่างบนร่างกายเขาถึงค่อยจางหายไป

อี้เจาพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มและจากระยะไกล ข้อความที่กระจายออกมาดังกังวานในโสตประสาทของทุกคน

“วันนี้คืองานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ และซึ่งเผ่าหงส์ทองคำของพวกเราครบรอบร้อยปี”

“ครั้งนี้นอกจากจะมีการสักการะบรรพบุรุษ การทดสอบพรสวรรค์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ยังมีเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง…นั่นคือการคัดเลือกนายน้อยของเผ่าเรา!”

“ข้าได้รับการสืบทอดตำแหน่งประมุขเผ่ามาหลายพันปีแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาคัดเลือกผู้สืบทอดคนต่อไป!”

ทันทีที่สิ้นเสียงสีหน้าของคนจำนวนไม่น้อยก็มีความตื่นเต้นขึ้น

ความจริงแล้วพวกเขาก็รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินด้วยตนเอง ก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างอดไม่ได้

สำหรับเผ่าหงส์ทองคำแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีความหมายอย่างยิ่ง

ต่อให้คนทั่วไปจะรู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ในการคัดเลือกนั้น แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกสงสัยและตื่นเต้น

พวกเขาสามารถดูการคัดเลือกนายน้อยด้วยตาตนเองได้นั้นก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก!

อี้เจายกมือขึ้น จากนั้นก็ชี้ไปทางอี้หราน แต่หลังจากมองหาอยู่สักพัก เขากลับมองไม่เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย จึงอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้

เมื่อครู่นี้เขากวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว จึงคิดว่าอี้หรานอยู่ด้านหลัง แต่ตอนนี้เขาเพิ่งพบว่าอี้หรานไม่ได้อยู่ที่นี่

การที่เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่ เป็นการดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนในทันที

คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากัน

ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเจตนาที่ดี

ในรุ่นของพวกเขา คนที่ควรจะได้ขึ้นไปคนแรกน่าจะเป็นอี้หราน

แต่ในตอนนี้เขายังไม่มา

ผู้อาวุโสอี้กงเห็นดังนั้นจึงรีบสาวเท้าเดินหน้าครึ่งก้าว แล้วอธิบายเสียงต่ำว่า

“ท่านประมุข ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้อี้หรานบอกกับข้าว่า เขาเข้าใจแก่นหลักไปไม่น้อย และเห็นสัญญาณในการทะลวงด่าน ช่วงนี้เขาจึงปิดด่านฝึกอยู่ตลอดเวลา อาจจะยังไม่ได้ออกมา”

การที่มาเข้าร่วมงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษสายนั้นไม่ใช่ความผิดเล็กน้อย

แต่ถ้าเป็นเพราะบำเพ็ญเพียร… นั่นก็เป็นเรื่องที่สามารถให้อภัยได้

สีหน้าของอี้เจาอ่อนลงหลายส่วน

“ที่ผ่านมานั้นอี้หรานล้วนรู้จักหนักเบา ถ้าไม่ใช่เพราะมีสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้าเชื่อว่าเขาไม่มีทางทำเช่นนี้แน่นอน ดูจากในครั้งนี้แล้ว เขามีความเป็นไปได้ที่จะสามารถทะลวงด่าน”

ผู้อาวุโสอี้กงรีบพูดขึ้นว่า

“ขอบพระคุณท่านประมุขสำหรับคำอวยพร เพียงแต่ในตอนนี้ข้าเห็นว่าเขายังไม่ทะลวงด่าน ในฐานะที่ข้าเป็นอาจารย์ของเขา จึงไม่กล้าพูดอันใดมาก”

อี้เจาออกคำสั่ง

อี้ซินพยักหน้าแล้วหลับตาลง

วินาทีถัดมา เปลวเพลิงสีทองชาดก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาอย่างรุนแรง!

เปลวเพลิงเหล่านั้นห้อมล้อมร่างกายของเขาเอาไว้ภายในเสี้ยววินาที เปลวเพลิงอุณหภูมิสูง ทำให้บรรยากาศโดยรอบร้อนขึ้นมาในทันที!

พรึ่บ!

ทันใดนั้นเองใต้ฝ่าเท้าของเขาก็มีเสียงดังขึ้นมา!

หลังจากนั้นเหมือนว่าสัญลักษณ์นั้นจะติดไฟขึ้นมา และค่อยๆ สว่างขึ้น!

ลำแสงที่อ่อนโยนค่อยๆ ปรากฏออกมาจากสัญลักษณ์!

ทุกคนหันมามองด้วยความตั้งใจ ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา เพราะกลัวว่าจะพลาดอันใดไป

สัญลักษณ์ของเผ่าหงส์ทองคำมีลักษณะค่อนข้างที่จะพิเศษ

มันเหมือนกับลูกไฟกลุ่มหนึ่ง และก็เหมือนกับนกเฟิ่งที่กำลังจะสยายปีกบิน ส่วนปลายหางมีเส้นสายเก้าเส้น เหมือนเปลวเพลิงที่แตกกิ่งก้านสาขา และก็ยังเหมือนกับหางของนกเฟิ่ง

ในขณะเดียวกันนั้นเองเปลวเพลิงบนร่างกายของอี้ซินที่กำลังลุกท่วม ทำให้ปลายหางเก้าเส้นนั้นส่องสว่างขึ้นมา

เส้นที่หนึ่ง

เส้นที่สอง

เส้นที่สาม!

ในตอนที่เส้นที่สามสว่างขึ้น ทุกคนก็ต่างกลั้นลมหายใจ

หากสามารถจุดประกายไฟได้สามเส้น นั่นก็หมายความว่าเขาเปิดเส้นชีพจรได้สามเส้นแล้ว

การเปิดเส้นชีพจรสามเส้นไม่ใช่เรื่องประหลาด แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาจะสามารถจุดประกายไฟได้ต่อไปหรือไม่!

สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือ เปลวเพลิงบนร่างกายของอี้ซินยังไม่ได้ดับมอดลงในทันที!

บริเวณเส้นที่สี่ ในที่สุดก็มีประกายไฟจุดติดขึ้นมาเล็กน้อย!

“โอ้… นี่เขาจุดประกายไฟได้สี่เส้นหรือ?”

“เรื่องจริงหรือนี่? ต้องเป็นผู้ที่สามารถเปิดเส้นชีพจรได้สี่เส้นไม่ใช่หรือ? ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นได้ยินว่าอี้ซินทะลวงด่านได้แล้ว…”

“เขาใช้ชีวิตอย่างสันโดษมาโดยตลอด ตั้งใจบำเพ็ญเพียร อ่อนน้อมถ่อมตนทำตัวติดดินอย่างมาก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสามารถจุดประกายไฟเส้นที่สี่ได้จริงๆ…”

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์