เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1594

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดจริงๆ

ต้องบอกก่อนว่าท่านประมุขของเผ่าหงส์ทองคำผู้นี้ มีนิสัยเย็นชา แข็งกระด้าง และเย่อหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก

ไม่ต้องพูดถึงเผ่ามนุษย์เลย แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสและรุ่นเยาว์ทั้งหลาย เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เขาก็เห็นอีกฝ่ายเป็นแค่นก

กระทาเท่านั้น

ต่อให้เขาจะพูดคุยเจรจากับอีกฝ่าย

แต่ถ้าพูดให้น่าฟังเสียหน่อย เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เย่อหยิ่งจองหองเป็นอย่างมาก

แต่ถ้าพูดให้ไม่น่าฟัง เขาเป็นคนที่หยิ่งยโส และรักศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างมาก

แต่ในตอนนี้คนอย่างเขากลับถูกถวนจื่อบีบบังคับให้พ่ายแพ้ แต่คาดไม่ถึงว่า… เขาจะไม่มีความโกรธเคืองเลย?

ไม่เพียงไม่รู้สึกโกรธ เหมือนกับกำลังคิดว่าจะต้องทำอย่างใดดีถึงจะทำให้ถวนจื่อมีความสุข?

ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองไปทางอี้เจาอย่างไร้เสียง เมื่อเห็นว่าเขากำหมัดแน่นด้วยความประหม่า รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็แข็งค้าง นางจึงเกือบจะหัวเราะออกมาแล้ว

“คือว่า…”

อี้เจาอึกอักอยู่นาน ก่อนจะพูดออกมาอย่างยากลำบาก เมื่อเขาพูดออกมาได้หนึ่งคำ ถวนจื่อก็พูดออกมาว่า

“ในเมื่อท่านประมุขไม่มีเรื่องอันใดแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ?”

คำพูดที่เหลือของอี้เจาติดอยู่ที่กลางลำคอ

ทุกคนกลั้นลมหายใจ

… ถวนจื่อผู้นี้ กำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้ว!

คนก่อนหน้านี้ที่กล้าทำตัวไร้มารยาทกับท่านประมุขเช่นนี้ ได้ตายไปอย่างไร้กระดูกตั้งนานแล้ว

และนาง… ต้องโดนลงโทษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน!

อย่างใดก็ตามทุกคนกำลังรอดูว่าอี้เจาจะลงโทษถวนจื่ออย่างใด แต่ในตอนนั้นกลับได้ยินเสียงเขากะแอมไอ แล้วพูดขึ้นอย่างลังเลว่า

“เช่นนั้น… เจ้าก็ไปเถอะ …”

“ขอบคุณท่านประมุขมาก!”

ถวนจื่อกล่าวขอบคุณหนึ่งคำ ก่อนจะรีบหมุนตัววิ่งกลับไปยืนอยู่ข้างกายฉู่หลิวเยว่

ทุกคนนิ่งค้างไป

จะปล่อย… ปล่อยไปเช่นนี้น่ะหรือ?

คาดไม่ถึงว่าท่านประมุขจะไม่คิดจะลงโทษนางเลยแม้แต่น้อย?

ส่วนอี้เจานั้นกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่

เมื่อครู่นี้ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับถวนจื่อ ใบหน้ากลมเล็กเย็นชาเป็นอย่างมาก

แต่ทันทีที่นางหมุนตัวกลับไป มุมปากก็คลี่ยิ้มเป็นรอยยิ้มกว้าง

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า รอยยิ้มนี้มีไว้ให้กับซั่งกวนเยว่

เขามองเงาร่างกระโดดโลดเต้น ภายในใจของอี้เจากลับมีความขมฝาด

ตามหลักการแล้วเมื่อถวนจื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ อีกทั้งยังสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้ ความรู้สึกที่มีต่อเผ่าพันธุ์ก็ควรจะลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

แต่ว่า…

เมื่อเห็นสายตาของนางเมื่อครู่นี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าถวนจื่อยังคงคิดถึงเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้

ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว… เหมือนว่าท่าทางและการกระทำของเขาที่มีต่อซั่งกวนเยว่และถวนจื่อในตอนแรกนั้นเหมือนว่าจะแข็งกระด้างมากเกินไป…

หากทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันด้วยดีตั้งแต่แรก ถวนจื่อคงจะไม่ต่อต้านพวกเขาอย่างนี้

เขาเพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้เอง แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้ว

“อาเยว่!”

ฉู่หลิวเยว่จับมือเล็กและนุ่มนิ่มนั้น แต่สายตาก็ยังคงมองไปทางอี้เจา นางพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มว่า

“ท่านประมุขอี้เจา การพนันของข้านั้น… นับว่าข้าชนะแล้วใช่หรือไม่?”

อี้เจาดึงสติกลับมา ก่อนจะมองนางด้วยสายตาสับสน

ต่อให้เขาไม่อยากจะยอมรับ แต่เขาก็รู้ว่านี่เป็นความจริง

แม่นางคนนี้สามารถช่วยให้ถวนจื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ภายในเวลาหนึ่งเดือนได้จริงๆ

อีกทั้งนางยังสามารถช่วยให้ถวนจื่อเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้

ทุกคนได้เห็นทุกเหตุการณ์เหล่านั้นกับตนเองแล้ว

นางสามารถทำเช่นนี้ได้ ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องยอมรับ

เมื่อเห็นว่าถวนจื่อพึ่งพาแอบอิงอยู่ข้างกายนาง อี้เจาก็ถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างอดไม่ได้

“เจ้าชนะแล้ว ข้า… ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ เจ้าไม่จำเป็นจะต้องยกเลิกพันธะสัญญากับถวนจื่อ หลังจากนี้หากมันต้องการจะติดตามเจ้า เช่นนั้นก็… ตามใจเถอะ”

อี้เจาพูดออกมาอย่างเชื่องช้า น้ำเสียงของเขาทุ้มลึกกว่าปกติเล็กน้อย

อีกทั้งคำพูดนี้ ยังดังก้องในโสตปราสาทของทุกคนราวกับเสียงฟ้าผ่า

ผู้อาวุโสอี้กงกลับไม่สนใจสายตาดูถูกของเขา

ในตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดีอย่างมาก!

เดิมทีเมื่อเขาเห็นว่าถวนจื่อสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้สำเร็จ เขาก็รู้แล้วว่าตำแหน่งนายน้อยนั้นจะต้องเป็นของนางอย่างแน่นอน

แต่เมื่อซั่งกวนเยว่พูดถึงเรื่องการพนันขึ้น เขาถึงได้นึกออกว่า ความสำเร็จของถวนจื่อนั้น นางไม่มีคุณสมบัติที่จะได้ขึ้นครองตำแหน่ง!

ความสิ้นหวังและกังวลใจเมื่อก่อนหน้านี้กลายเป็นความรู้สึกที่เปล่าประโยชน์!

เผ่าหงส์ทองคำนั้นไม่มีทางยอมรับหงส์ทองคำที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์มาเป็นนายน้อยของตนเองอย่างแน่นอน!

เมื่อคิดถึงตรงนี้สายตาของอี้กงก็หรี่ลงมาเล็กน้อย แล้วหันไปมองทางอี้หราน ในแววตาของเขามีประกายความผิดหวังและดูแคลนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!

โคลนหย่อมหนึ่งที่ฉาบอย่างใดก็ไม่ติดผนัง*

เขาใช้เวลาหลายปีในการอบรมดูแลอีกฝ่าย แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถได้อันใดมาเลย

จนถึงตอนนี้อี้หรานเหมือนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว

เขาจำเป็นจะต้องหาเพชรเม็ดงามเม็ดต่อไป…

แต่ว่าในสถานการณ์ที่รีบร้อนเช่นนี้ เรื่องการคัดเลือกตำแหน่งนายน้อยควรจะเลื่อนเวลาออกไปเสียดีกว่า

“ท่านประมุข ในวันนี้เกิดเรื่องมากมาย ข้าว่าตำแหน่งนายน้อยนี้… อย่าเพิ่งคัดเลือกเลย รอให้ผ่านไปสักระยะหนึ่ง เมื่อสภาพจิตใจของทุกคนกลับมาเป็นปกติ และหลังจากเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาคัดเลือกกันอีกครั้งจะดีหรือไม่? หรือว่าจะเป็นการกราบไหว้บรรพบุรุษในครั้งต่อไป ค่อย…”

ผู้อาวุโสอี้ซังพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก

“งานกราบไหว้บรรพบุรุษร้อยปีจัดหนึ่งครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ทุกคนต่างเตรียมตัวเพื่อมาคัดเลือกตำแหน่งนายน้อย ทุกคนในเผ่าใช้ความพยายามกันไปไม่น้อย เหตุใดพูดว่าจะเลื่อนก็สามารถเลื่อนได้อย่างง่ายดายเล่า?”

ผู้อาวุโสอี้กงยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

“ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างใดเล่า? ในสถานการณ์แบบนี้ อี้ซัง เจ้าคิดว่าจะสามารถจัดต่อไปได้หรือ?”

“เจ้า…”

“ไม่ต้องจัดต่อไปแล้ว”

อี้เจาพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ขัดจังหวะการโต้เถียงของทั้งสองคน

มุมปากของผู้อาวุโสอี้กงยกยิ้มขึ้น “ท่านประมุขปราดเปรื่องยิ่งนัก”

แต่คำพูดประโยคถัดไปของอี้เจา กลับทำให้ใบหน้าภาคภูมิใจของเขานั้นแข็งทื่อไปในทันที

“เพราะว่าข้ามีผู้สมัครที่ดีที่สุดแล้ว”

*โคลนหย่อมหนึ่งที่ฉาบอย่างใดก็ไม่ติดผนัง หมายถึง คนไร้ความสามารถ

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์