เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1617

……….

จัตุรัสขนาดใหญ่เงียบเสียงลงอย่างกะทันหัน

ในขณะนั้นเองเหมือนกับแม้กระทั่งลมก็หยุดพัด

สีหน้าของทุกคนดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ

เมื่อครู่นี้ซั่งกวนเยว่พูดว่ากระไรนะ?

ผู้อาวุโสเป็นคนดีมาก นางรู้สึกสนิทสนมกับเขาเป็นพิเศษ?

เมื่อพูดเช่นนี้ก็หมายความว่า นางได้พูดคุยกับท่านบรรพบุรุษจริงๆ หรือ?

อีกทั้งเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เหมือนว่าท่านบรรพบุรุษปฏิบัติต่อนางไม่เลวเลย!

แต่นางเป็นคนเผ่ามนุษย์นะ!

หลังจากความเงียบปกคลุมอยู่ในระยะสั้น ในที่สุดจัตุรัสก็เกิดความโกลาหลขึ้นมา!

“นี่มัน… นางได้พบกับท่านบรรพบุรุษจริงด้วย! ข้าเคยเข้าไปกราบไหว้บรรพบุรุษอยู่สองครั้ง แต่ก็ไม่เคยพบเลยสักครั้ง! ข้ารู้สึกปวดใจมาก!”

“หุบปากเถอะ ข้าเข้าไปกราบไหว้ตั้งห้าครั้ง ก็ไม่เคยได้พบเลยสักครั้งเช่นกัน นอกจากประมุขและผู้อาวุโส ต่อให้คนอื่นๆ เข้าไปอีกสักกี่ครั้งผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิม! หากอยากพูดคุยกับท่านบรรพบุรุษ… เจ้าได้เป็นผู้อาวุโสก่อนแล้วค่อยว่ากัน! อ่า จริงสิ เป็นนายน้อยก็ได้ แต่ก่อนจะพูดเรื่องนั้น เจ้าจะต้องมีฝีมือระดับนั้นเสียก่อน”

เห็นได้ชัดว่าทุกคนที่อยู่ในจัตุรัสนี้ไม่มีฝีมือถึงระดับนั้น

ท้ายที่สุดแล้วตำแหน่งนายน้อย ก็เป็นของคนตัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่ด้านบนนั้น

“ให้ตายเถอะ… ตำแหน่งนายน้อยว่างมาเป็นร้อยปี เพิ่งจะได้คัดเลือก แต่ก็ถูกเด็กที่เพิ่งทะลวงด่านมาแย่งไปเสียได้ แล้วคนผู้นั้นยังมีสายเลือดบริสุทธิ์ ดังนั้นข้าไม่จำเป็นจะต้องพูดอันใดแล้ว อิจฉาก็คงไม่ไหว นางสามารถเข้าไปกราบไหว้บรรพบุรุษได้ นั่นก็เป็นเรื่องที่สมควร แต่… ใครสามารถบอกข้าได้บ้างว่า มันเกิดอันใดขึ้นกับซั่งกวนเยว่!”

นางเป็นผู้ทำพันธสัญญากับถวนจื่อ!

ต่อให้จะไว้หน้าถวนจื่อก็ไม่ควรจะทำถึงขั้นนี้สิ!

ท่านบรรพบุรุษคิดอันใดอยู่กันแน่นะ?

อี้เจาเป็นผู้ที่ผ่านโลกมามาก แต่สีหน้าของเขาในตอนนี้ก็ยอดเยี่ยมอย่างมากเช่นกัน

จิตสำนึกที่เหลืออยู่ของบรรพบุรุษเผ่าหงส์ทองคำมักจะหลับใหลอยู่ตลอดมา

มีเพียงแค่ช่วงกราบไหว้บรรพบุรุษ ที่เขาจะตื่นมาเท่านั้น

ซึ่งคนเดียวที่สามารถพูดคุยกับเขาได้ก็คือนายน้อยคนใหม่ หรือไม่ใช่ก็คือท่านประมุข

แม้กระทั่งผู้อาวุโสทั้งห้า อย่างมากก็สามารถติดตามเข้าไปขอพบได้ แต่ไม่เคยได้รับเกียรติถึงขนาดให้ท่านบรรพบุรุษชี้แนะ

แต่ดูตอนนี้สิ!

เผ่ามนุษย์คนหนึ่ง แต่ได้ดีกว่าพวกเขาทั้งหมด!

แม้ว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อ แต่อี้เจาและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้คิดว่าฉู่หลิวเยว่โกหก

เรื่องแบบนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโกหก

เพราะว่ามันสามารถตรวจสอบและหักล้างโต้เถียงได้ง่ายมาก

ดังนั้นเมื่อพูดเช่นนี้แล้ว… หมายความว่าท่านบรรพบุรุษปฏิบัติต่อนางดีจริงๆ …

“… ไม่ทราบว่าคุณหนูซั่งกวนจะสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ว่าท่านบรรพบุรุษชี้แนะอันใดบ้าง?”

อี้เจาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมถามด้วยความเกรงใจ

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมา

“ไม่มีอันใด ท่านก็แค่พูดว่าถวนจื่อยังเด็กนัก ให้ข้าดูแลนางให้มากหน่อย”

นางพูดออกมาด้วยเสียงราบเรียบ แต่ทุกผู้คนที่ได้ยินนั้นกลับมีสีหน้าตกใจเหมือนกัน!

นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยกถวนจื่อให้นางดูแลหรอกหรือ?

แม้กระทั่งท่านบรรพบุรุษยังพูดเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้น… คนอื่นยังมีสิทธิ์ที่จะคัดค้านอีกหรือ?

ความจริงแล้วเรื่องนี้อี้เจาก็สามารถคาดเดาได้อย่างเลือนราง แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อมาโดยตลอด

จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาจึงจำเป็นต้องยอมรับความจริง

ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าท่านบรรพบุรุษคิดเห็นอย่างใดถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายทำเช่นนี้แล้ว ก็จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน

อีกทั้งสิ่งที่พวกเขาทำได้ ก็คือเชื่อฟังตามคำสั่งเท่านั้น

“…อย่างนี้นี่เอง”

อี้เจาพูดออกมาด้วยเสียงแห้งผาก จากนั้นก็เงียบเสียงลง

เดิมทีเขาเป็นคนที่พูดน้อยอยู่แล้ว เมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ก็ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะพูดอันใดดี

“ประมุขอี้เจา ไม่ทราบว่างานกราบไหว้บรรพบุรุษนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใดหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่กระซิบถามเสียงเบา

อี้เจาชะงักไปเล็กน้อยแล้วพยักหน้าว่า

“ความจริงก็นับว่าเสร็จสิ้นแล้ว”

ความจริงแล้วงานกราบไหว้บรรพบุรุษครั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ การทดสอบเด็กรุ่นใหม่ และทำการคัดเลือกใครคนใดคนหนึ่งขึ้นมาเป็นนายน้อย

เดิมทีถวนจื่อไม่ได้อยู่ในขอบเขตนี้ แต่ด้วยฝีมือและพรสวรรค์ของนางช่างน่าเหลือเชื่อมากเกินไป อีกทั้งยังสามารถอัญเชิญจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษได้ แล้วยังได้รับความโปรดปรานจากบรรพบุรุษอีก

ดังนั้นตำแหน่งนายน้อยจึงกลายเป็นของนางโดยปริยาย

ส่วนเรื่องอื่นนั้น พวกเขาทดสอบเสร็จกันไปตั้งแต่วันแรกแล้ว

เดิมทีคนที่มีความหวังมากที่สุดก็คือ อี้หราน ดังนั้นต่อให้เขามาสาย อี้เจาไม่ได้ซักไซ้เอาความ

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”

อาทิตย์อัสดงในทิศประจิม

แสงอาทิตย์อันอบอุ่นส่องสะท้อนกับชั้นเมฆา ทำให้หมู่เมฆาถูกเคลือบเป็นแสงสีทองหนึ่งชั้น

เหนือพื้นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา แผ่นน้ำแข็งสะท้อนเข้ากับแสงอาทิตย์ระยิบระยับ

ซั่งกวนจิ้งยืนอยู่บริเวณริมฝั่ง พร้อมทอดมองไปไกล เมื่อเห็นว่าฉากด้านหน้าไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เขาก็ถอนหายใจยาวๆ ออกมาอย่างอดไม่ได้

อีกหนึ่งวันผ่านพ้นไป

เยว่เออร์ก็ยังไม่กลับมา

นี่ก็เป็นเวลาหนึ่งดือนกว่าแล้ว… ไม่รู้ว่าสถานการณ์ด้านในจะเป็นอย่างใดบ้าง

เมื่อนึกถึงจดหมายฉบับนั้น ซั่งกวนจิ้งก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

เยว่เออร์สามารถรบกวนให้ผู้อาวุโสช่วยส่งจดหมายออกมาได้ ความจริงแล้วก็เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของเขาไปมาก

แต่เพราะเหตุนี้ทำให้เขาสามารถอดทนรอต่อไปจนถึงตอนนี้ได้

แต่ว่าในตอนนั้นเยว่เออร์กล่าวว่าจะกลับออกมาเร็วๆ นี้

ทว่านี่ก็ผ่านเวลาไปนานแล้ว ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา…

แกร๊ก!

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังราวกับแตกกระจายดังออกมาจากระยะไกล ซึ่งขัดจังหวะความคิดของซั่งกวนจิ้ง

เขาหันกลับไปมองตามเสียงนั้น และเห็นว่าแผ่นน้ำแข็งที่อยู่เหนือท้องทะเลแตกกระจายออกอย่างกะทันหัน!

หัวใจของเขากระตุกวูบ และรีบสาวเท้าก้าวขึ้นไปสองก้าว พร้อมจ้องมองตาเขม็ง

หลังจากนั้นไม่นาน นอกจากเสียงแตกที่คมชัดแล้ว บนแผ่นน้ำแข็งก็มีรอยแตกร้าวราวกับใยแมงมุมทั่วทั้งผืน!

ซั่งกวนจิ้งจ้องมองไปอย่างตื่นเต้น ในที่สุด…

ตู้ม!

แผ่นน้ำแข็งทั้งหมดก็แตกเป็นเสี่ยงๆ!

ในขณะเดียวกันนั้นเอง เหนือน่านฟ้าก็มีเปลวเพลิงสีทองคำชาดก่อตัวขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ ก่อนจะค่อยๆ จางหายไป!

“องค์ไท่จู่!”

เสียงกระจ่างใสที่คุ้นเคยดังขึ้น!

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์