เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1632

……….

ความหนาวเย็นพวยพุ่งขึ้นมา ทำให้หนานอวี่สิงสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย

ความสนใจของหนานอีอีมุ่งเน้นไปที่คำบางคำเท่านั้น

ภรรยา?

เขาแต่งงานแล้วหรือ?

หัวใจของหนานอีอีเย็นยะเยือกไปครึ่งหนึ่ง ราวกับถูกน้ำเย็นสาด

“หรงซิว”

ในขณะนั้นเองก็มีเสียงกระจ่างใสจากแม่นางคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง

พี่น้องหนานอวี่สิงและหนานอีอีมองไปทางชายหนุ่มที่พูดจาไม่ไว้ไมตรีกับเขาเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็เงยหน้ามองไปด้านหน้า

ทันใดนั้นเองน้ำแข็งในแววตาของเขาก็หลอมละลายไปในทันที

ซึ่งแทนที่ด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนที่ยากจะปกปิด

ริมฝีปากบางของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ดวงตาหงส์ที่ล้ำลึกกลับทอประกายแสง ลมปราณรอบกายของเขา เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดแทบจะในทันที

“เยว่เออร์ เจ้าตื่นแล้วหรือ?”

ขณะที่เขาพูด เขาก็เดินผ่านแหวกกลางสองพี่น้องนั้นออกมา

หนานอีอีหันศีรษะมองไปทางที่เขากำลังจะเดินไปด้วยความเหม่อลอย

บริเวณไม่ไกลกัน ด้านหลังของก้อนหินสองสามก้อน มีแม่นางคนหนึ่งกำลังยืนอยู่

แม่นางคนนั้นสวมกระโปรงสีแดง อายุประมาณสิบหกสิบเจ็ด

ผิวขาวเนียนละเอียด ยิ่งกว่าหิมะและน้ำค้างแข็ง

คิ้วสีเข้มเหมือนกับภูเขา ดวงตาเปล่งประกายเหมือนมีดวงดาวอยู่ด้านใน

นางสวมเพียงแค่กระโปรงสีแดงที่ดูเรียบง่าย ผมสีดำยาวผูกมัดรวบอย่างลวกๆ บนร่างกายไม่มีเครื่องประดับอีกใดๆ แต่แค่นางยืนอยู่ที่แห่งนั้นก็ชนะคนทั่วทั้งใต้หล้า

ริมฝีปากบางของนางยังประดับด้วยรอยยิ้ม และทั่วทั้งร่างกายก็ยังปกคลุมด้วยรัศมีที่ดูสูงส่งเหนือธรรมดาไร้ผู้เทียบเทียม เผยให้เห็นความสูงศักดิ์ที่แฝงอยู่ในกระดูก

ท่ามกลางหมอกขาวยังมองเห็นความงามล่มเมือง

ทันทีที่สามารถมองหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน หนานอีอีก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็บังเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาในใจ

นางเคยภูมิใจกับความงามของตนเองมาโดยตลอด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแม่นางคนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้ว่าความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างใด

ต่อให้นางไม่อยากจะยอมรับ แต่นางก็รู้ดีว่ารูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายนั้นดูดีกว่านางมาก

หนานอีอีก้มลงมองสำรวจตนเองอย่างอดไม่ได้

ในตอนนั้นเองนางถึงได้รู้สึกว่าการแต่งกายของนางนั้นเลอะเทอะเป็นอย่างมาก

แม้กระทั่งตอนก้มหน้า ก็ยังได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งจากเครื่องหัวของนาง นี่จึงทำให้นางรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา

…แม้ว่านางจะแต่งตัวประณีต แต่ก็ยังไม่น่าดึงดูดเท่ากับอีกฝ่ายที่ไม่ได้สวมใส่อันใดเลย เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

หรงซิวเดินเข้าไปหานางแล้วทัดผมไว้ที่หลังหูให้นาง การกระทำดูเชี่ยวชาญและเป็นธรรมชาติอย่างมาก

เขามองไปยังคนตรงหน้า น้ำเสียงทุ้มต่ำเสนาะหู

“พักผ่อนเป็นอย่างใดบ้าง? ข้าได้รบกวนเจ้าหรือไม่?”

ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม

“เปล่า ความจริงแล้วข้าเพิ่งตื่นตอนที่เจ้ากำลังหลอมอาวุธ”

คิ้วของหรงซิวขยับเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบสายตาไปมองซั่งกวนจิ้งที่อยู่ด้านหลัง

ซั่งกวนจิ้งยักไหล่อย่างจนปัญญา

“การเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ต่อให้มีม่านพลังก็ขวางกั้นเอาไว้ไม่อยู่”

เดิมทีก่อนที่หรงซิวจะมาหลอมอาวุธ เขาเป็นห่วงว่าจะรบกวนการพักผ่อนของนาง ดังนั้นจึงวางม่านพลังเอาไว้โดยเฉพาะ

แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์เลย

ในตอนแรกนางก็มีความอ่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะสังเกตไม่ได้

หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในแววตายังมีรอยยิ้มอยู่สามส่วน เขาก็หยิบลูกบอลแสงออกมาแล้วส่งให้นาง

“ดูสิ”

ฉู่หลิวเยว่รับของสิ่งนั้นมา ในแววตามีความประหลาดใจ

นางรู้ว่าหรงซิวมีพรสวรรค์ด้านการหลอมอาวุธสูงมาก

และก่อนหน้านี้ใช่ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะไม่เคยประลองฝีมือกันในด้านนี้มาก่อนเลย

แต่โดยพื้นฐานแล้วนางจะเป็นคนแพ้

อีกทั้งนางยังไม่เคยหยั่งเชิงฝีมือที่แท้จริงของหรงซิวมาก่อนเลย

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นหรงซิวหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาด้วยตนเอง

คนอื่นอาจจะมองไม่ชัดเจน แต่ตอนนี้ของสิ่งนั้นอยู่ในมือของนาง นางจึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

มันคือเสื้อเกราะตัวหนึ่ง

ความจริงแล้ว นางเห็นตั้งแต่สองพี่น้องยืนขวางทางหรงซิวแล้ว และได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าแม่นางคนนี้ชอบหรงซิวเข้าแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีพัวพันไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้

“แล้วก็เจ้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาจะต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดถึงจะสามารถหลอมสิ่งนี้ออกมาได้? เจ้ายังจะรับมันอย่างหน้าตาเฉยได้เช่นนี้หรือ?”

เหมือนกับนางสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาของฉู่หลิวเยว่ หนานอีอีจึงระเบิดอารมณ์ใส่ฉู่หลิวเยว่ไปในทันที

เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชา!

จะมอบให้กับผู้อื่นอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างใด!

เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกและโกรธแค้นของหนานอีอี ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกอยากจะขำออกมา

นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและกำลังจะพูดบางอย่างขึ้น แต่หรงซิวก็หันกายกลับมา

“ประการแรก นี่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าหลอมด้วยตนเอง ข้าต้องการจะมอบให้ใครมันก็เป็นเรื่องของข้า มันใช่เรื่องของเจ้าเสียที่ไหน?”

หนานอีอีตัวสั่นสะท้านไปทันทีเมื่อเห็นแววตาอันเย็นชาของเขา และนางกำลังจะโต้เถียงขึ้นเสียงเบา

“แต่…”

“ประการที่สอง นี่เป็นของขวัญที่ข้าตั้งใจมอบให้กับภรรยาของข้าโดยเฉพาะ ถ้าไม่ให้นาง แล้วจะต้องให้เจ้าหรือ?”

หรงซิวพูดออกมาอย่างช้าๆ ช้าๆ เหมือนใบหน้าปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง

เมื่อถูกสายตาที่เต็มไปด้วยแรงคุกคามจ้องมอง ในที่สุดหนานอีอีก็สัมผัสได้ถึงอันตรายแล้ว นางอ้าปากขึ้น แต่กลับพูดอันใดไม่ออกสักคำ

หนานอวี่สิงเห็นดังนั้นก็รู้สึกโมโหและปวดใจ

เขาสาวเท้าไปด้านหน้า พร้อมส่งสัญญาณเตือนนาง จากนั้นก็ดึงนางมายืนที่ด้านหลัง

ปกติแล้วน้องสาวของเขามักจะทำตัวกำเริบเสิบสาน อีกทั้งยังพูดจาเอาแต่ใจ แต่คำพูดเมื่อครู่นี้ แม้กระทั่ง เขาที่เป็นคนฟังก็ยังรู้สึกขายหน้า

แต่สุดท้ายแล้วนี่ก็คือน้องสาวของเขา

เมื่ออยู่นอกบ้านจะให้ผู้อื่นมารังแกตามใจชอบได้อย่างใด?

หนานอวี่สิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า

“น้องสาวของข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เจ้า…”

หรงซิวหมดความอดทนกับพี่น้องคู่นี้แล้ว เขาจึงกล่าวตัดบทสนทนา และหันมองหนานอีอีด้วยสายตาเย็นชา

“ประการที่สาม เจ้านับว่าเป็นสิ่งใดกันถึงกล้ามากล่าวหาภรรยาของข้าเช่นนี้?”

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์