เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1633

……….

คำพูดประโยคสุดท้ายนั้นทำให้สองพี่น้องหน้าเปลี่ยนสีได้สำเร็จ

หนานอวี่สิงทั้งตกใจระคนโมโห

ที่ตกใจก็คือ เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้!

ส่วนที่โมโหก็เป็นเพราะว่า คำพูดของชายคนนี้เต็มไปด้วยการดูถูกดูแคลนทำให้น้องสาวของเขาต้องรู้สึกอัปยศอดสู!

หนานอีอีเบิกดวงตากว้างขึ้น ภายในแววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ตั้งแต่เด็กจนโตนางได้รับการประคบประหงมอย่างดี อย่าว่าแม้แต่คำด่าเลย แม้กระทั่งคำพูดที่รุนแรง นางก็ไม่ค่อยได้ยินมาก่อน

แต่ในขณะนี้นางกลับถูกใครบางคนชี้หน้าด่า แน่นอนว่าจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะได้สติกลับคืนมา

หลังจากที่นางมีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว ใบหน้าของนางก็แดงก่ำขึ้นมาในทันที บริเวณหน้าอกเหมือนมีอันใดพลุ่งพล่านอยู่ภายใน จนแทบจะปะทุออกมา!

“เจ้า…เจ้า…”

นางอยากจะโต้เถียง แต่แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังสั่นระริก

เพราะว่าตอนนี้ภายในใจของนางสับสนเป็นอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่นางชอบผู้อื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางยังไม่ทันได้บอกความรู้สึกออกไป อีกฝ่ายก็พูดกับนางเช่นนี้แล้ว

การโจมตีนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก มากเสียจนนางไม่มีเวลาให้โกรธด้วยซ้ำ ในตอนนั้นนางรู้สึกมึนงงสับสนไปหมด

หนานอวี่สิงรีบหันกลับไปมองนาง และเมื่อเห็นสีหน้าเช่นนั้นของนางก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก

น้องสาวที่รักของเขาเคยได้รับความอยุติธรรมเช่นนี้ที่ไหนกัน?

“ท่านพูดจารุนแรงเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!”

หนานอวี่สิงพูดขึ้นเสียง ลมปราณรอบกายพวยพุ่งขึ้น!

“อีอีเพียงแค่พูดจาเลอะเทอะไปเท่านั้น แต่ท่านกลับหยาบคายถึงเพียงนี้! กลั่นแกล้งแม่นางคนหนึ่ง ลูกผู้ชายเขาทำกันเช่นนี้หรือ?”

หัวคิ้วของหรงซิวขยับขึ้นเล็กน้อย

“คำพูดเหล่านั้นของนางเป็นสิ่งที่นางควรได้รับแล้ว แทนที่จะว่าร้ายคนอื่น เจ้ากลับไปครุ่นคิดให้ดีเสียก่อนเถอะว่าเจ้าจะรักษาโรคปากไม่มีหูรูดของน้องสาวที่รักของเจ้าได้อย่างใด”

อีกฝ่ายทำให้เขาขุ่นเคืองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาหมดความอดทนไปตั้งนานแล้ว

หากไม่ใช่เพราะว่าต้องหลอมชุดเกราะที่นี่ เมื่อวานนี้เขาไม่มีทางเกรงใจอีกฝ่ายอย่างแน่นอน

“เจ้า…”

หนานอวี่สิงโกรธจนควันแทบจะออกจากทวารทั้งเจ็ด

นานมากแล้วที่เขาไม่เจอคนที่ทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าเขาเช่นนี้!

ใช่แล้ว!

เด็กหนุ่มคนนี้เป็นช่างหลอมอาวุธระดับราชา อีกทั้งยังโดดเด่นอย่างมาก!

แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเกรงกลัวอีกฝ่าย!

“ดูเหมือนว่าท่านตั้งใจจะไม่ขอโทษสินะ?”

เขาถามขึ้นด้วยใบหน้ามืดครึ้ม

ในน้ำเสียงแฝงด้วยจิตสังหารที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิด

หนานอีอีเห็นดังนั้นก็รีบเดินขึ้นมาแล้วคว้าไหล่ของเขาเอาไว้

“พี่ใหญ่! พี่จะทำอันใดน่ะ?”

หนานอวี่สิงขมวดคิ้วขึ้น

“เขารังแกเจ้า ข้าจะเป็นคนสั่งสอนเขาและช่วยเจ้าระบายอารมณ์เอง!”

“ข้า แต่ข้า…”

หนานอีอีรู้ว่าเขาหมายถึงอันใด หลายครั้งก่อนหน้านี้นางชอบขอความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่

แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน!

นางโกรธ รู้สึกอัปยศอดสู และโมโห

แต่ก็ไม่อยากฉีกหน้าอีกฝ่ายด้วยเหตุผลประการฉะนี้

พี่ใหญ่ลงมือด้วยความโหดเหี้ยมเสมอมา หากเขาฆ่าอีกฝ่ายหรือทำให้พิการล่ะ…

“นี่ก็ไม่ใช่ความผิดของเขา พี่จะทำร้ายเขาด้วยเหตุใด!”

หนานอีอีกัดฟันกรอดพร้อมเหลือบสายตาไปมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความโมโห

แววตานี้ชัดเจนเป็นอย่างมาก หากจะต้องโทษก็ต้องเป็นความผิดของนาง!

ถ้าเขาไม่ได้ปกป้องนาง เขาจะไม่มีทางทำเช่นนี้แน่นอน

ฉู่หลิวเยว่หน้าสีหน้างุนงง

ตั้งแต่ต้นจนจบนางยังไม่ได้พูดอันใดสักคำ ความผิดทั้งหมดกลับถูกโยนอยู่บนหัวนางแล้ว?

หนานอวี่สิงจะไม่รู้ได้อย่างใดว่าน้องสาวของเขากำลังคิดอันใดอยู่?

เพียงแต่เขานั้นทนไม่ได้!

ในอาณาจักรเสิ่นซวี่หรงซิวนับว่ามีชื่อเสียงอยู่พอควร คนที่เคยเห็นเขาก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย

ทั้งสองคนนั้นน่าจะมีสถานะไม่ต่ำต้อย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักหรงซิว

“คิดอันใดอยู่หรือ?”

เสียงของหรงซิวดังขึ้น

ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองและยังครุ่นคิด

“ไม่มีอันใด เพียงแต่คิดว่า… ภูมิหลังของพวกเขาน่าจะไม่ธรรมดา”

คนทั้งสี่ปกปิดลมปราณได้ดีมาก แต่นางก็สัมผัสได้ว่า ฝีมือของพวกเขาน่าจะไม่อ่อนด้อย

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นพวกเขาเห็นหรงซิวหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาชิ้นหนึ่งด้วยตาของตนเอง และเหมือนว่า… จะไม่ได้ดูตกใจมากขนาดนั้น

ต้องบอกก่อนว่า เพื่อแย่งชิงกระบี่ชื่อเซียวที่แอ่งบุหรงมรกตมีสำนักและตระกูลน้อยใหญ่ได้ฉีกหน้าสำนักหลิงเซียวอย่างไม่เสียดายเลยแม้แต่น้อย

ทั้งที่ในตอนนั้นพวกเขายังคิดว่ากระบี่ชื่อเซียวเป็นเพียงแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาชิ้นหนึ่งเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าสำหรับคนเหล่านี้ อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชามีค่าและความสำคัญอย่างมากจนสามารถต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้มาอย่างไม่เสียดาย

แต่คนเหล่านี้…

เหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้แสดงความโลภต่ออาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาเลยแม้แต่น้อย

ในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้เขาจะรู้ว่าไม่สามารถสู้ได้ ในใจของเขาก็ไม่มีความคิดนั้นเลย ถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่า… สำหรับพวกเขาแล้วของชิ้นนี้ไม่ได้ล้ำค่าขนาดนั้น

แต่ด้วยท่าทางกำเริบเสิบสานของพวกเขานั้น น่าจะไม่ใช่สถานการณ์ประเภทแรกที่ได้พบ

หากเป็นแบบที่สอง… ถ้าเช่นนั้นก็น่าสนุกแล้ว

ฉู่หลิวเยว่อยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ก็นานพอสมควรแล้ว และรู้จักตระกูลอื่นๆ จำนวนไม่น้อย แม้กระทั่งสำหรับตระกูลอันดับหนึ่ง พวกเขาก็ยังคิดว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชานั้นเป็นของล้ำค่า

ในเมื่อเป็นเช่นนี้คนเหล่านี้จะมีฐานะอันใดกันแน่…

“ผู้อาวุโสที่สวมชุดดำคนนั้น น่าจะเป็นช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์”

ซั่งกวนจิ้งถอนสายตากลับมา และพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ

เมื่อครู่นี้เขายืนรออยู่ด้านหลังก้อนหินอยู่ตลอด กอปรกับความขัดแย้งระหว่างฉู่หลิวเยว่และหรงซิว คนเหล่านั้นจึงไม่ได้มุ่งความสนใจมาที่เขา

“ช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ แต่กลับเป็นผู้ติดตามของสองคนนั้นเนี่ยนะ?”

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

น่าสนใจดี

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์