เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1635

……….

ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มประดับอยู่ น้ำเสียงกระจ่างใสและอ่อนโยน เหมือนกับกำลังพูดว่าวันนี้อากาศดีมากเลย

แต่อย่างใดก็ตามประโยคที่เรียบง่ายเหล่านี้ ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปในทันที

หนานอวี่สิงมีใบหน้าดำคล้ำ

หนานอีอีเบิกตากว้าง ภายในแววตาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธและอับอาย

ผู้อาวุโสทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา เผยจิตสังหารอันดุร้ายกระจายออกมาอยู่หลายส่วน

มีเพียงโอรสสวรรค์เท่านั้นที่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นหลังจากได้ยิน

ชอบใจมาก

ชอบใจอย่างที่สุด

เดิมทีเขายังรู้สึกโกรธในความไร้เหตุผลของอีกฝ่าย แต่หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ความโกรธที่มีก็จางหายไปทั้งหมด

เขาเดินเข้าไปพร้อมยื่นแขนข้างหนึ่งโอบเอวของฉู่หลิวเยว่เอาไว้

ฉู่หลิวเยว่ยังจำคำว่า ‘รสเปรี้ยว’ ที่พูดขึ้นเมื่อครู่ได้ นางจึงหันกลับไปมองหน้าเขา และพยายามจะผละออกจากอ้อมกอดของเขา

“ภรรยาพูดได้ถูกต้อง”

เอวของนางบางมากจนสามารถโอบได้ด้วยแขนข้างเดียว

หรงซิวโอบเอวนางเอาไว้แน่น จากนั้นเขาส่งสายตาบอกให้นาง “ร่วมมือ” พร้อมส่งรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอด

ผู้ชายคนนี้ฉวยโอกาสเก่งจริงๆ!

นางหัวเราะเสียงเบาในใจและไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวอีก ปล่อยให้แขนของหรงซิวโอบรอบเอวของนางเอาไว้

โอรสสวรรค์รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งมองหน้าอีกฝ่ายก็ยังรู้สึกสบายตาขึ้นมาหลายส่วน

“มีอันใดหรือ สิ่งที่ภรรยาของข้าพูดเมื่อครู่นี้ พวกเจ้ายังได้ยินไม่ชัดเจนหรือ?”

แม้ว่าตอนที่เขาพูดเช่นนั้นเขาก็พูดให้กับทุกคนได้ยิน

แต่หนานอีอีกลับรู้สึกว่าคำพูดนี้ของเขาพุ่งเป้ามาที่นางคนเดียว

เพื่อปกป้องแม่นางคนนั้น คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้…

ปลายจมูกของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาในทันที

ในช่วงเวลาปักปิ่นมีคนมากมายอยากจะขอนางแต่งงาน!

และนางไม่เคยพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้ชายคนไหนมาก่อน!

นางกัดฟันกรอด ในที่สุดก็เดินสาวเท้าออกมาหนึ่งก้าวอย่างอดไม่ได้

“เจ้าต้องตอบคำถามข้ามาหนึ่งข้อ แล้วข้าจะไปเอง!”

หรงซิวหรี่ตาลงแล้วมองไปอย่างหมดความอดทน

อีกสักแค่หนึ่งประโยคเขาก็เกียจคร้านเกินกว่าจะพูดกับแม่นางคนนี้

น่าเสียดายที่ในเวลานี้หนานอีอีกลับให้ความสนใจแต่เรื่องของตนเองเท่านั้น จึงไม่ได้รอคำตอบของหรงซิว และถามออกมาในทันที

นางยกมือขึ้นแล้วชี้ไปทางฉู่หลิวเยว่

“ข้าแย่กว่านางที่ตรงไหนกัน?”

ต่อให้เป็นภรรยากันแล้ว ใช่ว่าเขาจะมีอีกไม่ได้!

แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความตั้งใจเช่นนี้

ตอนที่เขามองนางสามารถมองเห็นความรังเกียจและหมดความอดทนจากในแววตาของเขาได้อย่างชัดเจน

แต่ตอนที่มองแม่นางคนนั้นสายตากลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หนานอีอีไม่เข้าใจ

หรือว่านางจะทำอันใดให้เขาไม่พอใจจริงๆ?

ส่วนฉู่หลิวเยว่ที่ตกเป็นเป้าหมายอีกครั้ง

น้ำเสียงเช่นนี้…เหตุใดเหมือนกับกำลังกล่าวโทษชู้อยู่เลย?

แม่นางคนนี้เหมือนว่าจะชื่อ “อีอี” อันใดสักอย่าง แต่เหมือนว่าโรคที่เป็นไม่น่าจะใช่โรคประสาทธรรมดาแล้ว

ขอเพียงแค่นางคิด ทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็ควรจะเป็นของนางทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?

ฉู่หลิวเยว่ยังยืนอยู่ตรงนี้ คำว่า “สามี” นางก็พูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว

แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยินที่นางพูดเลยหรือ?

แม้กระทั่งโกรธฉู่หลิวเยว่ก็ยังขี้เกียจ

หากสู้กับคนโง่ ตัวเองอาจจะต้องกลายเป็นคนเช่นนั้นด้วย

อีกทั้งเมื่อหรงซิวได้ยินคำพูดนั้นก็เหมือนว่าจะไม่ได้รู้สึกโกรธเลย

เขาเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย น้ำเสียงราบเรียบ แล้วพูดออกมาทีละคำว่า

“เพราะว่าเจ้าอัปลักษณ์”

เพราะว่าเจ้าอัปลักษณ์

เจ้าอัปลักษณ์

อัปลักษณ์

ทันทีที่สิ้นเสียงของหรงซิว ทุกอย่างที่อยู่รอบกายก็ตกอยู่ในความเงียบทันที

หนานอีอีเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของนางเหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง ราวกับสงสัยว่าตนเองนั้นหูฝาดไป

แต่คำพูดประโยคนั้นก็ยังดังก้องอยู่ในสมองของนางซ้ำไปซ้ำมา นางจะแสร้งทำเป็นหูฝาดหรือฟังไม่เข้าใจก็ไม่ได้แล้ว!

หนานอวี่สิงมีใบหน้าเขียวคล้ำ ตรงหน้าผากมีเส้นเลือดสีเขียวปูดโปน ในตอนนั้นเขาอยากจะสับอีกฝ่ายเป็นพันๆ หมื่นๆ ชิ้น!

แต่ว่าการกระทำเมื่อครู่นี้ของหนานอีอี พูดได้เพียงว่า “ทำตัวเอง”

เดิมทีเขาอยากจะขัดขวาง แต่ขวางเอาไว้ไม่ทัน แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว ปล่อยให้นางได้พูดออกไปจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีอันใดติดค้าง

แต่ใครจะรู้เล่าว่าผู้ชายคนนี้จะโหดร้ายถึงเพียงนี้!

ด้านหนึ่งหนานอวี่สิงก็โกรธหนานอีอีที่ไม่มีใจสู้ อีกด้านหนึ่งก็โกรธที่อีกฝ่ายทำเกินไป เพลิงโกรธภายในใจของเขาจึงปะทุขึ้น!

“เมื่อตอบไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าก็ไปได้แล้วสินะ?”

หรงซิวยังคงคิดว่ามันไม่เพียงพอจึงแทงซ้ำเข้าไปอย่างรวดเร็ว

หนานอีอีมีใบหน้าซีดขาว น้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ผละตัวออกมาจากหนานอวี่สิง ก่อนจะหมุนตัวแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ต่อให้นางหน้าหนามากกว่านี้ แต่ก็ไม่สามารถอยู่ที่แห่งนี้ต่อไปได้อีกแล้ว

“อีอี!”

หนานอวี่สิงตกใจเป็นอย่างมากและรีบวิ่งตามไป

เมื่อวิ่งออกไปได้สองก้าว เขาก็หันกลับมาแล้วกัดฟันพูดว่า

“ดี! บัญชีในวันนี้ข้าจะจดจำเอาไว้! พวกเจ้ารอคอยให้ดีเถอะ ขณะที่อยู่ในสุสานสังหารเทพก็อย่าได้มาบังเอิญเจอพวกเราก็แล้วกัน! ไม่อย่างนั้น…”

คำพูดที่เหลือไม่ต้องพูด ทุกคนก็รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างใด

หรงซิวพยักหน้า

“ไม่ส่งนะขอรับ”

มีน้องสาวเป็นตัวถ่วงเช่นนี้ เมื่อเข้าไปในสุสานสังหารเทพ คนที่น่าจะเป็นอันตรายน่าจะเป็นพวกเขามากกว่า

หนานอวี่สิงสำลักไป พร้อมมองหรงซิวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร จากนั้นก็หมุนตัวออกไป ก่อนจะวิ่งไล่ตามหนานอีอีไป

อาวุโสทั้งสองท่านก็ติดตามไป

เงาร่างของพวกเขาหลายคนก็ห่างไกลออกไปอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดก็เงียบเสียงลง

ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตากลับมา แล้วหันไปมองหน้าหรงซิวด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“หรือว่านี่เป็นข้อดีข้อเดียวที่ข้าเหนือกว่านางอย่างนั้นหรือ?”

หรงซิวหัวเราะเสียงต่ำ

“ไม่ แต่เป็นเพราะว่าเจ้าโดดเด่นมากเกินไป ข้าอยากเก็บเอาไว้ดูคนเดียว”

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์