เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1639

……….

ถวนจื่อเป็นหงส์ทองคำ อีกทั้งตอนนี้ยังเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้

แม้ว่าตอนนี้นางจะดูเหมือนก้อนแป้งขาวนุ่มนิ่มก็ตาม แต่ความจริงแล้วพลังกายของนางแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

ไม่ต้องพูดถึงกระบี่เพียงเล่มเดียวเลย ต่อให้เป็นการโจมตีพร้อมกันร้อยคน นางก็ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

นางไม่จำเป็นจะต้องโคจรพลังปราณดั้งเดิม เพียงแค่หมัดที่อ่อนนุ่มก็สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว!

เดิมทีหนานอวี่สิงได้รับบาดเจ็บอยู่เล็กน้อย อีกทั้งถวนจื่อยังดูแคลนเขาเป็นอย่างมาก

ถ้าเขาไม่ถูกจัดการ แล้วใครจะถูกจัดการ?

เมื่อเห็นว่าเงาร่างของหนานอวี่สิงถูกใบไม้สีชาดกลืนกิน หนานอีอีและคนอื่นๆ ก็ตื่นตระหนก ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปในทันทีโดยไม่สนอันตราย

เวลานี้พวกเขาไม่มีเวลาและแรงที่จะมาโกรธแค้นด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดได้คือจะต้องรีบช่วยหนานอวี่สิงออกมาให้เร็วที่สุด!

หากช้าไปกว่านี้ เกรงว่า…

“ถวนจื่อ ไปกันเถอะ”

ฉู่หลิวเยว่กวักมือเรียกถวนจื่อ

“โอ้! ข้ามาแล้ว!”

ถวนจื่อตอบรับหนึ่งเสียงด้วยความยินดี จากนั้นนางก็หมุนตัวออกไป แล้ววิ่งไปหาฉู่หลิวเยว่ด้วยท่าทางมีความสุข

เดิมทีนางอยากจะโถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของฉู่หลิวเยว่ แต่เมื่อหางตาเห็นเงาร่างชายที่สวมชุดสีขาว ถวนจื่อก็รีบยับยั้งชั่งใจตนเองทันที

“ทำได้ไม่เลวเลย”

น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นจากเหนือศีรษะ

ถวนจื่อเบิกตากว้างด้วยความตกใจแล้วหันมองทางหรงซิวอย่างไม่อยากจะเชื่อ

สีหน้าของเขาราบเรียบเป็นอย่างมาก แต่ในแววตากลับมีประกายชื่นชมอยู่หลายส่วนอย่างหาได้ยาก

นี่ นี่มัน…

เขากำลังชมนางอยู่หรือ?

ถวนจื่อกะพริบตาปริบๆ และเห็นว่าหรงซิวเบือนสายตาออกไป

นางกลอกตาขึ้นลองพยายามยืดมือเล็กๆ ไปคว้าแขนเสื้อของฉู่หลิวเยว่

แต่ฉู่หลิวเยว่กลับจับมือของนางขึ้นมาโดยตรง

ถวนจื่อรีบหันกลับไปมองหรงซิว เมื่อเห็นว่าเขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอันใด

นี่หมายความว่า…เขาเห็นด้วยแล้วหรือ?

อ๊าก!

ถวนจื่อรู้สึกดีใจอย่างบ้าคลั่ง!

ในที่สุดก็สามารถอยู่กับอาเยว่ได้อย่างเปิดเผยแล้ว!

นางรีบคว้ามือของฉู่หลิวเยว่มาจับเอาไว้ พร้อมเดินตามนางไป และไม่ลืมที่จะถามว่า

“อาเยว่ๆ! เมื่อครู่นี้ข้าทำได้ดีหรือไม่?”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

เวลาผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ตั้งแต่ตอนที่ถวนจื่อเป็นไก่ฟ้าเก้าสีระหว่างนั้นนางก็มีความก้าวหน้าจนได้มาอยู่ในระดับนี้แล้ว ฝีมือและพลังแห่งสายเลือดก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย แต่นิสัยของนางนั้นยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

ไม่ว่านางจะทำอันใด ก็จะพุ่งมาหาด้วยความยินดีเพื่อรับความดีความชอบ

ฉู่หลิวเยว่บีบจมูกของนาง

“จัดการได้งดงามมาก!”

รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถวนจื่อ

ฮิๆ!

ถ้ารู้ว่ารางวัลของครั้งนี้จะยอดเยี่ยมมากขนาดนี้ เมื่อครู่นี้นางน่าจะต่อยออกไปหลายหมัด!

หากหนานอวี่สิงรู้ความคิดนี้ของถวนจื่อเกรงว่าเขาจะต้องกระอักเลือดออกมาแล้ว

เพื่อให้ได้กุมมือกับเจ้านายของตนเอง พูดอันใดนิดหน่อยก็จะทุบตีกันให้ตายเชียวหรือ?

ประเด็นก็คือนางสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ

ในป่าวิญญาณสีชาดแห่งนี้ ผู้บำเพ็ญเพียรทุกคนล้วนไม่กล้าโคจรพลังปราณดั้งเดิมของตนเอง หากเมื่อโคจรไปแล้วชีวิตก็จะต้องแขวนอยู่บนความเป็นความตาย!

แต่ทว่ามีคนคนหนึ่ง อาศัยเพียงพลังกายก็สามารถเอาชนะบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งได้แล้ว!

แบบนี้สวรรค์ยังมีความยุติธรรมอีกหรือไม่?

แน่นอนว่าสถานการณ์ทางด้านหนานอวี่สิงเป็นอย่างใดนั้น ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ก็ไม่ได้อยากจะทราบเลยแม้แต่น้อย

หลังจากเดินทางห่างออกมาสักระยะหนึ่ง ในที่สุดทางด้านหน้าก็เป็นท้องฟ้าสว่างสดใสแล้ว!

ในที่สุดซั่งกวนจิ้งก็พูดขึ้นว่า

ถ้าเช่นนั้นด้านใน…

“หลังจากเดินผ่านที่นี่ไป ก็จะเข้าไปสู่ใจกลางของสุสานสังหารเทพ ซึ่งเป็นสุสานกลุ่มของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์”

น้ำเสียงของซั่งกวนจิ้งเย็นชาอย่างยิ่ง

แต่เมื่อคำพูดนั้นเข้าในโสตประสาทของฉู่หลิวเยว่ นางรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าลงมา!

สุสานกลุ่มของ… ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์?

ต้องมีศพจำนวนเท่าใดกันแน่ ถึงเรียกว่าสุสานกลุ่ม?

ก่อนหน้านี้นางรู้เพียงแค่ว่าสุสานสังหารเทพเป็นสถานที่ที่อันตรายเท่านั้น และได้ฝังศพของผู้แข็งแกร่งเอาไว้จำนวนมาก แต่ไม่รู้เลยว่าความเป็นจริงจะน่าตกใจเพียงนี้!

ต้องบอกก่อนว่า หากจะนับผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ในสำนักหลิงเซียวก็นับได้ไม่ถึงหนึ่งมือ!

แต่คาดไม่ถึงว่าที่แห่งนี้จะมีหลุมศพมากมายขนาดนั้น…

“หลายหมื่นปีก่อนหน้านี้ ที่แห่งนี้เคยเกิดสงครามเลือด ได้ยินมาว่าต้องต่อสู้กันถึงเก้าครั้ง ครั้งละเก้าวัน นานถึงแปดสิบเอ็ดวัน มีนักรบที่แข็งแกร่งจำนวนมากที่ต้องตายในสนามรบ และสุดท้ายก็ได้ฝังศพเอาไว้ที่นี่ จากนั้นจึงถือกำเนิดสุสานสังหารเทพขึ้นมา”

เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่มีใบหน้าสงสัย ซั่งกวรจิ้งจึงอธิบายอย่างอดทน

“ในตำนานนั้น พลังปราณดั้งเดิมภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ยังคงมีเหลือล้น ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มากดั่งเช่นขนวัว แต่จำนวนก็ไม่ได้น้อย นั่นเป็นเหตุผลว่าสงครามเลือดในครั้งนี้ทำให้มีผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากสิ้นชีพลงที่นี่ในเวลาเดียวกัน”

“ดังนั้นสงครามต่อสู้กันอย่างดุเดือดและร้อนแรง ดวงวิญญาณของทหารหาญที่เข้าร่วมรบเกือบจะถูกทำลายไปทั้งหมดแล้ว แม้กระทั่งเคล็ดวิชาและของวิเศษจำนวนนับไม่ถ้วนของพวกเขา ก็ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้ สุสานสังหารเทพจึงขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่โหดร้าย”

ซั่งกวนจิ้งถอนหายใจออกมา ท่าทางเสียดายเล็กน้อย

“เพราะว่าสงครามในครั้งนั้นทำให้มรดกจำนวนนับไม่ถ้วนถูกตัดขาด”

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น แล้วถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“แล้วสาเหตุของสงครามอันดุเดือดเช่นนี้คือเรื่องอันใดเล่า?”

ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การขัดแย้งระหว่างกองกำลังไม่กี่ฝ่าย แต่กลับมีคนจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง?

ซั่งกวนจิ้งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“เรื่องนี้ผ่านมาหลายหมื่นปีแล้ว คนรุ่นหลังจะรู้ได้อย่างใด? เพียงแต่ว่า… ในปีนั้นที่ข้ามาที่นี่ กลับได้เห็นเบาะแสอันใดเล็กน้อย”

“เหมือนว่าพวกเขาจะแย่งหนังสือเล่มหนึ่ง”

ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป

“หนังสือเล่มหนึ่ง? หนังสืออันใดกัน?”

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์