……….
ตอนที่คนคนหนึ่งตั้งใจทำอันใดสักอย่าง เวลามันก็ผ่านไปเร็วเสมอ
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวเล่นหมากด้วยกัน สองชั่วยามผ่านไป พวกเขาเพิ่งลงไปได้ครึ่งกระดานเท่านั้น
ลำแสงบนกระดานหมากรุกกะพริบขึ้น แต่ละฝ่ายครอบครองพื้นที่อย่างละครึ่ง ตัวหมากสีทองและสีแดงกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
แต่อย่างใดก็ตามอารมณ์ของฉู่หลิวเยว่ก็สงบมากขึ้น
อีกทั้งเมื่อได้ประมือกับหรงซิวด้วยเวลานานขนาดนี้ ก็ทำให้ฉู่หลิวเยว่มีความคิดหลายอย่างเพิ่มมากขึ้น
ตอนที่ท้องฟ้าค่อยๆ สว่าง ในที่สุดกระดานหมากนี้ก็ได้ถึงจุดสิ้นสุดลงแล้ว
พรึ่บ!
ในแววตาของฉู่หลิวเยว่มีความเปล่งประกายสดใสพาดผ่าน
การที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน นางไม่เพียงไม่รู้สึกอ่อนล้า แต่กลับมีสมาธิจดจ่อมากขึ้นอีกด้วย
ดวงตาของนางจับจ้องไปที่กระดานหมากรุก สมองกำลังคิดทบทวนอย่างบ้าคลั่ง ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ได้มีความเป็นไปได้จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในสมอง!
หรงซิวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของนาง
เมื่อเห็นแววตาคู่นั้นของนางเปล่งประกาย เขาก็หัวเราะเสียงต่ำออกมาอย่างอดไม่ได้
เวลาผ่านมานานขนาดนี้ แต่นางกลับไม่เปลี่ยนไปเลย
พรึ่บ!
หรงซิวสะบัดข้อมือ พลังปราณดั้งเดิมกลุ่มหนึ่งได้ควบแน่นเป็นตัวหมากสีทอง จากนั้นก็ลอยออกมาจากนิ้วเรียวขาวของเขา และตกลงบนกระดานหมากรุก!
เพียงชั่วพริบตาเดียว สถานการณ์ก็พลิกผันไปอย่างมาก!
ราวกับมีมังกรสองตัวที่มีพลังกำลังสูสีกันและกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เดิมทีพวกมันสู้กันอย่างพอฟัดพอเหวี่ยง แต่ในตอนนี้กลับมีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างกะทันหัน! ก่อนจะตัดหัวมังกรของฉู่หลิวเยว่ทันที!
หนึ่งกระบวนท่า… ตัดสินแพ้ชนะ!
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ชะงักไป และเบิกตากว้าง
การวางหมากครั้งนี้ของหรงซิวอยู่นอกเหนือจากการคาดเดาของนางทั้งหมด!
สามารถสังหารนางได้โดยตรงโดยไม่ต้องออกเสียง!
นางจ้องกระดานหมากรุกตาเขม็ง
เมื่อถึงตอนนี้ นางถึงได้รู้ว่าเดิมทีหรงซิวได้วางแผนไว้ก่อนอยู่แล้ว เพียงแค่รอเชิญนางลงโอ่งทีละก้าวไปเท่านั้น
นางคิดผิดไปว่าพลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นเท่ากัน แต่ความจริงแล้วนางอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาตั้งนานแล้ว
ตู้ม!
กระดานหมากรุกแตกออกเป็นเสี่ยงอย่างกะทันหัน ก่อนจะกลายเป็นประกายแสงจำนวนนับไม่ถ้วน และจางหายไปอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่กลับยังคงยืนชะงักค้างอยู่ที่เดิม เหมือนว่ายังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้
หรงซิวกำลังจะสาวเท้าก้าวขึ้นไปด้านหน้า ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็พูดว่า
“หรงซิว ช่วยคุ้มครองข้าก่อน ข้าคิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้”
หรงซิวเลิกคิ้วกระบี่ขึ้นเล็กน้อย
คำสั่งของภรรยาตนเอง ไหนเลยจะกล้าฝ่าฝืน
“ได้”
เขาไม่ได้เดินสาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าอีก ได้แต่ยกมือขึ้นไพล่หลัง และยืนรอด้วยความอดทน
ฉู่หลิวเยว่นั่งสมาธิลงในทันที สองมือวางลงที่หน้าตัก แล้วหลับตาลง พร้อมรวบรวมสมาธิ
ภายในสมองมีค่ายกลอันสลับซับซ้อนแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ
จากนั้นก็เป็น ค่ายกลที่สอง ที่สาม…
ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไรค่ายกลก็ปรากฏมากขึ้นเท่านั้น
ภายในช่วงเวลาหนึ่ง ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็เริ่มทดลองนำค่ายกลทั้งหมดนั้นมาเชื่อมโยงกัน!
ค่ายกลเหล่านี้เป็นสิ่งที่นางเคยเรียนรู้กับพี่เป่ามาก่อนหน้านี้แล้ว หากพูดให้ถูกต้องก็คือ ค่ายกลทั้งหมดนี้มีความใกล้เคียงกับค่ายกลกระสวยสวรรค์อยู่เล็กน้อย
ก่อนหน้านี้นางต้องการค้นหาความลึกลับของค่ายกลกระสวยสวรรค์ผ่านโครงสร้างค่ายกลเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ
หลังจากเล่นหมากรุกกับหรงซิวหนึ่งคืน ทำให้นางตระหนักถึงอันใดบางอย่างขึ้นมาได้
เหมือนว่านางจะสามารถสัมผัสอุปสรรคที่มองไม่เห็นได้อย่างคลุมเครือ
คิ้วของฉู่หลิวเยว่ขยับเล็กน้อย
นั่นมัน… ธรณีประตูของปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชา!
ต่อให้เป็นคนที่กำเริบเสิบสานอย่างฉู่หลิวเยว่ เมื่อรับรู้ถึงสิ่งนี้ก็ต้องชะงักค้างไป
นางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่า ภายในช่วงเวลาสั้นๆ นางจะมีโอกาสสัมผัสการทะลวงด่านของปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชา!
แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะสามารถทะลวงด่านปรมาจารย์ค่ายกลระดับราชามาได้นานแล้ว
แต่ในระดับราชามาจนถึงระดับมหาราชา ระหว่างนั้นมีระยะห่างค่อนข้างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...