เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1658

……….

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง

ด้านบนท้องฟ้ามีเมฆดำกำลังรวมตัวอย่างรวดเร็ว

เสียงคำรามดังออกมาจากกลุ่มเมฆทึบ กระแสเสียงดังลั่น!

แววตาของฉู่หลิวเยว่เฉียบคมเป็นอย่างยิ่ง

ผู้ชายคนนั้น แทบจะไม่มีเวลาหยุดพัก ทันทีที่เขาลงมือฟ้าดินก็เปลี่ยนสี พลังปราณดั้งเดิมสั่นสะเทือน!

แสดงให้เห็นว่าฝีมือของเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด!

“สามารถทำให้มันยอมรับเจ้าเป็นนายได้ นั่นหมายความว่าเจ้ามีฝีมืออยู่หลายส่วน แต่ว่า…เจ้าเป็นเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง เมื่อเจ้าต้องเผชิญหน้ากับข้า ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะบอกเจ้านั้นไร้เดียงสาหรือว่าโง่ดี!”

เสียงของชายสวมชุดคลุมสีดำนั้นเต็มไปด้วยความโกรธอย่างน่าตกใจ

กลุ่มหมอกดำรวมตัวที่กลางฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว!

พลังปราณฟ้าดินที่อยู่โดยรอบก็เริ่มปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!

หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มหมอกดำก็ควบแน่นกลายเป็นฝ่ามือสีดำ

ฝ่ามือนี้มีขนาดและลักษณะเหมือนกับฝ่ามือของเขาทุกประการ เพียงแต่ว่าเมื่อทั่วทั้งร่างกายถูกกลุ่มหมอกดำควบแน่น พื้นผิวด้านนอกเหมือนจะมีเส้นเลือดสีแดงเข้ม ดูไปแล้วก็น่ากลัวเป็นอย่างมาก

รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดเล็กลง!

มือนี้… คาดไม่ถึงว่าเมื่อดูไปแล้วมือนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับมือที่ถูกสะกดอยู่ในเขาหมื่นเมรัยเลย!

เพียงแต่ว่ามือนี้มีขนาดเล็กกว่ามาก อีกทั้งแรงกดดันก็ยังแตกต่างกันด้วย

หรือว่า…

เขาเป็นคนจากสำนักเดียวกัน หรือว่าอาจจะฝึกปรือวิชาเดียวกัน?

การคาดเดามากมายปรากฏขึ้นในสมองของฉู่หลิวเยว่

“ฝ่ามือเพลิงสงัด!”

ชายสวมชุดสีดำคนนั้นตะโกนขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ

พร้อมหันฝ่ามือนั้นมาทางฉู่หลิวเยว่

ความเร็วของมันไม่ได้สูง เพียงแต่ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ใด รอบข้างกับแหลกละเอียดเป็นผุยผงอย่างไร้เสียง!

ประเด็นที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ขณะที่มันกำลังเข้าใกล้ฉู่หลิวเยว่มากขึ้นเรื่อยๆ คาดไม่ถึงว่ามันจะกลืนกินพลังโดยรอบอย่างต่อเนื่อง

และแรงกดดันก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ!

ในขณะเดียวกันเงาร่างของชายคนนั้นยังคงโบกสะบัดแขนเสื้อ ประกายแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาอย่างท่วมท้น!

ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ทันทีว่าร่างกายของนางหนักขึ้น เหมือนกับมีอันใดบางอย่างกดทับ

ทุกการเคลื่อนไหวของนางเหมือนจะช้าลงและยากลำบากมากขึ้น

อาณาเขตเซียนเทพ!

อาณาเขตเซียนเทพของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องแข็งแกร่งมากกว่าระดับเทพขั้นสูงอยู่แล้ว!

ฉู่หลิวเยว่ทำได้เพียงยืนรออยู่ตรงนั้น จากนั้นนางก็รู้สึกเหมือนว่าร่างกายของตนเองกำลังระเบิด!

นางต้องการจะเหวี่ยงกระบี่ชื่อเซียวออกไป แต่พบว่าเมื่ออยู่ท่ามกลางอาณาเขตเซียนเทพของฝ่ายตรงข้าม แม้กระทั่งการจะยกกระบี่ของตนเองขึ้นก็เป็นเรื่องยาก

“อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ เป็นของวิเศษที่ไม่เลวเลย แต่น่าเสียดาย ระดับของเจ้ายังห่างไกลจากข้านัก”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังที่แข็งแกร่ง พลังเสริมใดๆ ก็ไร้ความหมาย!

ฉู่หลิวเยว่ถูกขังอยู่ที่เดิม ฝ่ามือสีดำนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

มุมปากของนางกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

ทุกส่วนในร่างกายนางเหมือนจะถูกอันใดบางอย่างบดขยี้!

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและซีดขาวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างกายก็โงนเงนสั่นไหว เหมือนว่าจะสามารถล้มลงไปได้ทุกเมื่อ

มือสองข้างที่กำกระบี่แน่นก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง

ฉู่หนิงที่อยู่ห่างออกไปก็มองกำลังมองสถานการณ์เหล่านี้ หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น

หากไม่ใช่เพราะหรงซิวที่อยู่ด้านข้างช่วยดูแลอยู่ ป่านนี้เกรงว่าเขาคงจะรับไม่ไหวไปนานแล้ว

ทันใดนั้นฉู่หนิงก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วหันไปมองทางหรงซิว

ในช่วงเวลานี้แล้ว หรงซิวเขา…ยังไม่ลงมืออีกหรือ?

หรงซิวยืนมองการต่อสู้อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าจดจ่อ

เพียงแต่ในแววตาไม่มีความกังวลหรือตกใจเลย

เหมือนว่า…เขากำลังรออันใดบางอย่าง

ฝ่ามือสีดำนั้นมาถึงตรงหน้านางแล้ว ตอนนั้นมันกำลังจะปะทะเข้ากับร่างกายของฉู่หลิวเยว่!

แต่ในตอนนั้นเอง!

ในที่สุดกระบี่ชื่อเซียวที่อยู่ในมือของนางก็ขยับแล้ว!

ตู้ม!

ฉู่หลิวเยว่หยิบโล่สีดำออกมาขวางกั้นไว้ด้านหน้า!

โล่สีดำดูเก่าและผุพังเป็นอย่างมาก ไม่สะดุดตาเลยแม้แต่น้อย

แต่อย่างใดก็ตามเมื่อเขาเห็นโล่สีดำอันนั้น มือที่อยู่ในแขนเสื้อก็กำแน่นขึ้นในทันที!

ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้สังเกตถึงความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ หลังจากหยิบโล่มาตั้งไว้ด้านหน้าแล้ว นางก็นั่งขัดสมาธิลงทันที

สายตาจ้องมองไปยังชายที่สวมชุดดำอยู่ตรงข้ามนาง จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง

มือทั้งสองข้างยกขึ้น ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาในทันที!

“ค่ายกล?”

ในที่สุดชายที่สวมชุดดำถึงได้รู้ว่าฉู่หลิวเยว่กำลังคิดจะทำอันใด

ความแข็งแกร่งทางด้านการต่อสู้นางไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ดังนั้นจึงคิดจะใช้ค่ายกลมาแทน?

“หึ”

หลังจากที่รู้แผนการของฉู่หลิวเยว่แล้ว ปฏิกิริยาแรกของชายสวมชุดดำคือหัวเราะออกมา

หรือว่านางคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้?

ปรมาจารย์ด้านค่ายกลสามารถใช้พลังเกินกว่าระดับของตนเองได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็มีข้อจำกัด

ยิ่งไปกว่านั้นหากต้องการจะแสดงพลังระดับดังกล่าว จำเป็นจะต้องสร้างค่ายกลที่มีรูปแบบลึกซึ้ง

แต่ในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่จะมีเวลา…

“อันใดกัน?”

ความคิดนั้นเพิ่งปรากฏเข้ามาในสมองของเขา แต่วินาทีถัดมา เขาก็มองเห็นว่าด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่มีค่ายกลปรากฏขึ้น

แม้ว่าค่ายกลนั้นจะมีขนาดเล็ก แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมานั้น กลับไม่อาจดูเบาได้เลย!

หากแสดงออกมาแล้ว มันจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

ชายสวมชุดคลุมสีดำรู้สึกตกใจขึ้นมา

เหตุใดนางถึงสร้างค่ายกลได้เร็วขนาดนี้?

[1]ตั๊กแตนห้ามรถ หมายถึง คนที่ทำอันใดไม่ดูกำลังและความสามารถตัวเอง ทำอันใดเกินตัวจนเดือดร้อนนั่นเอง

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์