เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1672

……….

ชายสวมชุดสีดำกำหมัดกรอดอย่างไม่รู้ตัว

เขาออกมาจากถ้ำปีศาจทมิฬหลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อของคนผู้นั้น เขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เสมอ

จนกระทั่งวันนี้ก็เป็นเช่นเดิม

“ข้า…ข้า…”

เขาพูดขึ้นและอยากจะโต้เถียงให้ตนเองสองประโยค เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอย่างไร

สายตาของหรงซิวคมกริบดุจคมมีด และแทงเข้ามาที่หัวใจของเขาโดยตรง

เหมือนกับว่าคำโกหกทั้งหมดนั้น เมื่ออยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นเพียงแค่เรื่องตลกเท่านั้น!

“เจ้า…เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?”

คนที่รู้ว่ามั่วสือเชียนกำลังตามหาไข่มุกธาราอยู่ตลอดเวลานั้นมีไม่มาก

แม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาจะเป็นคนที่พูดจาโอ้อวดมากก็ตาม

แต่มั่วสือเชียนเป็นคนทำอะไรก็ละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะหลายปีที่ผ่านมานี้ เหมือนว่าจะละเอียดมากยิ่งขึ้น

แต่ในครั้งนี้เขาจงใจล่อให้ซั่งกวนเยว่มาที่นี่เพื่อจะได้หลบเลี่ยงสายตาของมั่วสือเชียน

คิดไม่ถึงเลยว่าหรงซิวจะ…!

“เขามาตามหาตัวข้าแล้ว แล้วเจ้าคิดว่าข้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรเล่า?”

หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้เขาไม่สามารถออกจากถ้ำปีศาจทมิฬได้ เจ้าคิดว่าตนเองจะอยู่รอดปลอดภัยได้จนถึงตอนนี้หรือ?”

ชายสวมชุดคลุมสีดำกัดฟันกรอด ความเงียบแทบจะทำให้คนหายใจไม่ออก

เมื่อได้ยินดังนั้นฉู่หลิวเยว่กลับกะพริบตาปริบๆ เผยใบหน้าสงสัยออกมาหลายส่วน

“มั่วสือเชียนไปหาเจ้ามาแล้วหรือ?”

หรงซิวถอนสายตากลับมา รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา

“หากพูดให้ถูกต้องก็คือ เจ้าก็เคยเจอเขามาแล้ว สิ่งที่ปรากฏกายในบุพกาลชายแดนเหนือคือภาพมายาของร่างเขา”

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก!

ที่แท้คนผู้นั้นก็คือมั่วสือเชียน!

นางรู้ว่านอกจากชายสวมชุดคลุมสีดำผู้นี้! ยังมีคนที่ต้องการจะลงมือโจมตีนางอยู่เสมอ แต่นางกลับคิดไม่ถึงในเรื่องนี้

แม้จะนับว่านางเคยเจอหน้าเขามาก่อน แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมาเลย นางจึงไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจนมากนัก

คิดไม่ถึงว่า…

หรงซิวเหลือบสายตามองไปทางผู้ชายสวมชุดสีดำคนนั้น แล้วพูดเสียงเรียบขึ้นว่า

“หลายปีก่อนหน้านี้ ลูกน้องของมั่วสือเชียนคนหนึ่งมีชื่อว่า ซานเฉิน คนผู้นี้มีพรสวรรค์โดดเด่น อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากมั่วสือเชียน ภายในเวลาไม่กี่ปี จากบุคคลไร้นามก็กลายมาเป็นมือขวาของมั่วสือเชียน”

“มีข่าวลือบอกมาว่ามั่วสือเชียนจะมอบตำแหน่งแปดหัวหน้าของถ้ำปีศาจทมิฬให้แก่เขา แต่น่าเสียดายเขายังไม่ทันได้มอบตำแหน่งให้ คนผู้นั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ข่าวคราวและข้อมูลของเขาผู้นั้นก็ถูกคนของถ้ำปีศาจทมิฬปิดและลบทิ้งภายในชั่วข้ามคืน ทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีคนผู้นี้อยู่ในสำนักมาก่อน”

“หลายคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว แต่ใครจะคิดเล่าว่าคนที่เคยมีความสำคัญในถ้ำปีศาจทมิฬ ความจริงแล้วจะมาหลบซ่อนตัวอยู่ในสุสานสังหารเทพ อีกทั้งยังหลบซ่อนอยู่หลายปี”

หรงซิวพูดขึ้นอย่างเชื่องช้า แต่คำพูดแต่ละคำของเขานั้น เหมือนกับมีดเหล็กที่กรีดลงบนร่างกายของชายสวมชุดคลุมสีดำอย่างแรง!

ในตอนแรกเขามีสีหน้าตกใจ สงสัย ไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวังและหวาดกลัว

เดิมทีเขายังอยากจะปฏิเสธ แต่หรงซิวพูดอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว คำพูดเพียงไม่กี่คำก็เปิดเผยภูมิหลังของเขาทั้งหมดแล้ว!

ยังมีอะไรให้โต้แย้งอีกหรือ?

ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจอะไรขึ้นมาบางอย่าง เมื่อหันมองชายสวมชุดคลุมสีดำ นางก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ในตอนแรกที่เจ้าหักหลังถ้ำปีศาจทมิฬ ก็เพื่อแย่งชิงของของข้าหรือ?”

ชายสวมชุดคลุมสีดำหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาในทันที

“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้ารู้หมดทุกเรื่องแล้วหรือ? ยังจะมาถามข้าอีกเหตุใด?”

ท่าทางกำเริบเสิบสาน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้ความร่วมมือ

นางจำได้ว่า ตอนที่นางได้รับไข่มุกธารานั้น ก็เหมือนว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญอย่างยิ่ง

อีกทั้งในตอนนั้นนางก็ไม่ได้ดูอย่างชัดเจนว่าของสิ่งนั้นคืออะไร แต่มันกลับเข้ามาอยู่ในร่างกายของนางแล้ว

เฉลียวฉลาด…แน่นอนว่ามันฉลาด แต่ว่าเหมือนว่าจะไม่มีการต่อสู้ขัดขืนเลย?

เหตุใดจากที่เขาพูด…ดูเหมือนยากลำบากและอันตรายยิ่ง?

ภายในเสียงของชายสวมชุดคลุมสีดำยังมีความหวาดกลัวอยู่สายหนึ่ง

“ในตอนนั้นเพื่อแย่งชิงของสิ่งนี้ เขาต้องการจะหลอมจิตวิญญาณของข้าไปเป็นเหยื่อล่อ และทำให้มันยอมจำนน แต่น่าเสียดายที่ข้ากลับสังเกตเห็นเสียก่อน ข้าจึงหนีเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต จากนั้นก็ได้บุกเข้ามาในสุสานสังหารเทพอย่างไม่รู้ตัว และได้พบกับโชคชะตา ดังนั้นข้าจึงอยู่ที่นี่พร้อมตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดจากถ้ำปีศาจทมิฬ”

ที่แท้ก็เป็นเพราะว่ามั่วสือเชียนเริ่มจะสังหารเขาก่อน มิน่าล่ะ…

“ความสัมพันธ์ของเจ้ากับป้ายไม้สีดำเป็นอย่างไรกันแน่ มันขาดกันไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น

ชายสวมชุดสีดำหลับตาลง

“ถูกต้อง ตอนที่เขาจะหลอมจิตวิญญาณของข้า จึงได้ยกเลิกข้อจำกัดบางอย่าง นั่นจึงทำให้ข้ามีโอกาสหนีรอดได้ และด้วยเหตุนี้หลายปีที่ผ่านมาคนของถ้ำปีศาจทมิฬจึงไม่สามารถหาร่องรอยของข้าพบ”

ไม่รู้ว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย

“นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ข้าก็รู้ว่าของสิ่งนั้นเป็นของวิเศษที่สุดในใต้หล้า หากข้าอยากจะแก้แค้น ข้าจำเป็นจะต้องแย่งของสิ่งนี้มา แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือเขา ก็มาช้ากว่าเจ้าไปหนึ่งก้าว”

ชายสวมชุดสีดำจ้องมองฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง ก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ยออกมา

“ความจริงแล้วหากพูดให้ถูกต้องก็คือ ของสิ่งนั้นเลือกเจ้า ต่อให้คนอื่นพยายามมากเท่าใด ก็ไม่มีประโยชน์”

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยยอมรับมาตลอด ตอนนี้ไม่ยอมก็ต้องยอมแล้ว

พวกเขาผ่านความเป็นความตายมาตั้งหลายครั้งก็ยังไม่สามารถนำของชิ้นนั้นกลับไปได้ แต่นางกลับสามารถครอบครองได้อย่างง่ายดาย

มีบางครั้งที่ช่องว่างระหว่างผู้คนก็กว้างใหญ่มาก

“หลังจากที่ของสิ่งนั้นติดตามเจ้าไปแล้ว พวกเราก็ต่างฝ่ายต่างจับตามองเจ้าอยู่ตลอด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์