……….
“เพียงแต่หลายปีมานี้ ข้าเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดมาตลอด มิเคยเปิดเผยร่องรอยใดให้เขาจับได้ ช่างน่าเสียดาย…”
เพื่อทำการนี้ เขาต้องระแวดระวังเป็นอย่างมาก
เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าทันทีที่มั่วสือเชียนรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังลักเอาของสิ่งนั้นมาไว้กับตัว จะคิดสรรหาวิธีการแบบใดมาจัดการเขา
ทุกการลงมือ เขาล้วนแต่เลือกเวลาที่เหมาะสม เตรียมการทุกสิ่งอย่างดี จึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้
จนกระทั่งครานี้ได้เวลาประจวบเหมาะ เขาก็ใช้ประโยชน์จากฉู่หนิงหลอกล่อให้นางมาหา
เดิมคิดว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบไร้ข้อผิดพลาด อย่างใดต้องบรรลุผลได้แน่ น่าเสียดายนัก คนล่วงรู้หรือจะสู้ลิขิตฟ้า
สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ยับเยินจนหมดสิ้นท่า
“เรื่องราวจนบัดนี้ ที่ควรพูดข้าก็พูดไปหมดแล้ว”
บุรุษชุดดำเอ่ยพลางหลับตา เป็นเชิงว่าจะแล่เนื้อเถือหนังกันอย่างใดก็สุดแล้วแต่พวกเจ้าจะจัดการ
สี่ทิศรอบด้านเงียบสงัดไร้เสียง หลงเหลือเพียงสายลมพัดผ่านพื้นที่รกร้างอันนำพาไอเย็นยะเยือกมาคอยส่งเสียงหวีดหวิวคลอข้างหู
ฉู่หลิวเยว่จ้องเขาเขม็งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ใช้เวลาพักใหญ่ครุ่นคิดสิ่งที่เขาพูดมาเมื่อครู่
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็สาวเท้าก้าวไปข้างหน้า
บุรุษชุดดำคิดว่านางจะลงมือเป็นแน่แท้แล้ว ในใจพลันรู้สึกปลอดโปร่งอยู่หลายส่วน
ทว่าที่เหนือความคาดหมายคือ ฉู่หลิวเยว่กลับมิได้ตั้งท่าเตรียมสังหารเขา
“ข้ายังมีคำถามอีกสองข้อ หากเจ้าตอบอย่างจริงใจ ข้าจะเป็นคนส่งเจ้าด้วยตัวข้าเอง”
บุรุษชุดดำเบิกตากว้าง หัวคิ้วย่นขมวดเป็นปม
เขาเล่าทุกอย่างจนหมดเปลือกแล้ว นางยังมีสิ่งใดอยากถามอีก?
หากแต่มองดูสีหน้าของฉู่หลิวเยว่มิได้เสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใด เขาจึงถามออกไปด้วยท่าทีอดกลั้น
“อันใด?”
“ข้อแรก ปีนั้นที่เจ้าตั้งใจจะแก้แค้น จึงตัดสินใจแย่งของชิ้นนี้มาจากเขา เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้ารู้ว่าสิ่งนี้คืออันใด? ข้อสอง ตอนที่เจ้ากับข้าประมือกันเมื่อครู่ เจ้าหันรีหันขวางรั้งรออันใด?”
ฉู่หลิวเยว่ถามคำถามสองข้อนี้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง
หากแต่สีหน้าของบุรุษชุดดำกลับเปลี่ยนทันควัน
เขาเบี่ยงสายตาหลบโดยไม่รู้ตัว หัวคิ้วเองก็ย่นเข้าหากัน ผ่านไปพักใหญ่ก็เอ่ยปากตอบ
“ของของเจ้า เจ้าไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด ไฉนผู้อื่นจะไปรู้กับเจ้าด้วย? ส่วนเรื่องเมื่อครู่… เป็นเจ้าที่ตาฝาดแล้ว ข้าไม่ได้รออันใดทั้งนั้น”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะน้อยๆ
“ดูท่าเจ้าจะอยากกลับถ้ำปีศาจทมิฬเร็วๆ แล้วซีนะ”
“เจ้า…”
ลมหายใจของบุรุษชุดดำขาดห้วงโดยพลัน
โชคไม่ดีที่บัดนี้เขาเป็นดั่งปลาบนเขียงคนเขา ต่อให้รู้สึกคับข้องใจก็ไร้ซึ่งทางเลือกอื่น
บรรยากาศทั้งสองฝ่ายตกสู่สภาวะแข็งกระด้าง
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงยอมเอ่ยปากออกมาอย่างลำบากใจ
“นั่นคือ…”
ฉัวะ!
สุ้มเสียงของบางสิ่งที่ฉีกขาดดังแว่วขึ้นมา!
ชุดคลุมดำบนร่างของเขาพลันราวถูกคมมีดไร้รูปร่างกรีดเข้าอย่างรุนแรง!
แววตาของหรงซิวดำมืดลง ตัดสินใจลงมือฉับพลัน!
ทว่าสายไปเสียแล้ว
ชุดคลุมดำผืนนั้นฉีกขาดด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่าเก่า ก่อนสลายกลายเป็นผุยผง!
จากนั้นดวงจิตของบุรุษผู้นั้นเองก็สูญสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกัน!
…
ในชั่วพริบตา บุรุษชุดดำก็สลายหายไปดั่งหมอกควัน
กระทั่งร่องรอยสักเสี้ยวก็ไม่เหลือไว้
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“เมื่อครู่นั่นมัน…”
“ชุดคลุมดำนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาคงอยู่ได้มานานขนาดนี้ บางทีด้วยเหตุผลบางอย่าง ชุดคลุมดำนั่นถึงได้ทำลายตนเองจนพาลให้เขาถูกสังหารตามไปโดยสิ้นเชิง”
แววตาของหรงซิวทอประกายโกรธเกรี้ยว
“น่าเสียดายนัก…”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะ
“อย่างใดเสียเรื่องที่ควรถามเราก็ถามหมดแล้ว ส่วนคำถามสองข้อสุดท้ายนั่น… จริงๆ แล้วข้าเพียงแค่อยากยืนยันท่าทีของเขา สุดท้ายแล้ว เขาเองก็เป็นแค่หุ่นเชิดตัวหนึ่งเท่านั้น”
หรงซิวเหลือบมองนาง
มุมปากของฉู่หลิวเยว่หยักยกน้อยๆ จากนั้นก็มองไปรอบตัว แล้วเอ่ยถามแฝงความนัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...