……….
ประโยคนี้ของนางยืนยันซ้ำถึงข้อคาดเดาในใจของพวกผู้อาวุโสอูเผิงอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกเขามองหน้ากันไปมาด้วยไม่รู้ว่าควรทำอย่างใดดี สีหน้าเองก็นับว่าย่ำแย่นัก
แม้นการกลับมาคราวนี้ของพวกเขาจะเป็นเพราะเรื่องอื่น หากแต่ยามมองเห็นพวกหรงซิวยืนอยู่ได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ในใจเองพลันรู้สึกไม่สบอารมณ์เช่นกัน
นอกเหนือจากความตกใจแล้ว ในใจของพวกเขาเปี่ยมด้วยความฉงนยิ่งกว่า
บุรุษชุดดำผู้นั้นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เทียวหนา!
การจัดการกับพวกเขาก็เหมือนกับปอกกล้วยเข้าปากมิใช่หรือ?
ระหว่างนั้นมันเกิดเรื่องอันใดขึ้น สถานการณ์ถึงได้เปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้ได้?
ไม่เข้าใจ
พวกเขาไม่เข้าใจกันจริงๆ!
“เจ้า…”
ยามหนานอีอีเห็นหน้าฉู่หลิวเยว่ก็ไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว บัดนี้ได้ยินคำพูดเช่นนี้ใจจึงทวีความกราดเกรี้ยวขึ้นไปอีก
หากแต่ยังมิทันได้พูดอันใด ก็ถูกผู้อาวุโสอูเผิงขัดไว้เสียก่อน
“พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว พวกข้ามิได้ยุ่งเกี่ยวใส่ใจเรื่องของพวกเจ้าเลยแม้แต่น้อย ที่กลับมาที่นี่อีกคราก็เป็นเพราะมีเรื่องอื่นต้องจัดการเท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ กวาดตามองโดยรอบคราหนึ่ง
“อ้อ? หรือว่าของที่พวกท่านต้องการจะอยู่ที่นี่กัน?”
สิ้นเสียงคำพูด สีหน้าของผู้คนฝั่งตรงข้ามพลันเปลี่ยนพร้อมกัน
นี่ทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
เดิมทีนางเพียงอยากหยอกเย้า จึงเอ่ยส่งเดชไปประโยคหนึ่งเท่านั้น ใครจะรู้เล่า… ว่าที่พูดไปเหมือนจะเป็นเรื่องจริง?
ครานี้ นางจึงหัวเราะออกมาด้วยกลั้นไม่อยู่โดยแท้จริง
“เหมือนว่าข้าจะพูดจี้จุดเข้าจริงๆ แล้วกระมัง?”
“เรื่องของพวกเรา หาได้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเจ้า”
บุรุษชุดดำสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย เรื่องนี้ทำให้ผู้อาวุโสอูเผิงลอบบังเกิดความหวาดหวั่นต่อหรงซิวและฉู่หลิวเยว่
ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเขายังมีไพ่ตายลับซ่อนอยู่ในมือ
เวลาเช่นนี้ ไม่ไปยั่วยุพวกเขาถือเป็นการดีที่สุด
และด้วยเหตุนี้เอง คำพูดของเขาจึงสุภาพมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอยู่หลายส่วน
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้ว
เดิมทีนางไม่สนใจเรื่องของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ทว่าเห็นพวกเขากระวนกระวายใจกันเช่นนี้ ในใจนางกลับบังเกิดความสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาเสียได้
คนพวกนี้มีภูมิหลังไม่ธรรมดา วิสัยทัศน์ยังกว้างไกล
ของที่ทำให้พวกเขาสนใจกันมากถึงเพียงนี้… คงจะเป็นสมบัติอันเลอค่าหาเปรียบมิได้จริงๆ แล้วกระมัง?
หากแต่สงสัยก็ส่วนสงสัย
ตอนนี้นางมิมีความคิดจะไปใส่ใจเรื่องของพวกเขา
หาองค์ไท่จู่ให้พบต่างหากที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้
ดังนั้น ฉู่หลิวเยว่จึงมิได้ก่อกวนพวกเขาอีก
มุมปากของนางบิดคลี่น้อยๆ
“จะเป็นการดีที่สุดหากน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง พวกข้ามิได้มีจิตคิดใส่ใจเรื่องของพวกท่าน หวังว่าพวกท่านจะถนอมรักษาตัวให้ดี”
พูดจบ พวกเขาพลันหันกายขวับ เตรียมตัวจากไปในทันที
ฝั่งผู้อาวุโสอูเผิงเดิมยังคงไม่ปักใจเชื่อ หากแต่เห็นพวกเขาจะจากไปทั้งแบบนี้จริงๆ ก็บังเกิดความสนเท่ห์อยู่หลายส่วน
หนานอวี่สิงลอบกำหมัดแน่นพลางมองไล่หลังคนเหล่านั้นไป แววตาทอจิตสังหารอันเข้มข้นออกมา
น่าเสียดายก็แต่ว่าตอนนี้พวกเขาล้วนบาดเจ็บ ส่วนพละกำลังของพวกหรงซิวก็มิอาจประเมินได้
มิเช่นนั้นแล้ว… จะจัดการฝังพวกมันเอาไว้ที่นี่ไปตลอดกาลเสีย!
เรื่องราวครั้งนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้มันแล้วไปแบบนี้แน่!
รอให้ออกไปจากสุสานสังหารเทพแล้วกลับไปเสียก่อน เขาย่อมต้อง…
“จริงสิ”
ฝีเท้าของหรงซิวหยุดชะงัก พลันเบี่ยงกายหันมามองแวบหนึ่ง
สายตาลึกล้ำใสกระจ่างของเขาหยุดอยู่ที่หนานอวี่สิง
ความคิดของหนานอวี่สิงพลันหยุดชะงัก รู้สึกราวกับทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยไอเย็นเยียบจนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“เจ้า เจ้าคิดจะทำอันใด!?”
เขาทำใจดีสู้เสือแล้วเอ่ยปากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...