……….
ฉู่หนิงตื่นตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยปากถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่า
“นี่… นี่แปลว่าข้ายังสามารถฝึกตนต่อได้อยู่อย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกราวหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
“ท่านพ่อ ท่านยิ่งกว่าฝึกตนต่อได้แล้วหนา นี่ท่านได้ฝืนฟ้าเปลี่ยนชะตาไปแล้ว!”
ต้องรู้ก่อนว่า บัดนี้กระทั่งตัวนางก็ยังมิอาจหลอมสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองขึ้นมาได้!
คาดไม่ถึงเลยว่าบิดาจะชิงนำหน้านางไปก่อนแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น… ยังเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยากเช่นนี้อีก!
ตอนนี้เป็นจอมยุทธ์ระดับหนึ่งแล้วอย่างใด?
มีชีพจรเทียนจิงอยู่ ยังต้องห่วงเรื่องการฝึกตนอยู่อีกหรือ?
วิ่งหัวหมุนอยู่รอบใหญ่อยู่นาน ที่แท้นี่ก็เป็นเรื่องน่ายินดี!
ฉู่หนิงเห็นนางดีอกดีใจก็ยิ้มออกมา
“เป็นเช่นนี้แล้ว แสดงว่าคราวหลังพ่อก็สามารถช่วยเยว่เออร์ต่อได้แล้ว?”
เขากังวลใจมาโดยตลอดว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของเยว่เออร์ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าฟ้าจะยังเมตตาเปิดทางให้เขา!
ในใจของฉู่หลิวเยว่ทั้งรู้สึกดีใจและปลาบปลื้ม
หลังรับรู้ว่าตนมีร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะอยู่ในการครอบครอง สิ่งแรกที่บิดาคิดถึงก็ยังคงเป็นนาง
นางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะตอบว่า
“ข้าเพียงต้องการให้ท่านพ่อได้อยู่ดีมีสุข เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ”
ช่วงเวลาที่เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย นางทรมานจนใจแทบขาดอยู่รอมร่อ
นางกังวลอยู่ทั้งวันทั้งคืน ครุ่นคิดอยู่แต่ว่าทำอย่างใดจึงจะช่วยคนกลับมาได้อย่างเร็วที่สุด
แค่คิดว่าเขาต้องผจญกับความทรมานแบบใดบ้าง นางก็รู้สึกวิตกกังวลอย่างมิมีผู้ใดเทียบแล้ว
ฉู่หนิงลูบศีรษะนางอย่างรักใคร่
“เยว่เออร์ เด็กโง่เอ๊ย”
บัดนี้นางเก่งกาจขึ้นมาขนาดนี้แล้ว เขารอคอยที่จะได้อยู่เคียงข้างนาง หากกลายเป็นได้แค่ภาระของนาง มันก็คงดีกว่าหากปัญหานี้ไม่มีอยู่
ตอนนี้เขาก็สามารถปล่อยวางความกังวลนี้ได้ในที่สุด
หลังจากยืนยันเรื่องนี้ได้แล้ว บรรยากาศโดยรอบพลันผ่อนคลายลงทันตาเห็น
บนดวงหน้าของฉู่หนิงเองก็ประดับรอยยิ้มอย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน
คนทั้งหลายพากันสาวเท้าก้าวไปด้านหน้า ระหว่างที่เดินไปพลาง ฉู่หลิวเยว่ก็ถามคำถามที่เกี่ยวข้องไปพลางด้วย
นางอยากรู้มากจริงๆ ว่าบิดาประสบเหตุการณ์แบบใดมากันแน่ถึงได้พบกับโชคดีเช่นนี้
น่าเสียดายที่ตัวฉู่หนิงเองก็จำได้ไม่แน่ชัดนัก
ระหว่างที่ถูกกักขังเป็นระยะเวลาอันยาวนาน เขาเร่ร่อนไปมาหลายต่อหลายที่นัก แต่กลับมิรู้ว่าตนไปที่ใดมาบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังทนทรมานกับความเจ็บปวดมาไม่น้อย หลายต่อหลายครั้งที่หมดสติไป จึงมีเรื่องราวมากมายที่จำได้ไม่ชัดเจนนัก
แม้จะเคยตกอยู่ระหว่างความเป็นความตายมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็มิได้ใส่ใจ
ในหัวของเขามีเพียงความคิดเดียวคือต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อพบเยว่เออร์
อีกอย่างยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เขาเองไม่ค่อยเข้าใจนัก ต่อให้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา เขาเองก็ไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย
อย่างเช่นชีพจรของเขา หรือจะเป็นอาณาเขตเซียนเทพของเขาเอง
พูดมาจนถึงท้ายที่สุด ฉู่หลิวเยว่ก็พอเดาออกได้รางๆ ว่าร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะของบิดาน่าจะได้มาตอนที่อยู่ในสุสานสังหารเทพโดยมิได้ตั้งใจ
แล้วก็… ยังมีคราก่อนที่คนของจวินจิ่วชิงทำพลาดมหันต์ ขาดการติดต่อกับบิดาในครานั้น
ฉู่หลิวเยว่ทำได้แค่ทอดถอนใจ ความจริงช่างคาดเดาได้ยากอย่างที่คิดไว้
ตอนนั้นนางเคยคิดบ้างหรือไม่หนอว่าบิดาจะได้ไปประสบผจญภัยเช่นนี้?
“ร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะร่างนี้เป็นไปได้ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับบรรดาผู้แข็งแกร่งที่เคยสิ้นชีพอยู่ในสุสานสังหารเทพ”
หรงซิวกล่าว
ฉู่หลิวเยว่คิดไปคิดมา รู้สึกว่านี่ดูเป็นข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้มากที่สุด
เพียงแต่…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...